รีวิว BMW X5 เนอเรชันที่ 3 (F15) มือสอง – SUV หรูที่ยังน่าเล่น! พร้อมข้อควรรู้ก่อนซื้อ

1.webp

BMW X5 เจเนอเรชันที่ 3 (รหัสตัวถัง F15) เป็นหนึ่งในโมเดลที่ประสบความสำเร็จที่สุดของค่ายใบพัดฟ้าขาว นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2014 จนถึงยุติสายการผลิตในปี 2018 รถรุ่นนี้ไม่เคยผ่านการปรับโฉมหรือ LCI เลยแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลกในวงการรถยนต์ยุคปัจจุบัน เพราะโดยทั่วไปแล้วผู้ผลิตมักจะอัปเดตรถของตนทุก 3 - 4 ปี เพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้าและปรับให้เข้ากับเทรนด์ที่เปลี่ยนไปตลอดเวลา

สิ่งที่ทำให้ bmw x5 F15 โดดเด่นคือความลงตัวของการออกแบบที่ยังดูทันสมัยแม้เวลาจะผ่านไปหลายปี พร้อมกับเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นระบบความปลอดภัย ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ หรือสมรรถนะที่ให้ทั้งความนุ่มนวลและความเร้าใจ นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกเครื่องยนต์ทั้งดีเซลและปลั๊กอินไฮบริดที่รองรับความต้องการหลากหลายของผู้ใช้ทั่วโลก

การเปิดตัวของ X5 F15 มีขึ้นในช่วงปลายปี 2013 และไม่นานนักก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่แค่ในยุโรป แต่ยังรวมถึงตลาดเอเชียและอเมริกา ปัจจุบัน X5 F15 กลายเป็นหนึ่งในรถพรีเมียม Crossover มือสองที่ได้รับความนิยมสูง ด้วยภาพลักษณ์ที่หรูหรา ตัวถังขนาดใหญ่ ภายในกว้างและให้ความสะดวกสบายในทุกการเดินทาง ความคล่องตัวที่ไม่ด้อยไปกว่ารถยนต์นั่ง และพื้นที่ใช้สอยที่รองรับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายคนยังคงมองหา X5 F15 เป็นรถครอบครัวหรูในราคาที่จับต้องได้

ไลน์อัพเครื่องยนต์ของ BMW X5 เจเนอเรชันที่ 3 (F15) ในประเทศไทย

x5 ในไทยมีทั้งเครื่องยนต์ดีเซลและปลั๊กอินไฮบริด

BMW X5 (F15) ในบ้านเรานั้นจะทำตลาดด้วยขุมพลังหลักคือเครื่องยนต์ดีเซลรุ่น N57 โดยมีให้เลือก 2 รหัส ได้แก่ sDrive25d เป็นเครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ขับเคลื่อนล้อหลัง และ xDrive30d ที่เป็นเครื่องยนต์แบบ 6 สูบเรียง ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบ พละกำลัง 218 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 560 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนสี่ล้อ

เครื่องยนต์ดีเซล N57 ของ BMW ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในเรื่องความทนทานและความน่าเชื่อถือ หากดูแลรักษาอย่างเหมาะสมเครื่องยนต์รุ่นนี้สามารถใช้งานได้เกินกว่า 250,000 กม. โดยไม่เกิดปัญหาใหญ่ จุดเด่นอยู่ที่โครงสร้างแข็งแรง การออกแบบที่เน้นความทนทาน และระบบอัดอากาศที่ให้ทั้งสมรรถนะและความประหยัดในเวลาเดียวกัน

สิ่งสำคัญสำหรับการยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ดีเซลคือการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการทำความสะอาดระบบไอดีเป็นระยะ ซึ่งช่วยให้การไหลเวียนของอากาศไม่ติดขัด ทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและยังช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันอีกด้วย อีกจุดที่ควรจับตาคือพูลเลย์ดูดซับแรงสั่นสะเทือนของเพลาข้อเหวี่ยง ซึ่งมีหน้าที่ลดแรงสั่นและถ่ายเทภาระไปยังสายพานขับอุปกรณ์เสริม การเปลี่ยนชิ้นส่วนนี้ตามรอบระยะสามารถช่วยป้องกันความเสียหายสะสมในระบบเครื่องยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในแง่ของการใช้งานจริง เครื่องยนต์ N57 ที่วางอยู่ใน BMW X5 F15 รุ่นดีเซลถือเป็นตัวเลือกที่ลงตัวมาก อัตราเร่งในรอบต่ำได้อย่างน่าประทับใจ ทำให้การขับขี่ทั้งในเมืองและทางไกลเป็นไปอย่างคล่องตัว ประหยัด และมั่นใจ เจ้าของหลายคนมองว่ารุ่นดีเซลนี้ให้ความสมดุลที่ดีที่สุดระหว่างสมรรถนะและต้นทุนการใช้งานในระยะยาว

เครื่องยนต์เบนซินปลั๊กอินไฮบริด xDrive40e

ในปี 2015 BMW ได้เพิ่มรุ่นเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริดให้กับไลน์อัพของ X5 F15 และทำตลาดในรหัส xDrive40e ถือเป็นรถยนต์ไฮบริดแบบเสียบปลั๊กรุ่นแรกที่วางจำหน่ายภายใต้แบรนด์หลักของ BMW เวอร์ชันนี้มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง 2.0 ลิตร เทอร์โบ 241 แรงม้า จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 111 แรงม้า รวมพละกำลังทั้งระบบ 313 แรงม้า และมีแบตเตอรี่ความจุ 9.0 kWh ให้ระยะทางขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนประมาณ 30 กม.

X5 F15 รหัส xDrive40e ได้รับความนิยมสูงไม่แพ้ X5 เครื่องดีเซล แถมมีกำลังแรงม้ามากกว่า ทำให้ขับสนุก ตอบสนองได้ดีทั้งการขับขี่ในเมืองและนอกเมือง ถือก้าวสำคัญสู่การขับเคลื่อนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในกลุ่มพรีเมียม Crossover และเป็นมาตรฐานให้กับ Crossover รุ่นหลัง ๆ ของ BMW ที่ต้องมีขุมพลังปลั๊กอินไฮบริดเป็นตัวเลือกด้วยเสมอ นอกจากนี้ เครื่องยนต์เบนซินปลั๊กอินไฮบริดของ X5 ยังมีความทนทานและน่าเชื่อถือ แม้ตัวระบบจะค่อนข้างซับซ้อนและต้องการการดูแลที่พิถีพิถันมากกว่าเครื่องดีเซล แต่ก็เป็นตัวเลือกที่น่าใช้งานสำหรับคนที่อยากช่วยลดมลพิษและต้องการสัมผัสประสบการณ์ขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า

ระบบส่งกำลังของ x5

X5 F15 ใช้เกียร์ Steptronic 8 สปีดทนทาน

BMW X5 F15 เวอร์ชันไทยมาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 สปีดซึ่งได้รับเสียงชื่นชมอย่างต่อเนื่องทั้งจากผู้ใช้งานและผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ จุดเด่นของเกียร์ลูกนี้คือการเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วและราบรื่น มอบประสบการณ์ขับขี่ที่ต่อเนื่องและสะดวกสบายไม่ว่าจะใช้งานในโหมดขับขี่ปกติหรือโหมดสปอร์ต

เกียร์ Steptronic 8 สปีดยังขึ้นชื่อเรื่องความทนทานหากได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม การเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตามระยะที่แนะนำคือทุก 40,000 - 50,000 กม. จะช่วยยืดอายุการใช้งานของระบบส่งกำลังและรักษาสมรรถนะในการเปลี่ยนเกียร์ให้ลื่นไหลเหมือนใหม่ต่อเนื่องไปอีกนาน

ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive

จุดเด่นของ BMW X5 F15 คือระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive

ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive ใน BMW X5 F15 เป็นหนึ่งในจุดเด่นด้านวิศวกรรมของรถรุ่นนี้ มันถูกออกแบบมาเพื่อมอบทั้งความคล่องตัวและความมั่นใจในการยึดเกาะถนน การขับขี่ในสภาพปกติแรงบิดส่วนใหญ่จะถูกส่งไปยังล้อหลังเพื่อรักษาฟีลลิ่งการควบคุมแบบรถขับหลังตามสไตล์ BMW แต่เมื่อระบบตรวจพบการลื่นไถลหรือการสูญเสียแรงยึดเกาะ แรงบิดจะถูกกระจายไปยังล้อหน้าทันที ช่วยเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่โดยอัตโนมัติ

เพื่อให้ระบบ xDrive ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพตลอดอายุการใช้งาน การตรวจเช็กและบำรุงรักษาชิ้นส่วนสำคัญอย่างซีลเฟืองท้าย กระปุกเฟืองท้าย และร่องเพลาขับหน้าอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรถที่ผ่านการใช้งานหนักหรือใช้งานในสภาพถนนที่ท้าทาย

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่แบบเร้าใจ เช่น การเร่งออกตัวแรง ๆ หรือการขับในทางโค้งด้วยความเร็วสูง แนะนำให้พิจารณาอัปเกรดเพลาขับหน้าเป็นรุ่นที่แข็งแรงกว่าพร้อมร่องยาว เพื่อเพิ่มความทนทานและลดความเสี่ยงจากแรงกระชากที่เกิดขึ้นระหว่างการขับขี่แบบสปอร์ต

ระบบกันสะเทือน

X5 F15 มาพร้อมระบบกันสะเทือนแบบถุงลม (Air Suspension) ที่สามารถปรับความนุ่มได้ตามโหมดการขับขี่ มอบความนุ่มนวลและความสะดวกสบายที่เหนือกว่า โดยเฉพาะเมื่อต้องขับผ่านพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบ ระบบถุงลมยังสามารถปรับความสูงของตัวรถได้ตามสภาพถนนหรือโหลดที่บรรทุก เพิ่มความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพในการใช้งานทั้งในเมืองและทางไกล

ในด้านความทนทาน ชิ้นส่วนช่วงล่างของ x5 ถูกออกแบบมาให้รองรับการใช้งานหนักได้ดี แขนล่างของระบบกันสะเทือนหน้า (Lower Control Arm) มักมีอายุการใช้งานประมาณ 80,000 – 100,000 กม. บูชยางของระบบกันสะเทือนหลังสามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 100,000 กม. โช้คอัพโดยทั่วไปมีอายุเฉลี่ยราว 150,000 กม. ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงคุณภาพของวัสดุและการออกแบบที่เน้นความทนทานและความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสภาพถนนที่หลากหลาย

ทั้งนี้ ระบบกันสะเทือนแบบถุงลมมีข้อควรระวังที่สำคัญคือในกรณีที่ต้องยกรถด้วยแม่แรงหรือเข้ารับบริการ ควรยกรถทั้งสองฝั่งของเพลาพร้อมกันอย่างสมมาตร เพื่อหลีกเลี่ยงการบิดตัวของถุงลมซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายได้

เบรกมือไฟฟ้า

BMW X5 มีระบบเบรกมือไฟฟ้าสั่งงานง่ายแค่กดปุ่ม

ระบบเบรกมือไฟฟ้าใน BMW X5 F15 เป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน โดยสามารถสั่งงานได้ด้วยเพียงการกดปุ่ม แตกต่างจากเบรกมือแบบกลไกที่ใช้แรงดึงคันโยก อย่างไรก็ตาม แม้ระบบนี้จะใช้งานง่ายแต่ก็ยังต้องการการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดอายุการใช้งาน

เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง X5 E70 ระบบเบรกมือไฟฟ้าใน F15 ได้รับการปรับปรุงทั้งในด้านโครงสร้างและความน่าเชื่อถือ ตัว Servo Actuator และสายควบคุมได้รับการออกแบบใหม่เพื่อลดโอกาสเกิดปัญหาติดขัดหรือใช้งานไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ในการใช้งานจริง ผู้มีประสบการณ์มักแนะนำให้ขันสายเบรกมือของเซอร์โวแอคชูเอเตอร์เป็นระยะ โดยทั่วไปทุก 30,000 ถึง 40,000 กม. เพื่อรักษาความตึงของสายและป้องกันการสึกหรอที่อาจนำไปสู่การติดขัดของระบบ หากละเลยการดูแลระบบเบรกมือไฟฟ้าอาจเกิดอาการล็อกค้างหรือไม่ทำงาน ซึ่งในบางกรณีอาจต้องใช้วิธีปลดฉุกเฉินที่ยุ่งยากและไม่สะดวก โดยเฉพาะหากเกิดในสถานการณ์ที่ไม่พร้อม เช่น ระหว่างเดินทางไกลหรือจอดในที่ลาดชัน

ภายในและความสะดวกสบาย

X5 ภายในใช้วัสดุตกแต่งหนังแท้ผิวสัมผัสนุ่ม

ภายในของ BMW X5 F15 สะท้อนตัวตนของรถยนต์ระดับพรีเมียมได้อย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็นวัสดุตกแต่งที่ใช้หนังแท้ผิวสัมผัสนุ่มและแถบอะลูมิเนียมหรือไม้จริงซึ่งให้ความรู้สึกหรูหราและลงตัว เบาะนั่งออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ รองรับการปรับได้หลายทิศทาง ทั้งระบบไฟฟ้าและเมมโมรี พร้อมฟังก์ชันอุ่นหรือระบายอากาศในบางรุ่น สร้างประสบการณ์การโดยสารที่ทั้งสบายและเหนือระดับ

ในแง่ของเทคโนโลยี BMW X5 F15 มาพร้อมระบบ iDrive เวอร์ชัน 6 ที่ได้รับการยอมรับว่าทำงานรวดเร็วและใช้งานง่าย หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่แบบจอกว้างที่ติดตั้งอยู่กลางคอนโซลสามารถควบคุมทุกอย่างได้จากปุ่มควบคุมแบบหมุนหรือระบบสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นระบบนำทาง การจัดการเสียง โทรศัพท์ ระบบปรับอากาศ ไปจนถึงการตั้งค่าต่าง ๆ ของตัวรถ ทั้งหมดถูกออกแบบมาให้ผู้ขับสามารถเข้าถึงได้โดยไม่ต้องละสายตาจากถนนมากเกินไป

พื้นที่ภายในถือเป็นจุดแข็งอีกอย่างของ X5 F15 ห้องโดยสารกว้างขวาง รองรับผู้โดยสารได้อย่างสะดวกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง พร้อมพื้นที่วางขากว้างและพนักพิงหลังที่ปรับเอนได้ ที่เก็บสัมภาระด้านท้ายมีความจุใหญ่พอสำหรับการเดินทางทั้งครอบครัว หรือแม้แต่ขนของชิ้นใหญ่ โดยไม่ต้องพับเบาะหลังลง หากต้องการใช้งานแบบครอบครัวขนาดใหญ่ ยังสามารถเลือกติดตั้งเบาะแถวที่สามเป็นอุปกรณ์เสริม ซึ่งจะเปลี่ยน X5 ให้กลายเป็นรถ 7 ที่นั่งที่พร้อมลุยทั้งในเมืองและนอกเมืองได้อย่างยืดหยุ่น

การออกแบบ: พัฒนาการที่รักษาเอกลักษณ์

x5 มือสอง ราคาสุดคุ้ม

BMW X5 F15 มาพร้อมดีไซน์ที่ต่อยอดจากความคลาสสิกของตระกูล X5 ผสานกับแนวทางการออกแบบยุคใหม่ได้อย่างกลมกลืน เส้นสายของตัวรถดูทรงพลังแต่ก็เรียบหรู โดยเฉพาะกระจังหน้าไตคู่ขนาดใหญ่ที่กลายเป็นเอกลักษณ์ประจำแบรนด์ ไฟหน้าทรงเรียวพร้อมไฟเดย์ไทม์ LED รูปวงแหวนที่เชื่อมถึงกระจังหน้า เสริมให้ด้านหน้าดูดุดันและทันสมัย

เส้นหลังคาลาดลงเล็กน้อยเพื่อให้ตัวรถดูปราดเปรียว โดยยังคงความอเนกประสงค์ของรถ SUV ได้อย่างไม่เสียฟังก์ชัน ขณะที่ซุ้มล้อขนาดใหญ่และโป่งพองขึ้นมาอย่างชัดเจนช่วยเพิ่มบุคลิกแบบออฟโรดได้ลงตัว ส่วนด้านท้ายถูกออกแบบอย่างมีเอกลักษณ์ด้วยไฟท้ายรูปตัว L แนวนอนที่คมชัดและไฟ LED ที่สว่างชัด เสริมความมั่นคงให้ภาพรวมด้านท้ายร่วมกับท่อไอเสียแบบคู่ทรงสปอร์ตที่เน้นความกว้างของตัวรถ

BMW ยังเปิดโอกาสให้เจ้าของได้ปรับแต่งรถตามสไตล์ของตนเองด้วยตัวเลือกสีตัวถังที่หลากหลายทั้งโทนสีคลาสสิก เช่น Alpine White, Black Sapphire และ Mineral White รวมไปถึงเฉดสีพิเศษอย่าง Deep Sea Blue, Sparkling Brown และ Pyrite Brown ซึ่งช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้กับรถแต่ละคัน นอกจากนี้ยังมีล้ออัลลอยให้เลือกหลายขนาด ตั้งแต่ 18 - 21 นิ้ว ซึ่งมีทั้งดีไซน์สปอร์ตและหรูหรา ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในเมืองและลุยทางไกล

คำแนะนำในการเลือก x5 มือสอง

หากคุณกำลังมองหา BMW X5 F15 มือสอง มีประเด็นสำคัญบางอย่างที่ควรตรวจสอบก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อให้ได้รถที่มีคุณภาพและลดความเสี่ยงเรื่องค่าซ่อมบำรุงในอนาคต

  • ประวัติการบำรุงรักษา: เลือกรถที่มีประวัติการเข้ารับบริการชัดเจน โดยเฉพาะหากบำรุงรักษากับศูนย์บริการ BMW หรืออู่เฉพาะทางที่น่าเชื่อถือ ตรวจสอบเอกสารต่าง ๆ เช่น ประวัติการเปลี่ยนถ่ายของเหลว รายการซ่อม หรือใบเสร็จย้อนหลัง เพื่อยืนยันว่าเจ้าของเดิมดูแลรถดีเพียงใด
  • การเลือกขุมพลัง: เครื่องยนต์ดีเซล N57 เป็นตัวเลือกที่สมดุลทั้งด้านความแรง ความทนทาน และต้นทุนในการดูแลรักษา ส่วนเครื่องยนต์เบนซินปลั๊กอินไฮบริดจะให้แรงม้าที่มากกว่าและการตอบสนองที่เร้าใจกว่า แต่ก็มาพร้อมค่าใช้จ่ายในการดูแลที่สูงขึ้นและต้องการการดูแลเชิงลึกเป็นพิเศษ
  • ระบบกันสะเทือน: ควรตรวจสอบระบบช่วงล่างถุงลมว่าใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ ไม่มีการเอนซ้าย-ขวาหรือหน้า-หลังเมื่อจอดทิ้งไว้ ซึ่งอาจบ่งบอกถึงถุงลมหรือวาล์วควบคุมที่เริ่มเสื่อมสภาพ
  • ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 สปีด ควรเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างราบรื่น ไม่มีอาการกระตุกหรือหน่วง หากมีอาการผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณของปัญหาภายในตัวเกียร์ ชิ้นส่วนภายในอาจสึกหรอหรือเสียหาย ควรเลือกคันอื่นแทนเพราะค่าใช้จ่ายในการซ่อมเกียร์นั้นไม่ถูก
  • ระบบอิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์เสริม: ทดสอบการทำงานของฟีเจอร์ต่าง ๆ อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นระบบแอร์ ระบบนำทาง หน้าจออินโฟเทนเมนต์ ปุ่ม iDrive กล้องมองหลัง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ หรือเบาะปรับไฟฟ้า พร้อมระบบความปลอดภัย เช่น เซนเซอร์รอบคันและระบบช่วยจอด

นอกจากนี้ ควรนำรถเข้าตรวจสอบที่ศูนย์หรืออู่ที่เชี่ยวชาญ BMW ก่อนตัดสินใจ เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกในด้านเทคนิค รวมถึงดูว่าเคยเกิดอุบัติเหตุหรือมีร่องรอยการซ่อมหนักมาก่อนหรือไม่ รถมือสองที่ดีไม่ใช่แค่ขับได้เท่านั้น แต่ควรขับแล้วสบายใจในระยะยาว

บทสรุป ทำไม x5 มือสอง ยังคงเป็นที่หนึ่งในใจของหลายคน

x5 มือสองยังดูดีอยู่เสมอไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี

BMW X5 F15 คือหนึ่งในรถ Crossover SUV ระดับพรีเมียมที่ยังคงเป็นที่นิยมในตลาดมือสอง แม้จะเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2014 ด้วยอายุการผลิตยาวนานถึง 5 ปีโดยไม่มีการปรับโฉมใหญ่ นั่นสะท้อนถึงการออกแบบที่ล้ำสมัยตั้งแต่ต้น และคุณภาพที่แทบไม่ต้องพึ่งการอัปเดตเพื่อคงความน่าสนใจไว้

รถรุ่นนี้เป็นการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างความหรูหรา ความสะดวกสบาย สมรรถนะในการขับขี่ และการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน ห้องโดยสารให้ความรู้สึกพรีเมียม ระบบขับเคลื่อนให้ความมั่นใจ และออปชันต่าง ๆ ก็ตอบโจทย์ผู้ใช้ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะใช้เดินทางในเมืองหรือขับทางไกล

หากคุณเลือกเครื่องยนต์ดีเซล คุณจะได้รถที่ประหยัด ดูแลง่าย และไม่จุกจิกในการซ่อมบำรุง แต่ถ้าเลือกเครื่องยนต์ไฮบริด คุณจะได้รถที่แรง ขับสนุก แต่ปล่อยมลพิษต่ำและวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าได้ การเลือกเครื่องยนต์ที่เหมาะสม มีประวัติการบำรุงรักษาชัดเจน และได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง จะทำให้คุณได้ครอบครองรถที่ให้ประสบการณ์การขับขี่เหนือชั้นไปอีกหลายปี

x5 มือสองไม่ได้เป็นแค่รถ แต่เป็นตัวแทนของความใส่ใจในคุณภาพ ความมีรสนิยม และการขับขี่ที่มีชีวิตชีวา หากคุณกำลังมองหา Crossover SUV หรูมือสองที่คุ้มค่าและยังดูดีอยู่เสมอไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี นี่คือหนึ่งในตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม

ค้นหา BMW X5 เจน 3 (ปี 2013 - 2018) มือสองที่ใช่สำหรับคุณได้ที่นี่

เรารวบรวมประกาศขายจาก Facebook Marketplace, Kaidee, One2Car และ TaladRod มาไว้ในที่เดียว

ซื้อขายรถมือสองได้ง่ายๆ เราเปรียบเทียบราคา ดูประเภทผู้ขาย แล้วเลือกคันที่ตรงใจคุณได้ง่ายๆ

เช็ค bmw x5 ราคามือสองในไทยได้ที่นี่ → BMW X5 เจน 3

  • กรุงเทพมหานคร, 500 km
  • ยี่ห้อ: BMW
  • รุ่น: X5
  • ปี: 2013-2018
  • แหล่งที่มา: Facebook, Kaidee, One2Car, TaladRod


BMW X5 เนอเรชันที่ 3 (F15) – SUV หรูที่ยังน่าเล่น! รีวิว BMW X5 F15 มือสอง พร้อมข้อควรรู้ก่อนซื้อ