Volvo XC60 เจเนอเรชันที่ 2 มือสอง– SUV พรีเมียมที่ไว้ใจได้จากแบรนด์สายปลอดภัย

Volvo XC60 เจเนอเรชันที่ 2 คือหนึ่งในรถ Crossover SUV ระดับพรีเมียมที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ Volvo ให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ด้วยการออกแบบที่ผสมผสานเส้นสายเรียบหรูแบบสแกนดิเนเวียเข้ากับเทคโนโลยีความปลอดภัยที่แบรนด์ถนัด XC60 รุ่นนี้พัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์ม SPA (Scalable Product Architecture) ซึ่งเป็นพื้นฐานเดียวกับรุ่นพี่อย่าง XC90 แต่ด้วยขนาดที่กะทัดรัดกว่าและระบบต่าง ๆ ที่ผ่านการปรับเซตมาอย่างลงตัว ทำให้หลายคนมองว่า XC60 ใช้งานจริงได้ดีกว่าในชีวิตประจำวัน
จุดเด่นของ volvo xc60 เจเนอเรชันที่ 2 ไม่ใช่แค่ดีไซน์หรือชื่อเสียงเรื่องความปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความน่าเชื่อถือของระบบเครื่องยนต์ ระบบขับเคลื่อน และงานประกอบคุณภาพสูงจนได้รับเสียงชื่นชมจากทั้งฝั่งยุโรปและเอเชีย แม้ในไทย XC60 รุ่นนี้จะไม่แมสเท่าคู่แข่งจากฝั่งเยอรมัน แต่ในตลาดรถมือสองกลับได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่องด้วยภาพลักษณ์ที่ดูภูมิฐาน สมรรถนะที่น่าประทับใจ และราคาเข้าถึงได้ไม่ยาก จึงไม่น่าแปลกที่หลายคนเริ่มมอง XC60 เป็นทางเลือกที่คุ้มค่า
บทความนี้จะพาไปเจาะลึก Volvo XC60 เจเนอเรชันที่ 2 สำรวจจุดเด่น ข้อดี-ข้อเสีย ปัญหาที่พบ รวมถึงคำแนะนำในการเลือกซื้อและการดูแลรักษา เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับคนที่กำลังมองหา Crossover SUV รุ่นนี้มาใช้งาน
ประวัติและภาพรวมของ Volvo XC60 เจเนอเรชันที่ 2

Volvo XC60 เจเนอเรชันที่ 2 เปิดตัวครั้งแรกในปี 2017 และยังคงทำตลาดมาถึงปัจจุบัน ถือเป็นหนึ่งในโมเดลสำคัญที่สานต่อความสำเร็จจาก XC90 รุ่นพี่ที่เปิดตัวไปก่อนหน้า 2 ปี Volvo ได้ใช้ประสบการณ์และข้อเรียนรู้จาก XC90 มาปรับปรุงและยกระดับ XC60 ให้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานประกอบ สมรรถนะ หรือระบบความปลอดภัย ส่งผลให้ XC60 กลายเป็นหนึ่งในรถยนต์จากแบรนด์สวีเดนที่ประสบความสำเร็จสูงสุดทั้งในแง่ยอดขายและการยอมรับจากผู้ใช้หลาย ๆ ประเทศ
XC60 เจเนอเรชันที่ 2 ใช้แพลตฟอร์ม SPA (Scalable Product Architecture) แบบเดียวกับ XC90 และ S90 มาพร้อมงานออกแบบที่เรียบหรูตามสไตล์สแกนดิเนเวีย ภายในกว้างขวาง ใช้วัสดุคุณภาพสูง และติดตั้งระบบความปลอดภัยขั้นสูงอย่าง Pilot Assist และ City Safety เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในหลายรุ่นย่อย จึงไม่น่าแปลกที่ XC60 ได้รับรางวัลด้านความปลอดภัยมากมายจากสถาบันในยุโรปและอเมริกา รวมถึงกลายเป็นรถขายดีอันดับต้น ๆ ของ Volvo ในตลาดโลก
อีกหนึ่งเรื่องที่หลายคนอาจยังไม่รู้คือ ตั้งแต่กลางปี 2019 เป็นต้นมา XC60 ที่จำหน่ายในหลายประเทศ รวมถึงไทย มีทั้งรุ่นที่ประกอบในสวีเดนและรุ่นที่ผลิตจากโรงงานในจีน ซึ่งหลายคนอาจตั้งข้อสงสัยเรื่องคุณภาพ ทว่าความจริงแล้ว Volvo ยืนยันชัดเจนว่าทั้งสองแหล่งผลิตใช้มาตรฐานเดียวกันทุกประการ และจากประสบการณ์ใช้งานจริง หลายเสียงยอมรับว่า XC60 รุ่นประกอบจีนมีคุณภาพไม่แพ้ฝั่งยุโรปเลยด้วยซ้ำ บางแง่มุม เช่น งานเก็บรายละเอียดภายในหรือออปชันบางรายการ ยังทำได้ดีกว่าด้วยซ้ำ นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ XC60 กลายเป็นรถหรูที่ถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่องในตลาดรถมือสองบ้านเราเช่นกัน
ในด้านขุมพลัง Volvo XC60 เจเนอเรชันที่ 2 มีตัวเลือกเครื่องยนต์หลากหลายเพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างของผู้ขับขี่ในแต่ละภูมิภาค ตั้งแต่เครื่องยนต์เบนซิน T5 และ T6 ที่ใช้เทอร์โบหรือเทอร์โบคู่ ไปจนถึงรุ่นดีเซล D4 และ D5 ที่เน้นแรงบิดและความประหยัด นอกจากนี้ยังมีรุ่น Plug-in Hybrid ที่รู้จักกันในชื่อ T8 Twin Engine ซึ่งรวมพลังจากเครื่องยนต์เบนซินและมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุดกว่า 400 แรงม้า และในบางปีมีการอัปเดตรหัสรุ่นใหม่เป็น Recharge เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่มุ่งสู่ความยั่งยืน
ด้านงานดีไซน์ XC60 มีการปรับโฉม (facelift) 1 ครั้งในช่วงกลางปี 2021 โดยเน้นการเปลี่ยนแปลงภายใน เช่น ปรับหน้าจอให้ใช้ระบบปฏิบัติการ Google แทน Sensus เดิม พร้อมอัปเกรดระบบช่วยขับขี่ให้ฉลาดและแม่นยำยิ่งขึ้น แม้หน้าตาภายนอกจะเปลี่ยนไม่มาก แต่ความรู้สึกโดยรวมในห้องโดยสารกลับยกระดับขึ้นอย่างชัดเจน
รูปลักษณ์ภายนอกและตัวถัง XC60

xc60 รุ่น 2 เป็นรถที่สะท้อนถึงความประณีตในทุกองค์ประกอบของการออกแบบภายนอก ตัวถังผลิตจากโลหะคุณภาพสูงที่มีความแข็งแรง ทนต่อแรงกระแทกและการกัดกร่อนได้ดี พื้นผิวตัวรถผ่านกระบวนการพ่นสีที่ละเอียด ส่งผลให้สีเงางามและคงทนแม้ใช้งานมาแล้วหลายปี ส่วนตกแต่งอย่างกรอบโครเมียมรอบกระจังหน้าและรอบหน้าต่างก็ยังคงความเงาได้ดี ไม่หลุดลอกหรือหม่นง่ายเมื่อเทียบกับรถระดับเดียวกันในตลาด
กระจกหน้าต่างและกระจกบังลมหน้าเป็นจุดที่ควรตรวจสอบอย่างละเอียด โดยเฉพาะรอยแตกร้าวหรือจุดบิ่นเล็ก ๆ ที่อาจขยายเป็นปัญหาใหญ่ในภายหลัง รวมถึงอาจใช้เป็นข้ออ้างต่อรองราคาได้ในตลาดมือสอง ขณะที่ไฟหน้าแบบ LED ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในหลายรุ่นย่อย นอกจากจะให้แสงคมชัดและทำงานแม่นยำแล้ว ยังเป็นหนึ่งในจุดขายสำคัญของรถรุ่นนี้ อย่างไรก็ตาม ควรสังเกตฝาครอบไฟหน้าว่ามีรอยขีดข่วนหรือหมองหรือไม่ เพราะในบางกรณีอาจต้องเปลี่ยนใหม่ เนื่องจากการขัดไม่สามารถฟื้นสภาพได้ทั้งหมด
อีกหนึ่งประเด็นที่ไม่ควรมองข้ามคือ ระบบออปติคัลของไฟหน้าซึ่งมีราคาค่อนข้างสูง หากเกิดความเสียหายจะมีค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนหรือซ่อมแซมที่ไม่เบา และน่าเสียดายที่ไฟหน้ารุ่นนี้เคยตกเป็นเป้าหมายของการโจรกรรมในบางประเทศ เนื่องจากชิ้นส่วนมีมูลค่าสูง ดังนั้น การเลือกซื้อ XC60 มือสองควรตรวจสอบไฟหน้าและระบบส่องสว่างให้ถี่ถ้วนเป็นพิเศษ ไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงาม แต่รวมถึงความปลอดภัยและค่าใช้จ่ายในระยะยาวด้วย
ภายในและคุณภาพงานประกอบมาตรฐานรถยุโรป

ห้องโดยสารของ Volvo XC60 เจเนอเรชันที่ 2 สะท้อนถึงแนวคิดรถยุโรปสแกนดิเนเวียที่เน้นความเรียบหรู ใช้งานง่าย และให้สัมผัสที่อบอุ่น วัสดุภายในถูกคัดสรรมาอย่างดีไม่ว่าจะเป็นแผงแดชบอร์ด หนังหุ้มเบาะ หรือวัสดุตกแต่งแบบเมทัลลิกและไม้จริงในบางรุ่นย่อย ทั้งหมดให้ความรู้สึกมั่นคงและพรีเมียมตามสไตล์รถยุโรป แต่สิ่งหนึ่งที่ควรใส่ใจเป็นพิเศษคือหนังที่ใช้ในห้องโดยสารซึ่งแม้จะนุ่มและดูดีแต่ก็มีความไวต่อรอยขีดข่วนและการซีดจางจากแสงแดด การดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยควรทำความสะอาดด้วยน้ำยาสำหรับเบาะหนังโดยเฉพาะ และหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรง
อีกหนึ่งรายละเอียดที่ผู้ใช้หลายคนสังเกตได้ทันทีคือหน้าจออินโฟเทนเมนต์แบบสัมผัส Sensus ที่ถือเป็นหัวใจของระบบควบคุมในรถ แม้จะตอบสนองดีและใช้งานได้หลากหลาย แต่หน้าจอรุ่นก่อนปี 2021 ไม่มีการเคลือบสารกันรอยนิ้วมือ ทำให้เกิดรอยนิ้วและรอยขีดข่วนได้ง่ายโดยเฉพาะหากใช้งานโดยไม่ระมัดระวัง ซึ่งอาจทำให้หน้าจอดูหม่นหมองก่อนเวลาอันควร โดยเฉพาะในรถที่ใช้งานบ่อยหรือมีเด็กนั่งมาด้วย การปรับโฉมในปี 2021 ช่วยแก้ปัญหานี้ได้บางส่วน ด้วยการเปลี่ยนระบบภายในให้ทันสมัยขึ้น รวมถึงเปลี่ยนไปใช้ระบบปฏิบัติการที่พัฒนามาจากระบบของ Google ซึ่งมีการปรับวัสดุของหน้าจอให้ทนทานและใช้งานง่ายยิ่งขึ้น
โดยรวมแล้ว ภายในของ XC60 ให้ประสบการณ์ที่หรูหราและเงียบสงบเหมาะกับการเดินทางไกล แต่ก็ควรเข้าใจถึงลักษณะเฉพาะของวัสดุบางประเภท เพื่อดูแลรักษาอย่างเหมาะสมและคงความสวยงามให้ได้นานที่สุด โดยเฉพาะในรถมือสองที่ผ่านการใช้งานมาแล้วหลายปี รายละเอียดเล็ก ๆ เหล่านี้อาจเป็นตัวชี้วัดความใส่ใจของเจ้าของเดิม และเป็นปัจจัยหนึ่งในการตัดสินใจซื้อของคุณได้เช่นกัน
ระบบสื่อและอิเล็กทรอนิกส์ของ xc 60
ในด้านระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ Volvo XC60 เจเนอเรชันที่ 2 ถือว่าทำได้ดีและมีความเสถียรสูง โดยเฉพาะในเรื่องของระบบควบคุมภายในและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ที่พบปัญหาน้อย ช่วยให้เจ้าของใช้งานได้อย่างมั่นใจมากขึ้นในระยะยาว ทั้งระบบไฟ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้ขับขี่ ต่างทำงานได้แม่นยำและตอบสนองดี
การปรับโฉมในปี 2021 ถือเป็นอีกจุดเปลี่ยนสำคัญของ xc 60โดยเฉพาะในส่วนของระบบสื่อสารภายในรถ ซึ่งเปลี่ยนมาใช้ระบบปฏิบัติการ Android Automotive แทนระบบ Sensus เดิม ทำให้หน้าจอสัมผัสหลักสามารถเข้าถึงบริการของ Google ได้โดยตรง เช่น Google Maps, Google Assistant และ Google Play Store อินเทอร์เฟซใช้งานง่ายเหมือนบนสมาร์ตโฟน และที่สำคัญคือสามารถอัปเดตซอฟต์แวร์ผ่าน OTA (Over-the-Air) ได้ ช่วยให้ระบบต่าง ๆ ภายในรถทันสมัยอยู่เสมอโดยไม่ต้องเข้าศูนย์บริการบ่อย
นอกจากเรื่องซอฟต์แวร์ รุ่นปรับโฉมยังมีการเปลี่ยนชุดเกียร์อัตโนมัติให้ตอบสนองนุ่มนวลยิ่งขึ้น รวมถึงปรับปรุงระบบความปลอดภัยเชิงรุก เช่น ระบบเบรกอัตโนมัติ การควบคุมรถให้อยู่ในเลน และระบบช่วยจอด เพิ่มความมั่นใจให้ผู้ขับขี่มากยิ่งขึ้น ส่วนภายนอกอาจดูไม่ต่างจากเดิมมากนัก แต่มีรายละเอียดเล็ก ๆ ที่เปลี่ยนไป เช่น การออกแบบกันชนหน้า-หลังและลวดลายกระจังหน้า ซึ่งแม้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แต่ก็ช่วยให้ XC60 ดูทันสมัยและสดใหม่ขึ้น
ตัวเลือกเครื่องยนต์ของ Volvo XC60 เจเนอเรชันที่ 2 ในไทย

Volvo XC60 เจเนอเรชันที่ 2 ทำตลาดในไทย 2 เครื่องยนต์ ได้แก่ เครื่องยนต์ดีเซล D4 กับเครื่องยนต์เบนซินปลั๊กอินไฮบริด T8 ทั้งสองเครื่องยนต์มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD และส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด
รถ volvo เครื่องยนต์ดีเซล D4
เครื่องยนต์ดีเซล D4 เปิดตัวมาในช่วงปีแรก ๆ ของการจำหน่ายในไทยและหยุดการขายไปในรุ่นปรับโฉมปี 2021 เป็นบล็อกเครื่องยนต์แบบ 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร พ่วงเทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร เครื่องยนต์รุ่นนี้ได้รับการยอมรับในเรื่องความประหยัด ให้พละกำลังดีเยี่ยม และมีความทนทาน ไม่ค่อยมีปัญหาจุกจิกกวนใจ ทั้งยังดูแลรักษาง่ายเพราะไม่มีระบบมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาเกี่ยวข้อง ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนมองหา XC60 มือสอง เน้นใช้งานคุ้มค่า ราคาไม่แพง
เครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริด T8
เครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริด T8 มีจำหน่ายในไทยตั้งแต่เปิดตัวในช่วงปีแรก ๆ จนถึงปัจจุบัน เป็นบล็อกเครื่องยนต์เบนซิน Drive E แบบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร พ่วงเทอร์โบและซูเปอร์ชาร์จ ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมสูงสุดทั้งระบบที่ 407 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 640 นิวตันเมตร มาพร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 11.6 kWh ขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยเครื่องยนต์ ล้อหลังขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์
เครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริด T8 ได้รับการยอมรับเรื่องพละกำลังและความล้ำสมัยของระบบขับเคลื่อน volvo xc60 t8 เป็นเครื่องยนต์ที่ให้การตอบสนองฉับไว ขับสนุก และปล่อยมลพิษต่ำ สามารถทำอัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ได้ใน 5.3 วินาที ขณะเดียวกันก็สามารถเลือกให้ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าได้ ซึ่งระยะทางที่วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนจะอยู่ที่ราว 40 กม. ถือเป็นการช่วยเซฟค่าน้ำมันได้อีกทางหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ด้วยความซับซ้อนของระบบไฮบริดทำให้เครื่องยนต์รุ่นนี้ต้องการการดูแลเอาใจใส่มากกว่าเครื่องดีเซล มีรายละเอียดหลายอย่างที่เจ้าของรถต้องทำความเข้าใจ ควรเข้าศูนย์เช็กระยะตามที่กำหนด เปลี่ยนถ่ายของเหลวตามระยะอย่าให้ขาด และต้องใช้ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงเพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพสูงสุด
ระบบส่งกำลัง

Volvo XC60 เจเนอเรชันที่ 2 ทั้งรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลและเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริด มาพร้อมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดที่ทาง Volvo ตั้งชื่อว่า Geartronic จริง ๆ แล้วเกียร์ลูกนี้เป็นระบบเกียร์ของ Aisin Warner ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นชุดเกียร์ที่มีความทนทานและไว้ใจได้ เกียร์รุ่นนี้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานทั่วไปได้เป็นอย่างดี มีจุดเด่นด้านการเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวล ฉลาด และไม่กระตุกแม้ในสภาพการขับขี่ที่หลากหลาย ทำให้การขับ XC60 ราบรื่นและเป็นธรรมชาติ ทั้งในเมืองและทางไกล
ชุดเกียร์นี้ไม่ได้เน้นความสปอร์ตจ๋า แต่ให้สมดุลที่ดีระหว่างความประหยัดและความนุ่มนวลในการขับขี่ และที่สำคัญคือ “แทบไม่มีประวัติเสียหายรุนแรง” ถ้าเจ้าของดูแลอย่างเหมาะสม ไม่ต้องซ่อมใหญ่หากใช้งานในแบบทั่วไปและไม่ฝืนลากรอบเกินความจำเป็น การดูแลเพียงอย่างเดียวที่ควรให้ความสำคัญคือการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตามระยะซึ่งโดยทั่วไปแล้วแนะนำว่าควรเปลี่ยนทุก ๆ 60,000 กม. เพื่อให้ชุดเกียร์ทำงานเต็มประสิทธิภาพและช่วยยืดอายุการใช้งาน
ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ
Volvo XC60 เจเนอเรชันที่ 2 ทุกเครื่องยนต์เป็นรถใช้ขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ AWD ระบบขับสี่ทำงานร่วมกับคลัตช์ Haldex เจเนอเรชันที่ 5 ซึ่งเป็นกลไกที่พบได้ทั่วไปในรถ Crossover SUV สมัยใหม่ ระบบนี้ทำหน้าที่ส่งกำลังไปยังล้อหลังเมื่อระบบตรวจจับว่าล้อหน้าสูญเสียการยึดเกาะ โดยปกติรถจะใช้การขับเคลื่อนล้อหน้าเป็นหลักเพื่อความประหยัด และส่งแรงบิดไปยังล้อหลังเมื่อจำเป็นเท่านั้น ถือเป็นแนวทางที่ให้ทั้งความประหยัดเชื้อเพลิงและเสถียรภาพในการขับขี่ในทุกสภาพถนน
อย่างไรก็ตาม จุดที่ควรใส่ใจเป็นพิเศษในรถ volvo รุ่นนี้คือ ชุดคลัตช์ Haldex รุ่นนี้ไม่มีไส้กรองน้ำมันในตัว เมื่อใช้ไปนาน ๆ อาจมีการสะสมของสิ่งสกปรก แนะนำว่าควรถอดออกมาทำความสะอาดและเปลี่ยนน้ำมันในระบบทุก ๆ 60,000 กม. เพื่อรักษาการทำงานให้แม่นยำและลดความเสี่ยงของการสึกหรอที่อาจตามมาในภายหลัง
ส่วนประกอบอื่นของระบบส่งกำลัง เช่น transfer case ข้อต่อเพลากลาง และกล่องเฟืองท้ายหลัง ค่อนข้างมีความทนทาน และแทบไม่มีประวัติปัญหาร้ายแรงในรุ่นนี้ เรียกได้ว่าเป็นระบบที่ "ดูแลไม่ยาก" ถ้าเจ้าของรถใส่ใจบำรุงรักษาตามระยะอย่างเหมาะสม
ระบบกันสะเทือนและช่วงล่าง
ระบบกันสะเทือนของ Volvo XC60 เจเนอเรชันที่ 2 ออกแบบโดยอิงโครงสร้างจากระบบกันสะเทือนของรุ่นพี่ XC90 ซึ่งหมายความว่าโครงสร้างและชิ้นส่วนหลายอย่างถูกปรับมาให้เหมาะสมกับขนาดตัวถังที่เล็กลง แต่ยังคงความแข็งแรงและความทนทานเอาไว้ ระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สันสตรัท ส่วนด้านหลังเป็นแบบมัลติลิงก์ ในเรื่องชิ้นส่วนต่าง ๆ ถือว่าแข็งแรงมาก แม้แต่ชิ้นส่วนที่มักเป็นจุดอ่อนในรถหลายรุ่น เช่น ปีกนกล่าง (Lower Control Arm) ก็สามารถอยู่ได้ยาวนานถึง 150,000 กม. หรือนานกว่านั้นโดยไม่ต้องเปลี่ยน หากไม่มีการใช้งานหนักเกินพิกัด
ชุดกันสะเทือนของ XC60 เจเนอเรชันที่ 2 ไม่ได้ใช้ระบบถุงลมแต่จะเป็นแบบคอยล์สปริงคอมโพสิต ซึ่งเป็นทางเลือกที่ไม่ค่อยพบในรถทั่วไป สามารถปรับความนุ่ม-แข็งได้ตามโหมดการขับขี่ ให้การตอบสนองที่ดีและมีความทนทานสูง จุดที่ควรใส่ใจในระยะยาวคือบูชของสปริงและโช้คอัพที่อาจต้องเปลี่ยนเมื่อใช้งานถึงระยะทาง 100,000 – 150,000 กม. แต่โดยรวมแล้วระบบกันสะเทือนของ XC60 เจเนอเรชันที่ 2 ในเวอร์ชันมาตรฐานมีต้นทุนดูแลไม่สูงและหาอะไหล่ได้ไม่ยาก
ระบบเบรก

ระบบเบรกของ XC60 เจเนอเรชันที่ 2 เป็นอีกจุดที่ออกแบบมาอย่างมั่นใจ ผ้าเบรกมีความทนทานสูง โดยทั่วไปแล้วผู้ขับขี่ที่ใช้งานอย่างระมัดระวังสามารถใช้ผ้าเบรกชุดหนึ่งได้นานถึง 50,000 กม. หรือมากกว่า ส่วนคนที่ขับรถเน้นสมรรถนะหรือขับในเมืองบ่อย ๆ ผ้าเบรกอาจหมดเร็วขึ้น แต่โดยทั่วไปก็ยังได้ระยะไม่ต่ำกว่า 30,000 กม. ข้อสังเกตหนึ่งคือ ผ้าเบรกหลังมักสึกหรอเร็วกว่าด้านหน้าเล็กน้อย
สิ่งที่ควรจับตาคือสายไฟที่จ่ายไฟให้กับเซอร์โวมอเตอร์เบรกมือไฟฟ้าซึ่งถูกเดินไว้ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะนัก หากมีการเสียดสีหรือความชื้นสะสมอาจทำให้สายไฟชำรุดจนระบบเบรกมือค้างและปลดล็อกไม่ได้ ปัญหานี้แม้จะไม่เกิดบ่อย แต่ก็พบได้ในรถที่ใช้งานสมบุกสมบันและดูแลไม่ดีพอ การตรวจสอบระบบเบรกมือและการเดินสายไฟจึงเป็นเรื่องที่ควรใส่ใจ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มองหารถ XC60 มือสองในรุ่นสูง ๆ ที่มีอุปกรณ์ครบครัน
คำแนะนำในการเลือกซื้อรถvolvo มือสอง

หากคุณกำลังมองหา Volvo XC60 เจเนอเรชันที่ 2 มือสอง สิ่งสำคัญอันดับแรกคือการตรวจสอบประวัติการดูแลรักษาอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการเข้าศูนย์ตามระยะ ตรวจเช็กการเปลี่ยนถ่ายของเหลวต่าง ๆ ว่าตรงตามระยะหรือไม่ ตรวจดูสภาพของรถอย่างละเอียดทั้งตัวถังภายนอก ภายในห้องโดยสาร รวมถึงเช็กการทำงานของระบบไฟฟ้าและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ทุกอย่างต้องใช้งานได้ปกติ จากนั้นถ้าเป็นไปได้ควรนำรถออกไปลองขับเพื่อดูฟีลลิ่งการขับขี่และตรวจดูการทำงานของเครื่องยนต์ เกียร์ ช่วงล่าง เบรก ระบบทุกอย่างต้องทำงานอย่างราบรื่น ไม่มีความผิดปกติ
รถที่มีประวัติครบและดูแลสม่ำเสมอมักสะท้อนถึงเจ้าของเดิมที่ใส่ใจ ซึ่งส่งผลต่ออายุการใช้งานในระยะยาวโดยตรง หากต้องการความสดใหม่ควรเลือกรุ่นปรับโฉม Facelift (ปี 2021 ขึ้นมา) เพราะออปชันต่าง ๆ ทันสมัยเทียบเท่ารถใหม่ป้ายแดง แต่ถ้าต้องการประหยัดงบ เน้นความคุ้มค่า รถรุ่นก่อนปรับโฉมก็เป็นตัวเลือกที่น่าเล่นและมาราคาเข้าถึงง่ายมากกว่า ที่สำคัญคือยังเป็นรถที่ไม่เก่า ไม่ตกรุ่น สามารถใช้งานได้อีกยาว ๆ หลายปี
หากเน้นความประหยัด ดูแลรักษาง่าย ไม่จุกจิก เครื่องยนต์ดีเซล D4 เป็นตัวเลือกที่น่าเล่น ขณะที่เครื่องยนต์ T8 Plug-in Hybrid จะเหมาะสำหรับคนที่เน้นพละกำลังและความล้ำสมัย เน้นความแรง ขับสนุก ตอบสนองฉับไว และชอบความเป็นรถยนต์ไฟฟ้า แต่ก็ตามมาพร้อมด้วยค่าใช้จ่ายในการดูแลที่มากขึ้น รวมถึงความซับซ้อนของระบบขับเคลื่อนที่อาจต้องพึ่งพาอู่ที่เชี่ยวชาญรถ Volvo หรือศูนย์บริการเท่านั้นเมื่อต้องเซอร์วิสหรือบำรุงรักษาตามระยะ
สรุปxc60 มือสอง รุ่นที่ 2 น่าใช้หรือไม่
Volvo XC60 เจเนอเรชันที่ 2 เป็นรถ Crossover SUV หรูที่ถูกพัฒนามาอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งในหลายด้านกลับทำได้ดีกว่ารุ่นพี่ XC90 ด้วยซ้ำจากโครงสร้างและขนาดตัวถังที่เล็กและเบากว่า ทำให้ระบบกันสะเทือน เกียร์ และชิ้นส่วนสำคัญอื่น ๆ ต้องรับภาระน้อยลง ทำให้การใช้งานโดยรวมมีเสถียรภาพสูงและสึกหรอช้ากว่า
suv volvo xc60 รุ่น2 ยังเป็นตัวอย่างที่ดีของการพัฒนารถยนต์โดยอาศัยประสบการณ์จากรุ่นก่อนหน้าอย่างรอบคอบ ทุกการปรับปรุงตั้งแต่แพลตฟอร์ม เครื่องยนต์ ระบบความปลอดภัย ไปจนถึงซอฟต์แวร์ภายใน ล้วนสะท้อนถึงความใส่ใจในรายละเอียด และความตั้งใจของ Volvo ที่จะสร้างรถยนต์ระดับพรีเมียมที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานจริงและภาพลักษณ์แบรนด์ นอกจากนี้ volvo xc60 ราคายังจับต้องได้ในตลาดมือสองและมอบความรู้สึกหรูหราแต่ไม่โอ้อวด มีบุคลิกเฉพาะตัวที่ไม่พยายามเลียนแบบคู่แข่งยุโรป
โดยสรุปแล้ว xc60 มือสอง เจเนอเรชันที่ 2 เป็น Crossover SUV หรูแบรนด์ยุโรปที่คุ้มค่าน่าใช้ที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาดรถมือสอง เป็นทางเลือกสำหรับคนที่มองหาความแตกต่าง ไม่อยากเล่นรถเยอรมันที่จำเจ ถ้าคุณเลือกคันที่ได้รับการดูแลดี มีการบำรุงรักษาตามระยะ XC60 จะมอบทั้งความน่าเชื่อถือ ความสะดวกสบาย และความภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าของรถจากแบรนด์สวีเดนที่ขึ้นชื่อเรื่องความปลอดภัยและการออกแบบอย่างมีรสนิยม รถรุ่นนี้จะอยู่กับคุณอย่างเงียบ ๆ แต่มั่นคง และสามารถขับขี่อย่างมั่นใจไปได้อีกหลายปี
ค้นหา Volvo XC60 มือสอง ที่ใช่สำหรับคุณ
เรารวบรวมประกาศขายรถvolvo จาก Facebook Marketplace, Kaidee, One2Car และ TaladRod มาไว้ในที่เดียว
เช็ค volvo xc60 ราคา ประเภทผู้ขาย แล้วเลือกคันที่ตรงใจคุณได้ง่ายๆ
พบกับรถมือสองมากมายที่นี่ →xc60 มือสอง
- กรุงเทพมหานคร, 500 km
- ยี่ห้อ: Volvo
- รุ่น: XC60
- แหล่งที่มา: Facebook, Kaidee, One2Car, TaladRod