รีวิว volvo xc40 มือสอง – SUV หรู ปลอดภัยตามแบบฉบับสแกนดิเนเวีย

Volvo XC40 คือหนึ่งในรถยนต์ที่เปลี่ยนภาพลักษณ์ของแบรนด์รถยนต์จากสวีเดนไปอย่างสิ้นเชิง ด้วยสไตล์ที่ทันสมัย คล่องตัว และเต็มไปด้วยนวัตกรรม XC40 ไม่ใช่แค่ Compact Crossover SUV ธรรมดา ๆ แต่เป็นการเปิดศักราชใหม่ให้กับ Volvo นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในเดือนกันยายน 2017 รถรุ่นนี้ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคใหม่ของบริษัท ทั้งในด้านการออกแบบ เทคโนโลยี และกลยุทธ์ทางธุรกิจ

XC40 เป็นรุ่นแรกของ Volvo ที่ใช้แพลตฟอร์ม Compact Modular Architecture (CMA) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง Volvo และ Geely ส่งผลให้รถรุ่นนี้สามารถผสมผสานความหรูหราแบบสแกนดิเนเวียเข้ากับความล้ำหน้าทางวิศวกรรมจากจีนได้อย่างลงตัว ความคล่องตัวในการขับขี่ รูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ และออปชันความปลอดภัยระดับแนวหน้าทำให้ XC40 ได้รับคำชมจากทั้งนักวิจารณ์และผู้ใช้งานจริงทั่วโลก และยังคว้ารางวัล "European Car of the Year 2018" มาครองได้สำเร็จ

สำหรับในประเทศไทย Volvo XC40 ถือว่าประสบความสำเร็จไม่น้อย โดยเฉพาะในกลุ่มคนเมืองรุ่นใหม่ที่ต้องการรถหรูขนาดกะทัดรัดที่ใช้งานได้ทั้งในชีวิตประจำวันและการเดินทางไกล ด้วยภาพลักษณ์ที่ดูพรีเมียมแต่ไม่เว่อร์เกินไป บวกกับความเชื่อมั่นในแบรนด์ด้านความปลอดภัย ทำให้ XC40 กลายเป็นตัวเลือกที่หลายคนให้ความสนใจ แม้ในตลาดรถมือสองก็ยังคงเป็นที่ต้องการสูง ด้วยราคาที่เริ่มจับต้องได้มากขึ้นและสมรรถนะที่ยังทันสมัย

ถ้าคุณกำลังมองหา Compact Crossover SUV มือสองที่มีทั้งสไตล์ เทคโนโลยี และความน่าเชื่อถือรถวอลโว่มือสอง XC40 อาจเป็นคำตอบที่ใช่สำหรับคุณ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับรายละเอียด จุดเด่น จุดสังเกต และคำแนะนำก่อนตัดสินใจซื้อที่คุณไม่ควรพลาด

ประวัติและภาพรวมของ XC40

Volvo XC40 ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในประวัติศาสตร์ของ Volvo หลังจากแยกทางกับ Ford อย่างเป็นทางการ XC40 กลายเป็นรถรุ่นแรกที่พัฒนาอย่างอิสระภายใต้การบริหารของ Geely ซึ่งเข้าซื้อกิจการ Volvo ในปี 2010 ความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่แค่ในแง่ธุรกิจ แต่ลึกไปถึงรากฐานของการออกแบบและวิศวกรรมรถยนต์

XC40 เปิดตัวครั้งแรกในปี 2017 พร้อมกับการนำเสนอแพลตฟอร์มใหม่ล่าสุดที่ชื่อว่า CMA (Compact Modular Architecture) ซึ่ง Volvo และ Geely พัฒนาร่วมกัน จุดเด่นของแพลตฟอร์มนี้อยู่ที่ความยืดหยุ่นสูง โดยมีเพียงระยะห่างจากศูนย์กลางล้อหน้าไปยังชุดแป้นเหยียบเท่านั้นที่เป็นจุดตายตัว ส่วนอื่น ๆ สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อให้รองรับรถหลายประเภท ตั้งแต่รถ Crossover SUV ไปจนถึงรถยนต์พลังงานไฟฟ้า

สิ่งที่มาพร้อมกับแพลตฟอร์ม CMA ก็คือเครื่องยนต์ตระกูล Drive-E ที่เริ่มใช้ในปี 2013 เครื่องยนต์ตระกูลนี้ถูกออกแบบให้มีขนาดกะทัดรัด ประสิทธิภาพดีเยี่ยม และที่สำคัญคือมีชิ้นส่วนที่ใช้ร่วมกันได้สูงมาก ซึ่งช่วยลดต้นทุนการบำรุงรักษาในระยะยาว ทั้งยังตอบโจทย์ในเรื่องการลดมลพิษและการใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ

เครื่องยนต์เบนซิน volvo xc 40

volvo xc 40 วางเครื่องยนต์เบนซินให้เลือกหลากหลายรุ่น ครอบคลุมทั้งการใช้งานประหยัดเชื้อเพลิงในเมือง ไปจนถึงสมรรถนะที่เร้าใจ ดังนี้

• T3 – เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.5 ลิตรเทอร์โบชาร์จ (รหัส B3154T) ขับเคลื่อนล้อหน้า เหมาะสำหรับผู้ที่มองหารถขับง่ายและประหยัด

• T4 –เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร (รหัส B4204T47) มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ช่วยให้ควบคุมได้มั่นใจยิ่งขึ้นในทุกสภาพถนน

• T5 – เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตรเทอร์โบ (รหัส B4204T36) พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ เป็นรุ่นที่มพละกำลังมากที่สุดในกลุ่มเครื่องเบนซิน เน้นตอบสนองเร็ว แรง และมั่นใจ

เครื่องยนต์ดีเซลของรถ volvo xc40

ถึงแม้แนวโน้มในตลาดยุโรปจะค่อย ๆ ลดการใช้ดีเซล แต่ในช่วงปีแรก ๆ ที่เปิดตัว XC40 ยังมีเครื่องยนต์ดีเซลเป็นทางเลือกสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการแรงบิดสูงและประหยัดเชื้อเพลิงระยะทางไกล ดังนี้

• D3 – เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร (รหัส D4204T16) มีทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อ

• D4 – เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร (รหัส D4204T12) อัพเกรดสมรรถนะด้วยระบบเคลื่อนสี่ล้อ ให้แรงบิดดีกว่า เหมาะกับการใช้งานหนักหรือในเส้นทางทุรกันดาร

เครื่องยนต์ไฮบริดและระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเต็มรูปแบบ

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Volvo XC40 ได้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาด โดยเพิ่มทางเลือกทั้งแบบปลั๊กอินไฮบริดและไฟฟ้า 100% เพื่อตอบรับเทรนด์การลดคาร์บอนทั่วโลก โดยมีการเปิดตัวรถหลายรุ่นออกมาเสริมตลาด อาทิ

• T4 Recharge และ T5 Twin Engine Recharge - ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร 3 สูบ เทอร์โบ ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า มีทั้งรุ่นมอเตอร์เดี่ยว (ขับเคลื่อนล้อหน้า) และรุ่นมอเตอร์คู่ (ขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD) พร้อมแบตเตอรี่ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปทั้งในเมืองและนอกเมือง และสามารถวิ่งด้วยโหมดไฟฟ้าล้วนได้ระยะทางเฉลี่ยราว 40 – 50 กม.

• XC40 Recharge Pure Electric เป็นรถเวอร์ชันพลังงานไฟฟ้า 100% มีตั้งแต่รุ่นมอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า รุ่นมอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง และรุ่นมอเตอร์คู่ขับเคลื่อนสี่ล้อที่ให้กำลังสูงสุดถึง 408 แรงม้า พร้อมขนาดแบตเตอรี่ที่แปรผันไปตามแต่ละรุ่นย่อยและรองรับการชาร์จเร็ว เหมาะสำหรับคนที่มองหารถยนต์พลังงานสะอาดที่ไม่ปล่อยมลพิษใด ๆ ในขณะวิ่ง

การที่รถ volvo xc40 มีทางเลือกขุมพลังหลากหลายตั้งแต่เบนซิน ดีเซล ไฮบริด ไปจนถึงไฟฟ้า 100% สะท้อนถึงกลยุทธ์ระยะยาวของ Volvo ที่ต้องการเป็นแบรนด์รถยนต์พรีเมียมที่ยั่งยืนและตอบโจทย์ผู้ใช้งานในทุกระดับ ไม่ว่าคุณจะให้ความสำคัญกับสมรรถนะ ความประหยัด หรือสิ่งแวดล้อม XC40 ก็มีตัวเลือกที่ตรงกับไลฟ์สไตล์

ปัญหาหลักของเครื่องยนต์ตระกูล Drive-E

แม้ว่าเครื่องยนต์ตระกูล Drive-E ของ Volvo จะขึ้นชื่อเรื่องความทันสมัย สมรรถนะดี และประหยัดเชื้อเพลิง แต่ในความเป็นจริง เครื่องยนต์ทั้งแบบเบนซินและดีเซลในกลุ่มนี้ก็มีจุดอ่อนเฉพาะที่ควรระวัง โดยเฉพาะเมื่อใช้งานในระยะยาวหรือในสภาพแวดล้อมที่ท้าทายอย่างในเมืองไทย

ปัญหาการรั่วซึมของฝาครอบวาล์ว

หนึ่งในปัญหาที่เจ้าของ XC40 เจอบ่อยที่สุดคือฝาครอบวาล์วมีน้ำมันเครื่องซึม เกิดได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่ ปะเก็นสึกหรอ ซีลยางเสื่อมสภาพ โอริงแตกร้าว หรือชิ้นส่วนที่เสียหายตามอายุการใช้งาน จุดที่มักจะมีการรั่วมากที่สุดคือตรงฝาครอบวาล์ว ซึ่งบางครั้งแค่เปลี่ยนปะเก็นอย่างเดียวก็ไม่พอ ต้องเปลี่ยนทั้งฝาครอบ เพราะพื้นผิวอาจโก่งหรือบิดเบี้ยวไปแล้ว หากปล่อยให้น้ำมันรั่วซึมไปโดนสายพานไทม์มิ่ง จะทำให้ยางเสื่อมสภาพเร็ว และอายุใช้งานลดลงเหลือไม่เกิน 120,000 กม. แนะนำว่าอย่ารอให้ถึงระยะเปลี่ยนสายพานตามคู่มือเพราะถ้าสายพานขาดเมื่อไหร่จะทำให้วาล์วงอทันทีและต้องซ่อมใหญ่

จุดรั่วซึมอื่นๆ

นอกจากฝาครอบวาล์วแล้ว ยังมีจุดอื่นที่น้ำมันเครื่องอาจรั่วซึมได้ เช่น ซีลแคมชาฟต์และเพลาข้อเหวี่ยง บริเวณเทอร์โบ และจุดต่อของถังน้ำมันเครื่อง ซึ่งเมื่อซีลเริ่มเสื่อมจะทำให้น้ำมันเครื่องซึมทีละนิด ๆ จนทำให้เกิดปัญหาน้ำมันเครื่องหายตามมา อีกจุดที่มีโอกาสรั่วซึมคือนอตถ่ายน้ำมันเครื่องที่อาจชำรุดหรือขันไม่แน่น ส่งผลให้มีการรั่วซึมเล็ก ๆ ตลอดเวลา

ปัญหาเฉพาะของเครื่องยนต์เบนซิน

สำหรับรุ่นเบนซินขนาด 2.0 ลิตร โดยเฉพาะในเวอร์ชัน T4 และ T5 ยังมีข้อควรระวังเพิ่มเติมคือปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงแรงดันสูง (High-Pressure Fuel Pump) อาจเริ่มทำงานผิดปกติ ซึ่งเสี่ยงต่อการทำให้เครื่องดับกลางทาง แม้เหตุการณ์นี้จะไม่ได้เกิดบ่อย แต่เมื่อเกิดขึ้นมักสัมพันธ์กับคุณภาพเชื้อเพลิงและน้ำมันเครื่องที่ใช้อยู่ ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วปั๊มเหล่านี้ใช้งานได้ราว 130,000 กม. หรือมากกว่านั้น แต่หากเติมน้ำมันที่มีคุณภาพต่ำหรือเปลี่ยนน้ำมันเครื่องไม่ตรงเวลา ก็อาจเสื่อมเร็วกว่าปกติ

ผลกระทบของคุณภาพเชื้อเพลิงและน้ำมัน

เครื่องยนต์ Drive-E ไม่ถูกกับน้ำมันหรือของเหลวที่มีคุณภาพต่ำ หัวเทียน Iridium ที่ติดตั้งจากโรงงานควรอยู่ได้ถึง 80,000 – 100,000 กม. อย่างไรก็ตาม ถ้าเติมน้ำมันคุณภาพต่ำ อาจต้องเปลี่ยนเร็วขึ้นกว่านี้ การเลือกใช้น้ำมันเครื่องควรใช้ของคุณภาพสูง และเปลี่ยนถี่กว่าที่คู่มือแนะนำ (อย่างน้อยทุก 8,000 – 10,000 กม.) แทนที่จะรอถึง 20,000 กม. ตามมาตรฐานของ Volvo

ขณะที่กรองเชื้อเพลิงควรเปลี่ยนทุก ๆ การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องครั้งที่สอง เพื่อป้องกันการอุดตันและแรงดันไม่คงที่ในระบบจ่ายเชื้อเพลิง

การดูแลและบำรุงรักษาที่แนะนำ

เพื่อยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ Drive-E ให้ได้ยาวนานที่สุด ควรล้างหัวฉีด ทำความสะอาดลิ้นเร่ง (Throttle Body) และตรวจสอบระบบ EGR ทุก 50,000 กม. เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานเต็มประสิทธิภาพ และควรควรตรวจสอบหรือเปลี่ยนเซนเซอร์วัดมวลอากาศ (MAF) ที่ระยะใกล้ 100,000 กม. เพราะหากเซนเซอร์เริ่มอ่านค่าผิดจะส่งผลต่อส่วนผสมน้ำมันกับอากาศ ทำให้เครื่องยนต์มีอาการเดินสะดุด สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น หรือขึ้นไฟโชว์ Check Engine

เครื่องยนต์ดีเซลของ Volvo XC40

เมื่อพูดถึงเครื่องยนต์ดีเซลของ Volvo XC40 ในภาพรวมมีความน่าเชื่อถือและมั่นใจมากกว่า โดยเฉพาะเครื่องยนต์รหัส D3 และ D4 ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบในตระกูล Drive-E จุดเด่นคือความทนทาน การเผาไหม้สะอาด และการบำรุงรักษาที่ง่ายกว่าเครื่องยนต์ดีเซลสมัยเก่า

ปัญหาที่พบส่วนใหญ่ในเครื่องดีเซลของ XC40 มักจะเป็นเรื่องเล็กน้อย เช่น ท่อไอเสียหรือซีลยางบางจุดเสื่อม จากความร้อนสะสม และการรั่วซึมเล็กน้อยบริเวณท่อเชื่อมต่อ ที่มักเกิดเมื่อใช้งานเกิน 100,000 กม. ปัญหาเหล่านี้เป็นเรื่องที่ช่างเทคนิค Volvo ส่วนใหญ่คุ้นเคยกันดี และสามารถแก้ไขได้รวดเร็ว ไม่ถึงขั้นต้องยกเครื่องหรือเปลี่ยนชิ้นส่วนใหญ่

ปัญหาเซนเซอร์ระดับน้ำมัน

ผู้ใช้บางรายพบปัญหาเกี่ยวกับเซนเซอร์วัดระดับน้ำมันเครื่องที่แสดงข้อความผิดพลาดบนหน้าจอ เช่น “ระดับน้ำมันสูงเกินไป” ทั้งที่น้ำมันอยู่ในระดับปกติ ในช่วงแรกตัวแทนจำหน่ายมักโยนความผิดให้ระบบระบายไอน้ำมันเชื้อเพลิงหรือแม้แต่การเติมน้ำมันผิดประเภท แต่เมื่อกรณีเหล่านี้เริ่มมากขึ้น Volvo ก็รับทราบปัญหาและออกมาตรการแก้ไขอย่างเป็นทางการ

แนวทางแก้ไขที่ศูนย์บริการใช้คือถ่ายน้ำมันเครื่องและเปลี่ยนไส้กรองใหม่เพื่อรีเซตค่าการวัด แล้วอัปเดตซอฟต์แวร์ของเซนเซอร์ ผ่านการปรับเฟิร์มแวร์ หลังจากดำเนินการตามนี้แล้วปัญหาก็มักหายไปและไม่กลับมาอีก จึงถือว่าไม่ใช่ข้อบกพร่องใหญ่แต่อาจทำให้เจ้าของใหม่ตกใจได้ถ้ายังไม่รู้ข้อมูลล่วงหน้า

ระบบส่งกำลังของ Volvo XC40

Volvo XC40 ที่จำหน่ายในไทยมาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ซึ่งเป็นเกียร์ที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในหลายค่ายรถ โดยเกียร์นี้ถูกออกแบบภายใต้ชื่อทางการของ Volvo ว่า Geartronicเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดรุ่นนี้ได้รับการยอมรับถึงความทนทานและมีความน่าเชื่อถือสูง จุดเด่นคือความนุ่มนวลในจังหวะเปลี่ยนเกียร์ และสามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 200,000 – 300,000 กม. โดยไม่ต้องซ่อมใหญ่ ถ้ารักษาตามระยะและไม่ใช้งานผิดวิธี

จุดอ่อนของเกียร์อัตโนมัติ Geartronic ใน xc 40

แม้จะทน แต่ก็มีจุดอ่อนอยู่บ้าง โดยปัญหาหลักที่พบบ่อยคือปัญหากับตัวแปลงแรงบิด (Torque Converter) ซึ่งมักเกิดจากการขับขี่ที่รุนแรง เช่น เหยียบหนัก ๆ ตั้งแต่ออกตัว หรือขับในช่วงที่เกียร์ยังไม่ร้อนเต็มที่ ปัญหาต่อมาคืออาการกระตุกหรือสั่นเมื่อเปลี่ยนเกียร์ มักเกิดจากแผ่นคลัตช์และแถบเบรกภายในกล่องเกียร์สึกหรอ หรือมีเศษโลหะปะปนในน้ำมันเกียร์ อีกปัญหาที่เจอคือปัญหาแรงดันตกหรือวงแหวนซีลเทฟลอนเริ่มหมดสภาพ ทำให้น้ำมันไม่สามารถสร้างแรงดันได้เพียงพอ

การดูแลระบบเกียร์อัตโนมัติของ XC40 ให้ใช้งานได้ยาวนานไม่ใช่เรื่องซับซ้อน แนะนำว่าควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุก 40,000 – 50,000 กม. และทำความสะอาดตัว Heat Exchanger ทุกครั้งที่เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ เพื่อป้องกันคราบตกค้างที่อาจทำให้ความร้อนสะสม นอกจากนี้ ในรุ่นปี 2017–2018 ที่เคยพบปัญหาเรื่องอาการกระตุกจากซอฟต์แวร์ควบคุม สามารถแก้ไขได้ด้วยการอัปเดตซอฟต์แวร์เกียร์ที่ศูนย์บริการ

ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD

ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD ของ XC40 เป็นระบบของ Haldex เจนฯ ที่ 5 ซึ่งเป็นระบบจับคู่แรงบิดที่ตอบสนองเร็ว แม่นยำ และมีประสิทธิภาพมากกว่ารุ่นก่อน โดยจะทำงานแบบขับเคลื่อนล้อหน้าเป็นหลักและส่งกำลังไปยังล้อหลังเมื่อจำเป็น เช่น เวลาล้อหมุนฟรีหรือขับบนพื้นผิวลื่น อย่างไรก็ตาม ระบบนี้มีข้อควรระวังคือไม่มีตัวกรองน้ำมันในชุด Haldex ทำให้น้ำมันสกปรกเร็ว แนะนำว่าควรเปลี่ยนน้ำมันระบบ Haldex ทุก 40,000 กม. หรือเร็วกว่านั้นถ้าใช้งานหนัก เช่น ลุยน้ำ หรือขึ้นเขาบ่อย

การดูแลระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออย่างถูกวิธี

การเปลี่ยนน้ำมันระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Haldex ทำได้ไม่ยาก แต่ควรทำอย่างถูกขั้นตอน ดังนี้

1. ถอดปั๊ม Haldex ออกมาทำความสะอาด มีนอตยึดเพียงไม่กี่ตัวที่ต้องคลาย
2. ล้างหน้ากรองและพื้นผิวภายในของปั๊มโดยใช้น้ำยาทำความสะอาดเฉพาะทางเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย
3. เปลี่ยนโอริงและซีลรอบปั๊ม ทุกครั้งที่ถอดเพื่อป้องกันการรั่วซึม
4. เติมน้ำมันเกรดที่แนะนำจากผู้ผลิต และตรวจสอบระดับอย่างแม่นยำ

ช่วงล่างและระบบกันสะเทือนของวอลโว่ xc40

Volvo XC40 ขึ้นชื่อเรื่องความสบายในการขับขี่ การควบคุมที่มั่นคง และความนุ่มนวลในทุกสภาพถนน แต่เมื่อเจาะลึกไปยังรายละเอียดของระบบช่วงล่างกลับพบว่ามีจุดอ่อนบางอย่างที่ผู้ใช้ควรรู้โดยเฉพาะในระบบกันสะเทือนด้านหน้าที่แม้จะออกแบบมาให้แข็งแรง แต่ก็มีข้อบกพร่องเชิงวิศวกรรมเล็กน้อยที่อาจสร้างความรำคาญในระยะยาว

หนึ่งในปัญหาที่พบได้บ่อยของ xc 40 คือการสึกหรอลูกปืนสตรัท (Strut Bearing) ซึ่งเกิดจากการวางตำแหน่งของขดสปริงไม่ถูกต้องตั้งแต่โรงงาน บางรุ่นของ XC40 มีการจัดวางสปริงที่ทำให้แรงกดถูกส่งตรงลงบนแบริ่งรองรับ ส่งผลให้เกิดแรงบิดผิดมุม และทำให้ชิ้นส่วนเกิดการบิดเบี้ยวหรือเสียรูปเมื่อใช้งานไปได้สักระยะ สัญญาณของปัญหานี้คือได้ยินเสียง "คลิก" หรือ "แต๊ก ๆ" จากช่วงล่างด้านหน้า โดยเฉพาะเวลาหมุนพวงมาลัย ซึ่งอาจเริ่มเกิดตั้งแต่ระยะทางเพียง 20,000 – 25,000 กม. หากปล่อยทิ้งไว้ โดยไม่ซ่อมแซม อาการจะรุนแรงขึ้น จนกระทั่ง ลูกปืนหมดสภาพใช้งานที่ระยะประมาณ 50,000 – 60,000 กม.

โช้คอัพและชิ้นส่วนระบบกันสะเทือนอื่น ๆ

โดยรวมแล้วโช้คอัพของ Volvo XC40 มีความทนทานอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โช้คอัพหน้าและหลังมักใช้งานได้ถึง 140,000–150,000 กม. ก่อนเริ่มมีอาการย้วยหรือน้ำมันรั่ว แต่ในบางกรณีพบว่าลูกปืนล้อ (Wheel Bearing) อาจเริ่มมีเสียงหอน หรือเสียหายได้ตั้งแต่ระยะทางประมาณ 60,000 กม. โดยเฉพาะในรถที่ใช้งานหนักหรือขับในพื้นที่ผิวถนนไม่เรียบบ่อย ๆ ซึ่งถือว่าเร็วกว่ามาตรฐานเล็กน้อย

ระบบเบรกของ volvo suv xc40

ระบบเบรกของ volvo suv xc40 ให้การตอบสนองดี นุ่มนวล และมั่นใจ ผ้าเบรกหน้า-หลังโดยทั่วไปจะต้องเปลี่ยนทุก 45,000 – 50,000 กม. และสำหรับรถที่ใช้ระบบ Pilot Assist เป็นประจำ ระบบมักจะมีการสั่งเบรกอัตโนมัติบ่อยครั้ง ทำให้อายุของผ้าเบรกลดลงเหลือเพียง 30,000 – 40,000 กม. คำแนะนำคือหากคุณเปิดระบบช่วยขับขี่ตลอดเวลาควรตรวจสอบผ้าเบรกบ่อยขึ้นกว่าปกติโดยเฉพาะก่อนเดินทางไกลหรือขับบนทางภูเขา

ระบบอิเล็กทรอนิกส์ของ Volvo XC40

นอกจาก xc40 ราคาดี แถมยังมีจุดแข็งมากมายในด้านความปลอดภัย สมรรถนะ และคุณภาพงานประกอบโดยรวม แต่ในด้าน ระบบอิเล็กทรอนิกส์ กลับไม่สามารถทำให้เจ้าของพึงพอใจได้ทั้งหมด โดยเฉพาะในรุ่นปีแรก ๆ หลังเปิดตัวมีรายงานความผิดพลาดจากระบบอิเล็กทรอนิกส์ภายในหลายจุดที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งและสร้างความสับสนให้กับผู้ใช้งาน

ปัญหาทั่วไปที่พบบ่อย ได้แก่

• ระบบควบคุมด้วยเสียงไม่ทำงานหรือรับคำสั่งผิดพลาด

• ระบบปรับอากาศค้างไม่สามารถเปลี่ยนอุณหภูมิหรือเปิด-ปิดได้ตามคำสั่ง

• หน้าจอกลางค้าง โหลดไม่ขึ้น หรือดับไปเฉย ๆ

• ระบบช่วยเหลือการขับขี่บางตัวหรือกล้องรอบคันไม่ทำงานเป็นระยะ

ในหลายกรณีปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นแบบไม่เป็นระบบและมักจะหายไปเองหลังจากรีสตาร์ทรถ แต่เมื่อเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ก็กลายเป็นความน่ารำคาญสำหรับผู้ใช้

วิธีรับมือกับปัญหาทางอิเล็กทรอนิกส์

แม้ปัญหาจะดูน่ากังวลแต่ก็มีวิธีการง่าย ๆ ที่ผู้ใช้งาน Volvo XC40 ส่วนใหญ่เรียนรู้และใช้งานได้จริงเพื่อแก้สถานการณ์เฉพาะหน้า ขั้นแรกควรใช้วิธีรีเซตรถยนต์โดยเริ่มจากดับเครื่องยนต์ ออกจากรถ ล็อกรถด้วยกุญแจ รอประมาณ 20 – 30 นาที ระบบต่าง ๆ จะเข้าสู่โหมด Sleep และรีบูตตัวเองใหม่โดยอัตโนมัติ ซึ่งในหลายกรณีปัญหาจะหายไปหลังจากสตาร์ทรถขึ้นมาใหม่

หากรีเซตรถแล้วยังไม่ได้ผล อาจต้องใช้วิธีคืนค่าโรงงานผ่านเมนูการตั้งค่าในหน้าจอกลาง วิธีนี้จะล้างข้อมูลส่วนตัวทั้งหมด เช่น รายชื่ออุปกรณ์ที่เชื่อมต่อบลูทูธ บันทึกการโทรศัพท์ อีเมล การตั้งค่าแอปฯ ต่าง ๆ และประวัติในระบบนำทาง ดังนั้นควรใช้เฉพาะในกรณีจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น

หลังจากรีเซตหรืออัปเดตซอฟต์แวร์แล้ว ระบบบางอย่างอาจต้องใช้เวลา 5 – 10 นาทีในการทำงานอย่างเต็มรูปแบบ ดังนั้นหากหน้าจอยังไม่ตอบสนองทันทีหลังรีเซตก็อย่าเพิ่งตกใจ

ในรถ volvo ซอฟต์แวร์อัปเดตช่วยแก้ปัญหาได้

Volvo เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับการอัปเดตซอฟต์แวร์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะระบบ Infotainment ชุดควบคุม ECU และโมดูลความปลอดภัย ซึ่งตัวแทนจำหน่ายสามารถทำการแฟลชซอฟต์แวร์เวอร์ชันใหม่ให้ได้ฟรีหากอยู่ในประกัน หรือมีค่าบริการในราคาที่ไม่สูงนักเมื่อหมดประกันแล้ว

หากคุณใช้งาน XC40 รุ่นก่อนปี 2021 แนะนำให้นำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบว่าซอฟต์แวร์เป็นเวอร์ชันล่าสุดหรือไม่ การอัปเดตอาจช่วยแก้ไขอาการค้าง ระบบรีเซตเอง หรือระบบตอบสนองช้าได้ในหลายกรณี

ระบบอิเล็กทรอนิกส์ของ XC40 ไม่ได้มีข้อบกพร่องรุนแรงที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือสมรรถนะหลักของรถ จุดที่ควรเข้าใจคือ Volvo XC40 เป็น รถรุ่นแรกที่พัฒนาบนแพลตฟอร์ม CMA (Compact Modular Architecture) ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ที่มาพร้อมระบบควบคุมที่ทันสมัยและซับซ้อน จึงไม่แปลกที่ช่วงปีแรก ๆ ของการผลิตจะมีปัญหาอยู่บ้าง แต่ในภาพรวม ส่วนที่เป็นกลไกและโครงสร้างหลักของรถยังได้รับคะแนนความเชื่อถือสูง และเมื่อผู้ใช้เข้าใจระบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงมีแนวทางรับมือกับข้อบกพร่องเล็กน้อย รถ volvo รุ่นนี้ก็ยังเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าใช้อยู่ดี โดยเฉพาะในตลาดรถมือสองที่ราคาลงมาอยู่ในจุดคุ้มค่า

คำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจซื้อ volvo xc40 มือสอง

หากคุณกำลังมองหารถพรีเมียมไซซ์กะทัดรัดที่มีดีไซน์ทันสมัย ขับดี และอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย Volvo XC40 มือสองคือหนึ่งในตัวเลือกที่น่าพิจารณาที่สุดในตลาดตอนนี้ เพราะ xc40 ราคาค่าตัวเข้าถึงได้โดยเฉพาะรุ่นที่ผลิตช่วงปี 2017 – 2020 ทำให้ XC40 กลายเป็นตัวเลือกที่ให้ความคุ้มค่าสูงสำหรับคนที่อยากสัมผัสแบรนด์ยุโรปคุณภาพดี แต่ไม่อยากจ่ายราคาแพงระดับรถใหม่ป้ายแดง อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่รถรุ่นนี้เปิดตัวในช่วงเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยี และเป็นเจเนอเรชันแรกบนแพลตฟอร์ม CMA ผู้ซื้อจึงควรศึกษารายละเอียดในแต่ละรุ่นย่อยให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ

คำแนะนำสำคัญสำหรับผู้ซื้อคือ อย่าเน้น volvo xc40 ราคาถูกอย่างเดียวให้เน้นเลือกรถที่มีประวัติการบำรุงรักษาชัดเจน โดยเฉพาะในประเด็นด้านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ระบบขับเคลื่อน และระบบกันสะเทือน ซึ่งอาจมีปัญหาจุกจิกในบางช่วงปีที่ผลิต รุ่น T4 ถือว่าเป็นตัวเลือกที่สมดุลที่สุด ทั้งในแง่สมรรถนะและความประหยัด ขณะที่รุ่นปลั๊กอินไฮบริดและไฟฟ้าล้วนแม้จะขับสนุกและประหยัดพลังงาน แต่มีต้นทุนซ่อมบำรุงสูงกว่า จึงเหมาะกับผู้ที่รับมือกับเทคโนโลยีใหม่ได้ดี สรุปคือ Volvo XC40 มือสองเป็นรถที่ให้คุณค่ามากกว่าภาพลักษณ์แต่ก็ต้องเลือกอย่างมีข้อมูล และควรตรวจสอบสภาพรถอย่างละเอียดก่อนซื้อทุกครั้ง

สรุปรถวอลโว่มือสอง XC40 น่าใช้หรือไม่

วอลโว่ xc40 คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างเทคโนโลยีทันสมัยกับความน่าเชื่อถือแบบฉบับแบรนด์สวีเดน แม้ในช่วงแรกของการทำตลาดจะมีปัญหาบ้าง โดยเฉพาะระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่อาจงอแง หรือรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการออกแบบ แต่โดยภาพรวมแล้ว รถคันนี้สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้ได้ดี ทั้งในด้าน volvo xc40 ภายในที่พรีเมียม สมรรถนะ ความปลอดภัย และความรู้สึก "แบบรถยุโรป" ที่สัมผัสได้ตั้งแต่วินาทีแรกที่ขับ

ระบบเครื่องยนต์ Drive-E แม้จะมีแนวโน้มเกิดการรั่วซึมน้ำมันในบางรุ่น แต่หากใช้น้ำมันเครื่องคุณภาพดีและเปลี่ยนถ่ายตามรอบอย่างเคร่งครัด ก็สามารถใช้งานได้ยาวนานโดยไม่มีปัญหาใหญ่ ขณะที่เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ถือเป็นหนึ่งในจุดแข็งของรุ่นนี้ ด้วยความทนทานสูงและการตอบสนองที่นุ่มนวล ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อก็ได้รับคำชมในแง่ความไวและแม่นยำหากได้รับการดูแลตามระยะ ส่วนช่วงล่างแม้จะมีจุดอ่อนในบางรุ่นปีแต่โดยรวมถือว่าทนทานและให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ที่ดี

ระบบอิเล็กทรอนิกส์อาจมีเรื่องให้หงุดหงิดบ้างเป็นครั้งคราวแต่ส่วนใหญ่สามารถแก้ไขได้ง่าย และมีการอัปเดตซอฟต์แวร์ช่วยบรรเทาอยู่เรื่อย ๆ สิ่งสำคัญสำหรับเจ้าของคือการดูแลรถอย่างใส่ใจ ใช้อะไหล่และของเหลวที่มีคุณภาพ และเลือกศูนย์บริการที่เข้าใจเทคโนโลยีของ Volvo อย่างแท้จริง ถ้าคุณทำได้แบบนี้ suv volvo xc40 ก็ยังรถระดับพรีเมียมที่คุ้มค่า และสามารถใช้งานได้อย่างอุ่นใจไปอีกหลายปี

ค้นหา volvo xc40 มือสอง (ปี 2008 - 2017) ที่ใช่สำหรับคุณได้ที่นี่

เรารวบรวมประกาศขายจาก Facebook Marketplace, Kaidee, One2Car และ TaladRod มาไว้ในที่เดียว

ตรวจสอบ volvo xc40 ราคามือสองได้ง่ายๆ เราเปรียบเทียบราคา ดูประเภทผู้ขาย แล้วเลือกคันที่ตรงใจคุณ

เช็ควอลโว่ xc40ในไทยได้ที่นี่ → volvo xc40 มือสอง