Mazda 3 รุ่นที่3 มือสอง– ตัวเลือกสุดคุ้มสำหรับคนมองหารถขับสนุกไม่ตกยุค

mazda 3 รหัสตัวถัง BM เป็นรุ่นแรกที่เปิดตัวแนวคิด Skyactiv

Mazda 3 เจเนอเรชันที่ 3 (รหัสตัวถัง BM) คือจุดเปลี่ยนสำคัญของค่าย Mazda ที่ยกระดับภาพลักษณ์จากรถยนต์นั่งทั่วไปสู่แบรนด์ที่มีความพรีเมียมมากขึ้นทั้งในด้านงานออกแบบ สมรรถนะ และเทคโนโลยี โดยถือเป็นเจเนอเรชันแรกที่เปิดตัวมาพร้อมกับแนวคิด Skyactiv Technology เต็มรูปแบบ เครื่องยนต์ใหม่ เกียร์ใหม่ รวมถึงโครงสร้างตัวถังและช่วงล่างที่เน้นน้ำหนักเบาและความแข็งแรงควบคู่กัน เพื่อประสิทธิภาพการขับขี่ที่ดีขึ้น ควบคุมง่าย และประหยัดน้ำมันยิ่งกว่าเดิม

ในบ้านเรา mazda 3 BM เปิดตัวในช่วงต้นปี 2014 และทำตลาดยาวมาจนถึงปี 2019 มีให้เลือกทั้งตัวถังซีดาน 4 ประตูและแฮทช์แบ็ก 5 ประตู ขุมพลังหลักคือเครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv-G ขนาด 2.0 ลิตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดที่ตอบสนองได้นุ่มนวล ช่วงล่างเซตมาค่อนข้างแน่นเฟิร์มที่ให้ความนุ่มนวลพอประมาณแต่ยังแฝงไว้ด้วยอารมณ์สปอร์ตที่ชัดเจน เรียกได้ว่าเป็นรถ C-Segment ที่มีบุคลิกโดดเด่นไม่แพ้คู่แข่งจากฝั่งยุโรปเลยทีเดียว

ด้วยดีไซน์ที่ยังดูทันสมัยแม้ผ่านมาหลายปี บวกกับคุณภาพวัสดุภายในที่จัดว่าดีมากเมื่อเทียบกับรถระดับเดียวกัน ทำให้ Mazda 3 BM กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมในตลาดรถมือสองของไทย โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มองหารถใช้งานที่มีทั้งความสวยงาม ขับดี และดูแลง่าย

ถ้าคุณกำลังพิจารณา Mazda 3 เจเนอเรชันนี้ ไม่ว่าจะเพิ่งเริ่มหาข้อมูลหรือกำลังตัดสินใจซื้อ บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกทุกแง่มุม ทั้งจุดเด่น จุดด้อย รุ่นย่อยที่น่าเล่น และสิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจ

ประวัติและการออกแบบมาสด้า3

mazda 3 เปิดตัวในไทยต้นปี   2014

Mazda 3 เจเนอเรชันที่ 3 (รหัสตัวถัง BM) เปิดตัวครั้งแรกในระดับโลกช่วงกลางปี 2013 ที่ประเทศออสเตรเลีย ก่อนจะเข้าสู่ตลาดประเทศไทยอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี 2014 โดยเป็นเจเนอเรชันแรกของตระกูลใช้ปรัชญาการออกแบบ Kodo Design – Soul of Motion แสดงออกผ่านเส้นสายตัวถังที่สวยงาม ทันสมัย ดูมีการเคลื่อนที่ที่พริ้วไหว แต่แฝงด้วยพลังและความเฉียบคมในทุกมุมมอง

งานออกแบบภายนอกของ Mazda 3 BM มีความเปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนหน้าทุกส่วน กระจังหน้า Signature Wing แบบปีกนกเชื่อมต่อกับไฟหน้าโฉบเฉี่ยว มอบความดุดันและพรีเมียม เส้นสายด้านข้างตัวรถได้รับการออกแบบให้ดูต่อเนื่องและลื่นไหล เสริมบุคลิกแบบสปอร์ตที่ยังคงความเรียบหรูเอาไว้ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นตัวถังซีดาน 4 ประตูที่มีความปราดเปรียว หรือ mazda 3 hatchback 5 ประตูที่เน้นความกะทัดรัดและคล่องตัว ก็ล้วนสะท้อนแนวคิด Kodo ได้อย่างชัดเจนทั้งคู่

ภายในห้องโดยสารก็ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมดเช่นกันโดยใช้แนวคิด Human-Centered Design ที่มุ่งเน้นให้คนขับและผู้โดยสารรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับรถ หน้าปัดแสดงผลและคอนโซลกลางถูกจัดวางอย่างมีระเบียบ ช่วยให้ควบคุมฟังก์ชันต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย วัสดุที่ใช้ในห้องโดยสารเกรดดีกว่าที่คาดไว้สำหรับรถในกลุ่ม C-Segment แถมยังมีลูกเล่นใหม่ เช่น หน้าจอ Center Display แบบยกสูง ระบบอินโฟเทนเมนต์ MZD Connect และปุ่มควบคุมแบบหมุนตรงคอนโซลกลาง ที่ให้อารมณ์การใช้งานคล้ายรถยุโรป

จุดเด่นอีกอย่างของ Mazda 3 BM คือการออกแบบที่ให้ความสำคัญกับผู้ขับขี่ตั้งแต่ตำแหน่งเบาะนั่งที่พอดี การวางพวงมาลัย และจุดศูนย์ถ่วงของตัวรถที่ต่ำ ช่วยให้ควบคุมรถได้แม่นยำและรู้สึกเป็นธรรมชาติมากกว่ารถรุ่นก่อน

โดยรวมแล้วมาสด้า3 BM ไม่ได้มาแค่เปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกให้ดูดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการยกระดับประสบการณ์ของผู้ขับขี่อย่างแท้จริง ทั้งในด้านการใช้งาน ความรู้สึกขณะขับ และคุณภาพโดยรวม จนกลายเป็นหนึ่งในรุ่นที่หลายคนยังคงนึกถึงเสมอในตลาดรถมือสองทุกวันนี้

เครื่องยนต์ Skyactiv-G หัวใจของ Mazda 3

มาสด้า3 รุ่น3 ใช้เครื่องยนต์ Skyactiv-G 2.0 ลิตร

จุดขายสำคัญของ Mazda 3 เจเนอเรชันที่ 3 คือขุมพลัง Skyactiv-G ที่ออกแบบมาให้ตอบโจทย์ทั้งสมรรถนะและความประหยัดในทุกมิติ สำหรับตลาดประเทศไทยวางจำหน่ายด้วยเครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv-G 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 165 แรงม้า แรงบิด 210 นิวตันเมตร

แม้จะไม่มีเทอร์โบแต่เครื่องยนต์รุ่นนี้ก็สามารถรีดพลังได้อย่างมีประสิทธิภาพจากแนวคิดการออกแบบที่เน้นการเพิ่มแรงโดยไม่เพิ่มภาระเครื่องยนต์ ซึ่งแตกต่างจากแนวทางที่ค่ายรถอื่นมักใช้เทอร์โบเพื่อเพิ่มกำลัง

หัวใจของระบบนี้คืออัตราส่วนกำลังอัดสูงถึง 14:1 ซึ่งถือว่าสูงเป็นพิเศษสำหรับเครื่องยนต์เบนซินแบบไม่มีเทอร์โบ การออกแบบลักษณะนี้ช่วยให้เกิดการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ส่งผลให้แรงบิดดีขึ้นตั้งแต่รอบต่ำ ควบคู่ไปกับการประหยัดเชื้อเพลิง และยังสามารถผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro 6 ได้อย่างสบาย

เพื่อให้เครื่องยนต์ Skyactiv-G ทำงานได้เต็มศักยภาพ วิศวกรของมาสด้าได้รื้อแนวคิดการออกแบบเครื่องยนต์ใหม่หมด เริ่มจากการออกแบบลูกสูบแบบใหม่ที่ลดแรงต้านขณะเคลื่อนที่และควบคุมการจุดระเบิดได้แม่นยำ ใช้ระบบฉีดเชื้อเพลิงแรงดันสูงที่ช่วยควบคุมอัตราส่วนอากาศ-น้ำมันอย่างละเอียดในทุกสถานการณ์ พร้อมด้วยระบบจุดระเบิดแม่นยำสูงที่ช่วยให้การเผาไหม้สมบูรณ์แม้ในรอบเครื่องต่ำ และออกแบบห้องเผาไหม้ ใหม่ทั้งหมดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการไหลของอากาศและการกระจายตัวของน้ำมัน

เมื่อรวมทั้งหมดเข้าด้วยกัน Mazda 3 BM จึงสามารถมอบการขับขี่ที่ได้ทั้งความแรงและตอบสนองดี ขณะเดียวกันก็ประหยัดน้ำมันแบบไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีซับซ้อนเกินความจำเป็น

เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Skyactiv-Drive

mazda 3 รุ่น3 ใช้เกียร์ Skyactiv-Drive

Mazda 3 BM ที่วางขายในประเทศไทยมาพร้อมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Skyactiv-Drive ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของรถรุ่นนี้ที่หลายคนชื่นชม มันเปลี่ยนเกียร์ได้ต่อเนื่องและนุ่มนวล ทั้งยังช่วยให้รถขับสนุก คล่องตัว และประหยัดน้ำมันไปพร้อมกัน

เกียร์ Skyactiv-Drive เป็นเกียร์ที่ Mazda พัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมด เพื่อให้มีการตอบสนองได้รวดเร็วเหมือนเกียร์ธรรมดา แต่ยังคงความสะดวกสบายแบบเกียร์อัตโนมัติไว้อย่างครบถ้วน เทคโนโลยีที่ไม่เหมือนใครนี้ได้รวมข้อดีของเกียร์ CVT คลัทช์แผ่นคู่ (Dual Clutch) และเกียร์อัตโนมัติแบบดั้งเดิมเข้าไว้ด้วยกัน พร้อมการควบคุมการขับเคลื่อนโดยตรงตลอดช่วงการทำงาน (ทอร์กคอนเวอร์เตอร์ที่มีระบบคลัทซ์แบบล๊อกอัปตลอดช่วงการทำงาน) ทำให้รู้สึกเหมือนขับขี่ด้วยเกียร์ธรรมดาอย่างแม่นยำ และปรับปรุงการประหยัดเชื้อเพลิงได้ดีกว่าเกียร์อัติโนมัติหลายรุ่นในรถยุคเดียวกัน

นอกจากนี้ เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Skyactiv-Drive ยังมีการตอบสนองการเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วและราบเรียบ เนื่องจากโมดูลเมคคาโทรนิกส์แบบใหม่ ทำให้รถสามารถทำอัตราเร่งดีอย่างต่อเนื่องจากจุดหยุดนิ่ง ให้ฟีลการขับที่ต่อเนื่อง ไม่สะดุด ช่วยดึงพลังจากเครื่องยนต์ออกมาได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเมื่อต้องการเร่งแซงหรือขับบนทางลาดชัน

สำหรับใครที่เคยขับรถเกียร์อัตโนมัติแบบเก่ามาจะรู้สึกได้ว่าเกียร์ Skyactiv-Drive เปลี่ยนจังหวะไวขึ้น ตอบสนองคันเร่งได้ดีกว่า และให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติมากกว่าเกียร์แบบ CVT ที่มักให้ความรู้สึกหน่วงหรือรอรอบ จุดนี้เองที่ทำให้ Mazda 3 BM กลายเป็นรถที่ถูกใจคนที่รักการขับขี่ไม่น้อย

คุณสมบัติและการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ Skyactiv-G

เครื่องยนต์ Skyactiv-G ที่ใช้ใน Mazda 3 BM ถูกออกแบบมาให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดด้วยเทคโนโลยีที่ซับซ้อนและการคำนวณอย่างพิถีพิถันทุกชิ้นส่วน แน่นอนว่าแลกมากับการที่ผู้ใช้งานต้องใส่ใจเรื่องการบำรุงรักษาและการเลือกใช้อุปกรณ์สิ้นเปลืองที่เหมาะสม

น้ำมันเชื้อเพลิง

เนื่องจากเครื่องยนต์ SkyActiv-G มีอัตราส่วนการอัดสูงถึง 14.0:1 ซึ่งถือว่าสูงกว่ารถเบนซินทั่วไปมาก และยังใช้ระบบฉีดเชื้อเพลิงแบบ Direct Injection จึงต้องการน้ำมันเบนซินที่มีค่าออกเทนสูงพอสมควร น้ำมันที่แนะนำคือเบนซิน 95, แก๊สโซฮอล์ 95 หรือแก๊สโซฮอล์ E85 ก็ใช้ได้ แต่ถ้าใครต้องการสมรรถนะเต็มที่พร้อมลดโอกาสการเกิดการจุดระเบิดก่อนเวลาก็สามารถเติมเบนซินออกเทน 97 ได้เช่นกัน

ระบบฉีดเชื้อเพลิง

เครื่องยนต์ Skyactiv-G ใช้ระบบหัวฉีดแรงดันสูงซึ่งขับเคลื่อนด้วยเพลาลูกเบี้ยวฝั่งไอเสีย ปั๊มสามารถสร้างแรงดันได้สูงถึง 200 บาร์ เพื่อให้การฉีดน้ำมันแม่นยำและกระจายตัวได้ดี หัวฉีดแต่ละหัวมี ช่องฉีดถึง 6 รู ช่วยให้เกิดการเผาไหม้ที่สมบูรณ์แม้ในรอบเครื่องต่ำ จุดนี้เองที่ทำให้เครื่องยนต์ Skyactiv มีความประหยัดน้ำมันและปล่อยมลพิษต่ำในระดับมาตรฐาน Euro 6

ระบบจุดระเบิด

ระบบจุดระเบิดใน Skyactiv-G ใช้หัวเทียนอิริเดียมแบบพิเศษซึ่งจำเป็นต่อการทำงานร่วมกับเซนเซอร์ไอออนภายในคอยล์จุดระเบิด ระบบนี้จะวัดแรงดันไฟฟ้าหลังการจุดระเบิดเพื่อประเมินสภาพการเผาไหม้ในแต่ละกระบอกสูบ หากใช้หัวเทียนผิดเบอร์หรือของเทียบ อาจทำให้การตรวจจับผิดพลาด ส่งผลให้เครื่องยนต์เดินไม่เรียบหรือมีอาการกระตุกได้

โซ่ไทม์มิ่ง

เครื่องยนต์ Skyactiv-G ใช้โซ่ไทม์มิ่งแทนสายพาน มีทนทานและไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย ๆ แต่โดยทั่วไปมักแนะนำให้ตรวจสอบหรือเปลี่ยนเมื่อระยะใช้งานใกล้ 150,000 กม. หรือเมื่อมีเสียงดังจากห้องเครื่องช่วงสตาร์ตเย็น ๆ ที่สำคัญคือโซ่ไทม์มิ่งในแต่ละเครื่องยนต์มีโครงสร้างต่างกันจึงควรใช้อะไหล่แท้เท่านั้น หากใช้ผิดรุ่นอาจทำให้การทำงานเพลาลูกเบี้ยวคลาดเคลื่อนและเกิดความเสียหายตามมา

ระบบวาล์วแปรผัน

Skyactiv-G ใช้ระบบควบคุมเวลาการเปิด-ปิดวาล์วไอเสียแบบแปรผัน (VVT) ซึ่งทำงานด้วยแรงดันน้ำมันเครื่องผ่านข้อต่อไฮดรอลิกที่ติดอยู่กับเพลาลูกเบี้ยว หากแรงดันน้ำมันต่ำกว่าปกติ เช่น น้ำมันเก่าหรือปั๊มน้ำมันเครื่องเริ่มเสื่อม ระบบนี้อาจทำงานผิดพลาด ส่งผลให้รอบเดินเบาไม่นิ่งหรือกินน้ำมันมากขึ้น ดังนั้นควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะ และใช้เบอร์มาสด้าแนะนำ (เบอร์ 0W-20 หรือ 5W-30) เพื่อให้ระบบทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

มาสด้า3 รุ่น3 เซตช่วงล่างแน่นทนทานเข้าโค้งดี

ช่วงล่างและระบบกันสะเทือนของ มาสด้า3

Mazda 3 BM ที่ขายในบ้านเราได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในรถคอมแพ็กต์ที่ขับดีระดับต้น ๆ ของเซกเมนต์ ส่วนหนึ่งก็มาจากการเซตช่วงล่างและโครงสร้างตัวถังที่ใส่ใจในรายละเอียด โดยเฉพาะแพลตฟอร์ม Skyactiv ที่เน้นน้ำหนักเบาแต่แข็งแรง และช่วยเสริมการควบคุมตัวรถให้มั่นใจในทุกโค้ง

มาสด้า3 รถคอมแพ็กต์ที่ขับดีระดับต้น ๆ ของเซกเมนต์

ระบบกันสะเทือนหน้า

ระบบกันสะเทือนหน้าของ Mazda 3 BM เป็นแบบแมคเฟอร์สันสตรัท จุดเด่นคือให้การควบคุมหน้ารถที่แม่นยำและตอบสนองไว โช้คอัพเดิมจากโรงงานถือว่าทนและนุ่มพอดีสำหรับการใช้งานทั่วไป แต่หากใช้งานหนัก เช่น ขับลุยทางขรุขระบ่อยๆ หรือผ่านหลุมแรง ๆ อาจเริ่มมีรอยรั่วของน้ำมันโช้คให้เห็นบ้างเมื่อระยะทางเกิน 100,000 กม. อย่างไรก็ตาม ค่าซ่อมไม่ได้สูงมาก และหากเปลี่ยนเป็นอะไหล่เทียบคุณภาพดี ก็ยังคงความนุ่มและหนึบได้ใกล้เคียงของเดิม

ระบบกันสะเทือนหลัง

ระบบกันสะเทือนหลังของ Mazda 3 BM เป็นแบบติลิงก์ ให้ความนุ่มนวลขณะขับทางไกลและยังช่วยให้รถเกาะโค้งดีขึ้นอย่างชัดเจน โช้คอัพหลังมักมีอายุใช้งานยาวพอสมควร แต่ก็อาจมีเสียงดังหรืออาการยวบยาบให้สังเกตเมื่อวิ่งเกิน 120,000 กม. เช่นเดียวกับโช้คหน้า แนะนำให้เปลี่ยนเป็นของแท้หรือแบรนด์ทดแทนที่ได้รับการยอมรับ

สปริงโช้ค

สปริงโช้คที่ติดตั้งมาจากโรงงานถือว่าทนทาน แต่จากประสบการณ์ผู้ใช้ในไทยพบว่าบางคันอาจเกิดอาการสปริงเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่คาดไว้ แนะนำให้ตรวจสอบความสมบูรณ์หากได้ยินเสียงกระแทกตอนรถยุบหรือตอนเลี้ยวแรง ๆ และควรเลือกใช้สปริงของแท้หรือยี่ห้อที่มีคุณภาพเมื่อต้องเปลี่ยน

ลิงก์กันโคลง

ลิงก์กันโคลงเป็นชิ้นส่วนสึกหรอที่ไม่ค่อยมีปัญหาในช่วง 50,000 กม. แรก แต่ถ้ารถวิ่งเกิน 100,000 กม. แล้วเริ่มมีเสียงกึก ๆ เวลาเลี้ยวหรือวิ่งผ่านถนนขรุขระ ก็เป็นไปได้ว่าลิงก์เหล่านี้เริ่มหลวมและควรเปลี่ยน ข้อดีคือเปลี่ยนไม่ยากและอะไหล่ไม่แพง

ระบบเบรก

Mazda 3 BM ใช้ดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อพร้อมระบบ ABS และ EBD แต่คาลิเปอร์เบรกมีแนวโน้มจะฝืดหรือสึกหรอหากไม่ได้ดูแล โดยเฉพาะรถที่จอดนิ่ง ๆ นาน ๆ หรือใช้งานในเมืองเป็นหลัก แนะนำให้ทำความสะอาดและหยอดจาระบีตรงแกนสไลด์เป็นระยะทุกครั้งที่เปลี่ยนผ้าเบรกเพื่อให้ระบบเบรกทำงานสมบูรณ์และไม่ติดขัด

ยางหุ้มข้อต่อเพลาขับ

แม้จะดูเป็นชิ้นส่วนเล็กๆ แต่ ยางหุ้มข้อต่อเพลาขับ (CV Boot) ก็เป็นอีกจุดที่ควรตรวจเช็กบ่อย ๆ โดยเฉพาะหากรถใช้งานมาเกิน 100,000 กม. หากมีรอยร้าวหรือฉีกขาดควรรีบเปลี่ยนทันทีเพราะเมื่อฝุ่นหรือความชื้นเข้าไปที่ข้อต่อจะทำให้เกิดการสึกหรอ และอาจต้องเปลี่ยนเพลาขับทั้งเส้น ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง

ตัวถังและความทนทานต่อสนิม

มาสด้า3 ใช้เหล็กกล้าโครงสร้างแข็งทนกัดกร่อนได้ดี

จุดหนึ่งที่หลายคนมองข้ามแต่ถือว่าเป็นจุดแข็งของ Mazda 3 BM คือคุณภาพของตัวถังและงานโลหะ Mazda ใช้เหล็กกล้าแบบ High-Tensile Steel ในหลายจุดของโครงสร้าง ซึ่งให้ทั้งความแข็งแรง น้ำหนักเบา และยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยในกรณีเกิดอุบัติเหตุ นอกจากนี้ ยังมีการเคลือบกันสนิมแบบพิเศษในกระบวนการผลิต ทำให้ตัวรถทนทานต่อการกัดกร่อนได้ดีแม้ใช้งานในสภาพอากาศร้อนชื้นแบบเมืองไทย

หากผู้ใช้งานดูแลอย่างเหมาะสม เช่น ล้างรถเป็นประจำ หลีกเลี่ยงการจอดตากแดดหรือในพื้นที่ชื้นแฉะบ่อย ๆ และตรวจสอบจุดอับน้ำตามซอกประตูหรือใต้ซุ้มล้อ ตัวถัง Mazda 3 BM สามารถอยู่ในสภาพเดิมได้ยาวนานหลายปีโดยแทบไม่มีสนิมขึ้นให้เห็นระบบอิเล็กทรอนิกส์และมัลติมีเดีย

หน้าจอทัชสกรีนและระบบ MZD Connect

Mazda 3 BM ที่ขายในไทยตั้งแต่ปี 2014 มาพร้อมระบบมัลติมีเดีย MZD Connect ที่รวมฟังก์ชันแผนที่ ความบันเทิง และการตั้งค่ารถไว้ในจอเดียว ขนาดจอ 7 นิ้วควบคุมได้ทั้งจากระบบสัมผัสและปุ่มควบคุมกลางในคอนโซล ซึ่งให้ความรู้สึกทันสมัยมากในยุคนั้น

อย่างไรก็ตาม ในรุ่นปีแรก ๆ (โดยเฉพาะปี 2014 – 2015) บางคันพบปัญหาจอค้าง รีเซตตัวเอง หรือเปิด–ปิดเองแบบสุ่ม ซึ่งเกิดจากซอฟต์แวร์เวอร์ชันเก่าที่ไม่เสถียร หากใครเจออาการแบบนี้สามารถนำรถเข้าไปที่ศูนย์บริการ Mazda เพื่ออัปเดตซอฟต์แวร์เวอร์ชันใหม่ หลังอัปเดตแล้วปัญหาเหล่านี้มักไม่เกิดซ้ำอีก

ระบบเสียง

Mazda 3 BM รุ่นสูงมาพร้อมชุดเครื่องเสียงคุณภาพดีจากโรงงาน ซึ่งให้คุณภาพเสียงที่ดีเกินมาตรฐานรถระดับนี้ มีลำโพงครบรอบคัน และเบสลึกถูกใจคอเพลง แต่จุดอ่อนคือถ้าปิดเสียงดังบ่อย ๆ เป็นเวลานาน ไดอะแฟรมของลำโพงที่ประตูอาจเสื่อมหรือแตกจนทำให้เสียงแหบหรือมีอาการแตกพร่าได้ หากต้องเปลี่ยนแนะนำให้ใช้ลำโพงเทียบที่คุณภาพใกล้เคียงหรือลองอัปเกรดชุดลำโพงทั้งระบบถ้าคุณเป็นสายฟังจริงจัง

กระจกมองข้างพับไฟฟ้า

Mazda 3 BM รุ่นที่มีระบบพับกระจกข้างไฟฟ้าอัตโนมัติหลายคันพบปัญหาชุดเฟืองพลาสติกในมอเตอร์พับกระจกแตก ทำให้ไม่สามารถพับหรือกางกระจกได้ตามปกติ ปัญหานี้มักเกิดเมื่อใช้ไปนานหลายปีหรือในรถที่จอดกลางแจ้งบ่อย ซึ่งเฟืองจะกรอบและสึกหรอเร็ว น่าเสียดายที่ Mazda ไม่มีการขายอะไหล่เฟืองชุดนี้แยกต่างหาก ถ้าเสียจึงต้องเปลี่ยนทั้งชุดกระจกมองข้าง ซึ่งมีราคาค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเริ่มมีอะไหล่ทดแทนจากผู้ผลิตอิสระหรือบริการซ่อมเฉพาะส่วนนี้ ที่มีราคาประหยัดกว่า

ห้องโดยสารและการออกแบบภายใน

มาสด้า3 ให้ความรู้สึกพรีเมียมตกแต่งด้วยวัสดุ Soft-touch

คุณภาพวัสดุภายใน

Mazda 3 BM ถือเป็นรถระดับ C-Segment ที่มีคุณภาพภายในห้องโดยสารที่ดูพรีเมียมเกินราคาในช่วงที่เปิดตัว วัสดุตกแต่งภายใน เช่น พื้นผิวแดชบอร์ดและแผงประตูส่วนบนใช้วัสดุแบบ Soft-touch ให้สัมผัสนุ่มมือ พร้อมตกแต่งด้วยโครเมียมและแถบสีดำเปียโนในบางรุ่นย่อย ซึ่งช่วยยกระดับความรู้สึกหรูหราขึ้นอย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม หลังผ่านการใช้งานไปสักระยะ หลายคันเริ่มพบว่าหนังหุ้มพวงมาลัยที่ใช้หนังแท้มีรอยถลอกหรือหลุดลอกเร็วกว่าที่ควร โดยเฉพาะหากใช้งานแบบขับขี่ทุกวันหรือจอดตากแดดเป็นประจำ ซึ่งอาจแก้ไขได้โดยการหุ้มพวงมาลัยใหม่ หรือเลือกใช้พวงมาลัยหุ้มแบบครอบคุณภาพดี

mazda3 มือสองยังคุ้มค่าและดูทันสมัยแม้ผ่านมาหลายปี

เบาะนั่ง

Mazda ออกแบบเบาะนั่งใน Mazda 3 BM ให้มีความสปอร์ต มีใช้หนังแท้ผสมหนังสังเคราะห์ พร้อมปีกข้างที่โอบกระชับลำตัว เพื่อรองรับแรงเหวี่ยงขณะเข้าโค้ง เหมาะกับคนรูปร่างเพรียวและชอบขับรถแบบกระชับติดถนน แต่ในความเป็นจริง ผู้ใช้หลายคนที่มีรูปร่างใหญ่กว่ามาตรฐานอาจรู้สึกว่าเบาะแคบ โดยเฉพาะตรงช่วงสะโพกและปีกข้างซึ่งจะรับแรงเสียดสีบ่อย ทำให้เกิดรอยย่นหรือสึกหรอเร็ว แม้โครงเบาะยังอยู่ดี แนะนำให้เสริมแผ่นรองหรือหุ้มเบาะใหม่หากใช้งานหนัก

การเก็บเสียง

Mazda 3 BM ได้รับเสียงชมในช่วงเปิดตัวว่าเก็บเสียงได้ดีทั้งจากพื้นถนนและเสียงลมรอบตัวถัง โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Toyota Altis หรือ Honda Civic ในยุคเดียวกัน จุดนี้ทำให้การขับขี่ทางไกลรู้สึกเงียบสงบและไม่เหนื่อยง่าย

อย่างไรก็ตาม เมื่อระยะใช้งานเกินกว่า 100,000 กม. ผู้ใช้บางรายเริ่มพบเสียงกรอบแกรบหรือเอี๊ยดอ๊าดเล็กน้อยจากแผงประตู หรือแผงแดชบอร์ด ซึ่งเป็นเรื่องปกติในรถที่เริ่มมีอายุและเจอแดดเมืองไทยบ่อย ๆ วิธีแก้ไขทั่วไปคือถอดแผงและบุวัสดุกันสั่นเพิ่มเติม หรือใช้วัสดุซับเสียงที่ออกแบบมาเฉพาะจุด จะช่วยลดเสียงเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คำแนะนำในการเลือกซื้อ mazda3 มือสอง

Mazda 3 BM ถือเป็นหนึ่งในรถยนต์ C-Segment ที่คุ้มค่าด้วยดีไซน์ที่ยังดูทันสมัย การขับขี่ที่สนุก และเทคโนโลยีที่ไม่น้อยหน้าใครในยุคเดียวกัน แต่ถ้าคุณกำลังมองหาคันที่ใช่ นี่คือสิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ

เครื่องยนต์

เครื่องยนต์ Skyactiv-G 2.0 ลิตร เป็นเครื่องยนต์ที่ดี แรง และให้ความประหยัดที่น่าพอใจ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการแรงบิด ขับขี่ทางไกลมากกว่าในเมือง เครื่องยนต์รุ่นนี้ขับสนุกแต่อาจกินน้ำมันมากกว่าคู่แข่งหลาย ๆ รุ่นในกลุ่มเดียวกัน การดูแลรักษาค่อนข้างละเอียด ต้องใช้หัวเทียนอิริเดียมและน้ำมันเครื่องมาตรฐานสูง

เกียร์

เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Skyactiv-Drive เป็นเกียร์ลูกใหม่ที่ Mazda พัฒนาให้รวมข้อดีของเกียร์อัตโนมัติแบบทอร์กคอนเวอร์เตอร์ เข้ากับความฉลาดของเกียร์ CVT และความกระชับแบบ Dual-clutch จึงตอบสนองได้ดี ไม่จุกจิก และดูแลง่ายถ้าใช้น้ำมันเกียร์ตรงสเปก

ระยะทาง

Mazda 3 BM มีโครงสร้างที่แข็งแรง เครื่องยนต์เชื่อถือได้ ถ้าดูแลดีต่อให้เลขไมล์เกิน 150,000 กม. ก็ยังน่าใช้ แต่ถ้าจะเล่นรถไมล์ต่ำให้พิจารณาช่วงไม่เกิน 100,000 กม. เพราะยังมีโอกาสที่ช่วงล่างและระบบต่างๆ จะสมบูรณ์โดยไม่ต้องซ่อมอะไรหนัก ที่สำคัญอย่ามองแค่ตัวเลขไมล์ ต้องตรวจสอบประวัติการเข้าศูนย์ฯ หรือใบเสร็จการซ่อมบำรุงย้อนหลังด้วยเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าของเดิมดูแลรถดีแค่ไหน

คำแนะนำในการบำรุงรักษา Mazda 3 BM

รอบการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง

เครื่องยนต์ Skyactiv-G มีรอบการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก 10,000 กม. แนะนำให้เปลี่ยนตามระยะนี้อย่าให้ขาดเพื่อยืดอายุชิ้นส่วนภายใน

วัสดุสิ้นเปลืองที่ควรใช้

  • น้ำมันเครื่องเกรด Fully Synthetic มาตรฐาน API SN หรือสูงกว่า
  • ไส้กรองอากาศของแท้ Mazda หรือจากผู้ผลิตที่เชื่อถือได้ เช่น Bosch, Denso, Wix
  • หัวเทียนอิริเดียม
  • แนะนำว่าควรใช้น้ำมันเบนซินออกเทน 95, แก๊สโซฮอล์ 95 หรือแก๊สโซฮอล์ E85 ควรหลีกเลี่ยงเบนซิน 91

บทสรุป: มาสด้า3 มือสอง น่าใช้หรือไม่

มาสด้า3 มือสองราคาคุ้มค่าและสมรรถนะเชื่อถือได้

ถ้าคุณกำลังมองหารถคอมแพ็กต์ C-Segment มือสองที่มีความครบเครื่องทั้งเรื่องดีไซน์ เทคโนโลยี สมรรถนะ และความน่าเชื่อถือในระยะยาว mazda3 มือสอง ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม รถรุ่นนี้เปิดตัวในไทยช่วงต้นปี 2014 และทำตลาดเรื่อยมาในรูปแบบซีดานและแฮทช์แบ็ก มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน SkyActiv-G 2.0 ลิตร ซึ่งตอบโจทย์ผู้ใช้จำนวนมาก ให้ประสบการณ์การขับที่คล่องแคล่วและประสิทธิภาพดีในทุกย่านความเร็ว เพียงแต่ต้องดูแลอย่างถูกวิธี ใช้น้ำมันและอะไหล่ที่ได้มาตรฐาน

จุดแข็งของ Mazda 3 BM คือช่วงล่างที่เกาะถนนดี ให้ฟีลการขับแบบสปอร์ตเล็ก ๆ แต่ไม่แข็งกระด้าง พร้อมด้วยดีไซน์ภายนอกและภายในที่ยังดูทันสมัย ไม่ตกยุค มีความเรียบหรู มีฟังก์ชันใช้งานจริงได้ครบถ้วน ถือเป็นรถอีกหนึ่งรุ่นที่ยังน่าใช้งานอยู่ในปัจจุบัน

หากสนใจ Mazda 3 BM ควรเลือกคันที่มีประวัติการบำรุงรักษาที่ชัดเจน เข้าเช็กระยะศูนย์อย่างสม่ำเสมอ มีระบบส่งกำลังที่ยังอยู่ในสภาพดี ไม่มีอาการกระตุกหรือเสียงผิดปกติ ควรตรวจสอบว่ารถไม่เคยเกิดอุบัติเหตุหนักหรือความเสียหายที่ส่งผลต่อโครงสร้างตัวถัง และถ้าจะให้ดี อย่าลืม สแกนระบบไฟฟ้าและ ECU เพื่อเช็กระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อความสบายใจในการใช้งานระยะยาว

หากคุณเจอ Mazda 3 BM คันที่เจ้าของเก่าดูแลมาดี รถรุ่นนี้จะตอบแทนคุณด้วยความทนทานและความพึงพอใจในการใช้งาน รวมถึงความสนุกในการขับขี่ที่เหนือกว่ารถญี่ปุ่นยุคเดียวกันหลาย ๆ รุ่น

ค้นหา Mazda 3 รุ่นที่3 ที่ใช่สำหรับคุณ

เรารวบรวมประกาศขายมาสด้า3 มือสองจาก Facebook Marketplace, Kaidee, One2Car และ TaladRod มาไว้ในที่เดียว

เลือกดู mazda 3เช็คประเภทผู้ขาย แล้วเลือกคันที่ตรงใจคุณได้ง่ายๆ

พบกับดี mazda3 มือสองมากมายที่นี่ →mazda3 มือสอง

  • กรุงเทพมหานคร, 500 km
  • ยี่ห้อ: Mazda
  • รุ่น: 3
  • แหล่งที่มา: Facebook, Kaidee, One2Car, TaladRod




Mazda 3 รุ่นที่3 มือสอง– ตัวเลือกสุดคุ้มสำหรับคนมองหารถขับสนุกไม่ตกยุค