Tesla Model S: รถหรูไฟฟ้าสุดล้ำ...คุ้มไหมถ้าจะซื้อมือสองในตอนนี้?

tesla model s จำหน่ายอย่างเป็นทางการในปี 2012

ย้อนกลับไปเมื่อราว 10 ปีก่อน โลกของยานยนต์ได้เริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ นั่นคือการเปลี่ยนผ่านจากเครื่องยนต์สันดาปภายในไปสู่ระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า 100% และ tesla model s คือรถที่จุดประกายการปฏิวัตินั้น

ก่อนหน้าการมาถึงของ Tesla Model S รถยนต์ไฟฟ้ามักถูกมองว่าเป็นของเล่นสำหรับผู้คนที่มีแนวคิดรักษ์โลก ขับได้แค่รอบเมืองในระยะทางสั้น ๆ และต้องคอยหาสถานีชาร์จทุกไม่กี่กิโลเมตร แต่เมื่อ Tesla เปิดตัว Model S พร้อมระยะทางขับขี่ที่ไกลกว่า 425 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง มันได้เปลี่ยนภาพจำเหล่านั้นไปโดยสิ้นเชิง

Model S ไม่ได้เป็นแค่รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า แต่ยังเป็นรถหรูที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีสุดไฮเทคในวันที่มันเปิดตัว รถมีขนาดยาวเกือบ 5 เมตร กว้างเกือบ 2 เมตร ภายในห้องโดยสารกว้างและโปร่งสบาย รองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 5 คน นอกจากความโอ่อ่าแล้ว Tesla Model S ยังตอบโจทย์การใช้งานจริงด้วยประตูท้ายแบบ Liftback ที่เปิดได้กว้าง ทำให้เข้าถึงพื้นที่เก็บสัมภาระได้อย่างสะดวก พร้อมกับขนาดพื้นที่ที่ใหญ่โตกว่ารถซีดานระดับเดียวกันหลายรุ่น แถมยังมีช่องสัมภาระใต้ฝากระโปรงหน้าที่ใส่สิ่งของได้จริง ถือเป็นคุณสมบัติที่รถสันดาปทั่วไปทำไม่ได้

เมื่อเข้ามานั่งภายใน Model S สิ่งแรกที่เตะตาคือหน้าจอสัมผัสขนาด 17 นิ้วกลางแดชบอร์ด ซึ่งในยุคนั้นถือว่าล้ำหน้ากว่ารถทุกคันในตลาด Tesla เลือกที่จะลดจำนวนปุ่มกดแบบเดิมให้เหลือน้อยที่สุด เหลือเพียงปุ่มฉุกเฉินและปุ่มเปิดช่องเก็บของเท่านั้น แนวคิดนี้ทำให้หลายคนเริ่มมอง Tesla ว่าเป็นคอมพิวเตอร์ที่มีล้อมากกว่ารถยนต์ธรรมดา แต่สิ่งที่น่าทึ่งจริง ๆ คือการขับขี่ Model S ไม่ได้แค่วิ่งได้ไกลแต่ยังทำอัตราเร่งได้เร็วแบบไม่น่าเชื่อ พละกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าส่งแรงบิดมหาศาลแบบทันทีทันใด ทำให้สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลาไม่กี่วินาทีโดยไร้เสียงคำรามของเครื่องยนต์ นี่คือความเงียบที่ทรงพลังและเป็นประสบการณ์ขับขี่ที่ไม่เหมือนรถยนต์สันดาปรุ่นใด ๆ

Tesla Model S ไม่ใช่แค่จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงแต่ยังเป็นหมุดหมายสำคัญที่พิสูจน์ให้โลกเห็นว่ารถยนต์ไฟฟ้าไม่ใช่ทางเลือกของอนาคตอีกต่อไป แต่คือปัจจุบันที่จับต้องได้จริง และได้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตมาถึงปัจจุบัน

บทความนี้จะพามาเจาะลึกทุกจุดของ Tesla Model S สำรวจข้อดี ปัญหาที่พบ รวมถึงข้อควรพิจารณาสำหรับการซื้อมือสอง คนที่อยากสัมผัสสุดยอดยานยนต์ไฟฟ้าที่เป็นตัวจุดกระแสวงการยานยนต์ไฟฟ้าต้องอ่าน

คุณลักษณะด้านไดนามิกและการควบคุม

tesla model s ตอบสนองฉับไวขับขี่คล่องแคล่ว

แม้จะเป็นรุ่นเริ่มต้น Tesla Model S ก็สร้างความประทับใจด้วยสมรรถนะที่เกินตัว มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวที่ติดตั้งบริเวณเพลาหลังให้กำลังสูงถึง 380 แรงม้า พร้อมแรงบิด 439 นิวตันเมตร ที่มาแบบทันทีทันใดโดยไม่ต้องรอรอบ เหยียบคันเร่งเมื่อไร รถพุ่งไปข้างหน้าเหมือนถูกดึงด้วยแรงแม่เหล็ก นี่คือสิ่งที่เครื่องยนต์สันดาปให้ไม่ได้

แม้จะหนักกว่า 2 ตันและมีขนาดใหญ่ แต่ Model S กลับให้ความรู้สึกคล่องแคล่วอย่างน่าประหลาด เข้าโค้งได้อย่างมั่นคงและตอบสนองฉับไวราวกับรถที่ขนาดตัวเล็กกว่านี้หลายระดับ ตัวอย่างเช่น รถอายุเกือบสิบปี แบตเตอรี่เหลือเพียงครึ่ง และมีผู้โดยสารสองคน ก็ยังสามารถเร่งจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ได้ภายในแค่ 6.1 วินาที ซึ่งเร็วกว่ารถเครื่องยนต์เบนซินหลายรุ่นในปัจจุบันเสียอีก

ที่สำคัญคือการควบคุมในโค้ง Model S เกาะถนนได้มั่นคงโดยไม่แสดงอาการหน้าดื้อโค้ง (Understeer) แม้แต่น้อย จุดเด่นนี้มาจากการวางแบตเตอรี่ไว้ที่พื้นรถ ส่งผลให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำกว่ารถทั่วไปอย่างชัดเจน เสริมด้วยระบบกันสะเทือนที่ออกแบบมาอย่างละเอียด เพื่อให้รองรับแรงเฉื่อยของตัวรถได้โดยไม่สูญเสียความแม่นยำในการควบคุม

เมื่อรวมกำลังที่มาแบบต่อเนื่อง การเร่งที่ฉับไว และการทรงตัวที่นิ่งแน่นเข้าด้วยกัน สิ่งที่ได้คือประสบการณ์ขับขี่ที่ยากจะหารถซีดานรุ่นใดมาเทียบ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนชอบความเร็วหรือแค่ต้องการความมั่นใจบนถนน Model S ก็พร้อมตอบสนองได้ทั้งสองอย่าง นี่คือเหตุผลที่ Tesla Model S ยังคงเป็นที่ต้องการในตลาดมือสอง และยังถูกพูดถึงในแง่ของรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงที่เปลี่ยนมุมมองของผู้คนไปอย่างสิ้นเชิง

การใช้งานและปัญหาทั่วไป

เทสล่า Model S รุ่นปีแรก ๆมักพบปัญหาหน้าจอดับ

แม้ Tesla Model S จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ล้ำหน้าที่สุดในยุคของมัน แต่ก็ยังมีจุดที่ผู้ใช้งาน โดยเฉพาะผู้ที่มองหารถมือสอง ควรทำความเข้าใจ ทั้งในแง่การออกแบบและปัญหาที่มักพบเจอ

มือจับประตู

หนึ่งในลูกเล่นที่โดดเด่นของ Tesla Model S คือมือจับประตูที่ซ่อนตัวแนบไปกับตัวรถและจะยื่นออกมาอัตโนมัติเมื่อผู้ขับถือกุญแจเข้าใกล้หรือสัมผัสบริเวณมือจับ นี่คือความล้ำสมัยที่สร้างความประทับใจแรกเห็นได้เสมอ แต่ในรุ่นที่ผลิตก่อนปี 2015 กลไกนี้กลับเป็นแหล่งปัญหาที่พบบ่อย

กลไกภายในที่ซับซ้อนอาจเริ่มติดขัดเมื่อใช้งานไปนาน ๆ ไม่ว่าจะเกิดจากความชื้นที่ทำให้แผงวงจรออกซิไดซ์ เซนเซอร์เสียหาย หรือสายไฟภายในขาด รวมถึงชิ้นส่วนกลไกที่สึกหรอ การพยายามดึงมือจับแรงๆ อาจทำให้สถานการณ์แย่ลงกว่าเดิม ทางที่ดีหากพบอาการผิดปกติ ควรให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียหายเพิ่มเติม

ระบบอิเล็กทรอนิกส์และจอแสดงผล

อีกหนึ่งจุดอ่อนของ Model S รุ่นปีแรก ๆ คือระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะหน้าจอแสดงผลที่มักมีปัญหาในรุ่นก่อนปี 2015 บางคันจออาจดับไปเฉย ๆ ซึ่งมักเกิดจากปัญหาการระบายความร้อนของแผงวงจรที่ไม่ดีพอ ทำให้ระบบร้อนเกินและเสียหาย ในรุ่นหลังปี 2015 Tesla ได้แก้ปัญหานี้ไปแล้ว

สำหรับจอทัชสกรีนกลางในรถที่ผลิตก่อนปี 2018 ยังพบปัญหาเรื่องหน่วยความจำแฟลชเสื่อม ซึ่งเป็นผลจากการเขียนข้อมูลซ้ำจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากระบบมัลติมีเดียของ Tesla ทำงานเหมือนคอมพิวเตอร์ การเสื่อมของหน่วยความจำแฟลชจะทำให้ระบบหน่วง ตอบสนองช้าลง แย่ที่สุดคือระบบดับไปดื้อ ๆ เลย

นอกจากนี้ จอแสดงผลยังมีปัญหาเล็ก ๆ อย่างขอบจอเหลืองซึ่งเกิดกับรถบางคันเมื่อใช้ในสภาพอากาศร้อน กาวที่ใช้ยึดหน้าจอเริ่มเสื่อมสภาพจนเกิดแถบสีเหลืองรอบขอบจอ ปัจจุบันมีเทคนิคการฉายแสง UV เพื่อแก้ไขเรื่องนี้ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนหน้าจอใหม่ทั้งชุด

ภายในห้องโดยสารของเทสล่า

เทสล่า Model S ภายในดูพรีเมียมล้ำสมัย

แม้ภาพลักษณ์ของ Tesla Model S จะดูพรีเมียมและล้ำสมัย แต่ในรายละเอียดเล็ก ๆ ก็ยังมีบางจุดที่ผู้ใช้ควรรู้ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณารถมือสอง

หนึ่งในปัญหาจุกจิกที่พบได้บ่อยคือปุ่มควบคุมลักษณะลูกกลิ้งกลมบนก้านพวงมาลัยที่ใช้สำหรับปรับระดับเสียงหรือควบคุมเมนูต่าง ๆ ในหน้าจอกลาง บางคันพบปัญหาเมื่อใช้ลูกกลิ้งนี้ไปนาน ๆ โครงยึดภายในอาจแตก ทำให้ปุ่มยุบหรือหลวมจนใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ หากเกิดอาการนี้ วิธีแก้คือการเปลี่ยนอะไหล่ใหม่ซึ่งต้องใช้ชิ้นส่วนเฉพาะของ Tesla เท่านั้น

นอกจากนี้ วัสดุบางจุดในห้องโดยสาร เช่น หนังสังเคราะห์หรือพลาสติกตกแต่ง อาจเริ่มซีดหรือหลุดลอกเมื่อเจอแสงแดดจัดเป็นเวลานาน โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนชื้นจะเห็นปัญหาได้ชัดเจนมากขึ้น หากต้องการให้อุปกรณ์ภายในดูดีไปนาน ๆ ควรติดฟิล์มกันร้อนคุณภาพดี กันรังสี UV ได้ 99% และจอดในที่ร่มมากเท่าที่จะทำได้

ตัวถังและองค์ประกอบภายนอก

Tesla Model S รุ่นที่ผลิตในช่วงแรก (ประมาณปี 2012 – 2016) มีเสียงวิจารณ์เรื่องคุณภาพการประกอบ ช่องว่างระหว่างชิ้นส่วนตัวถังอาจไม่สม่ำเสมอ หรือบางจุดอาจมีฝุ่นหรือตำหนิฝังในชั้นเคลือบสี ผู้เชี่ยวชาญด้านรถมือสองบางคนตั้งข้อสังเกตว่า หากพบ Model S มือสองที่มีช่องไฟระหว่างชิ้นตัวถังเรียบสนิทและมีงานสีดูสมบูรณ์เกินไป อาจต้องพิจารณาว่าผ่านการซ่อมตัวถังหรือทำสีใหม่มาหรือไม่ เพราะ Tesla จากโรงงานในช่วงแรกมีงานประกอบที่ไม่ค่อยเป๊ะเท่ารถยุโรประดับเดียวกัน

ไฟท้ายและปัญหาความชื้น

ปัญหาที่สร้างความรำคาญใจให้เจ้าของ Tesla Model S หลายคนคือความชื้นเข้าไปสะสมในโคมไฟท้าย พบได้บ่อยในรถที่ผลิตก่อนปี 2020 ปัญหานี้มีต้นตอมาจากการยึดกระจกโคมไฟท้ายด้วยกาวที่คุณภาพไม่ดีพอ เมื่อเจอสภาพอากาศร้อนจัด หรือเจอความชื้นมาก ๆ กาวจะเริ่มเสื่อมสภาพ ทำให้ความชื้นเล็ดลอดเข้าไปในโคมไฟได้

ผู้ใช้ Tesla Model S บางคนใช้วิธี DIY ด้วยการเจาะรูเล็ก ๆ ที่ด้านล่างของโคมไฟเพื่อระบายไอน้ำออก แม้จะไม่ได้เป็นวิธีมาตรฐานแต่ก็ช่วยลดปัญหาได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม Tesla ได้แก้ไขปัญหานี้จากโรงงานในรุ่นหลังปี 2020 โดยปรับปรุงคุณภาพการซีลโคมไฟและวัสดุกาวให้ดีขึ้น

ระบบกันสะเทือนและระบบส่งกำลัง

Tesla Model S มาพร้อมระบบกันสะเทือนที่ออกแบบให้ขับขี่นุ่มนวลแต่มั่นคง อย่างไรก็ตาม แม้โครงสร้างโดยรวมจะทนทาน แต่ก็ยังมีรายละเอียดบางจุดที่ควรระวัง

ช่วงล่างด้านหน้า

ช่วงล่างด้านหน้าของ Model S ใช้การออกแบบที่คล้ายคลึงกับ Mercedes-Benz ยุคต้นปี 2010 แต่ไม่มีชิ้นส่วนใดสามารถสลับใช้ร่วมกันได้ อายุการใช้งานของแขนควบคุมและข้อต่อต่าง ๆ ถือว่าค่อนข้างยาวนาน แต่หากขับขี่บนถนนขรุขระบ่อย ๆ หรือมีการใช้งานหนัก ก็มีโอกาสที่ชิ้นส่วนจะเริ่มหลวม ส่งผลต่อความนิ่งของรถ

จุดหนึ่งที่ทำให้การซ่อมบำรุงยุ่งยากขึ้นเล็กน้อยตำแหน่งของโบลต์แคมเบอร์ของแขนด้านหน้า ซึ่งพวกมันถูกติดตั้งโดยหันหัวไปทางแบตเตอรี่จากโรงงาน ทำให้การถอดเปลี่ยนเป็นเรื่องลำบากมากเพราะต้องถอดแบตเตอรี่ออกก่อน ดังนั้น หลายศูนย์บริการเมื่อเปลี่ยนโบลต์จะติดตั้งในทิศทางตรงกันข้ามโดยหันหัวไปข้างหน้าเพื่อความสะดวกในการบำรุงรักษาในอนาคต

ระบบช่วงล่างถุงลม

ช่วงล่างแบบถุงลม (Air Suspension) เป็นออปชันเสริมใน Tesla Model S รุ่นปีแรก ๆ ก่อนจะกลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่นปีหลัง ๆ ข้อดีคือสามารถปรับความสูงตัวรถได้อัตโนมัติเพื่อเพิ่มความนุ่มนวลและการตอบสนองในการขับขี่ แต่เมื่อใช้งานไปนาน ๆ มักเกิดปัญหาสูญเสียแรงดันในตัวถุงลม ข้อดีคือระบบจะพยายามรักษาความสูงของถุงลมตามที่กำหนดด้วยการควบคุมผ่านคอมเพรสเซอร์ ซึ่งอาจนำไปสู่การใช้พลังงานเพิ่ม แต่ก็ช่วยให้ถุงลมกลับมาใช้งานได้เป็นปกติ ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมได้

ระบบส่งกำลัง

Tesla Model S รุ่นสูงที่มาพร้อมพละกำลังและสมรรถนะระดับรถซูเปอร์คาร์ หากใช้งานในโหมด Drag หรือ Racing หนัก ๆ อาจเจอปัญหาเฟืองท้ายสึกหรอเร็ว อาการเริ่มต้นคือมีเสียงเบา ๆ ที่ช่วงล่าง บ่งบอกว่าลูกปืนภายในเริ่มสึก ถ้าไม่รีบแก้อาจทำให้เฟืองพัง ซึ่งกรณีร้ายแรงอาจสร้างความเสียหายถึงตัวมอเตอร์ได้ ชิ้นส่วนเฟืองท้ายสามารถเปลี่ยนได้ แต่มอเตอร์เสียหายจนต้องเปลี่ยนยกชุด ค่าใช้จ่ายจะสูงมาก

ระบบระบายความร้อน

อีกปัญหาที่พบเป็นระยะคือระบบหล่อเย็นมอเตอร์มีการรั่วซึม เจอได้ในคันที่ใช้งานหนักหรือมีข้อบกพร่องเกี่ยวกับการซีลชิ้นส่วน น้ำหล่อเย็นอาจซึมเข้าไปในมอเตอร์ได้ หากตรวจพบแต่เนิ่น ๆ และยังไม่มีความเสียหายต่อขดลวดทองแดงหรือวงจรควบคุมใน มอเตอร์ ก็ยังสามารถถอดมาทำความสะอาดและใช้งานต่อได้

ส่วนในรุ่นที่ใช้มอเตอร์คู่ อาจเจอปัญหาที่ข้อต่อของเพลาขับหน้าสึกหรอก่อนเวลาอันควร สาเหตุมาจากพฤติกรรมขับขี่แบบกระชากและกระทืบคันเร่งเพื่อเร่งแซงบ่อย ๆ อาการคือมีเสียงคลิกหรือรู้สึกสะเทือนเมื่อเร่งหรือปล่อยคันเร่งแรง ๆ ต้องตรวจเช็กและทำการเปลี่ยนเพลาขับใหม่ทั้งชุด

แบตเตอรี่และระบบไฟฟ้ารถเทสล่า

แบตเตอรี่ของรถเทสล่า Model S เปลี่ยนเฉพาะจุดได้

สิ่งสำคัญที่สุดของ Tesla Model S คือแบตเตอรี่แรงดันสูงซึ่งเป็นหัวใจหลักของระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า โดยทั่วไปแล้วแบตเตอรี่ของ Tesla ถือว่าทนทานพอสมควร โดยอัตราการเสื่อมสภาพอยู่ที่ประมาณ 1 – 2% ต่อปี ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ตัวอย่างจากรถที่ใช้งานจริงมานานกว่า 10 ปี พบว่าความจุแบตเตอรี่ลดลงเพียงราว 12% เท่านั้น

จุดแข็งของแบตเตอรี่ Tesla คือสามารถตรวจสอบความสมบูรณ์ได้ละเอียดถึงระดับเซลล์แบตเตอรี่ โดยแบตเตอรี่ของ Model S ประกอบด้วยเซลล์เล็ก ๆ มากกว่า 7,000 เซลล์ ซึ่งหากพบว่าเซลล์ใดมีปัญหาก็สามารถเปลี่ยนเฉพาะจุดได้โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนทั้งชุด ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาได้มาก

โครงสร้างของแบตเตอรี่ได้รับการซีลอย่างแน่นหนาทำให้ทนน้ำและความชื้นได้ดี แม้รถจะประสบเหตุน้ำท่วมจนเข้าห้องโดยสาร แบตเตอรี่ก็มักไม่ได้รับความเสียหาย อย่างไรก็ตาม หากรถเคยถูกน้ำท่วม ควรให้ช่างที่เชี่ยวชาญตรวจสอบระบบไฟฟ้าอย่างละเอียด เพราะน้ำสามารถสร้างความเสียหายได้ในจุดอื่น ๆ เช่น อินเวอร์เตอร์หรือคอนเนกเตอร์แรงดันสูง

อย่างไรก็ตาม ใน Model S รุ่นแรก ๆ ที่ผลิตก่อนปี 2015 พบว่าเจอปัญหารอยไหม้บริเวณจุดสัมผัสภายในแบตเตอรี่แรงสูง สาเหตุมาจากกระแสไฟฟ้ากำลังสูงปริมาณมากที่ไหลผ่านจุดเหล่านี้ติดต่อกันเป็นเวลานาน ส่งผลให้เกิดความร้อนสะสมจนอาจทำให้หน้าสัมผัสเสียหาย

ในกรณีนี้ ระบบของรถจะไม่ตัดการทำงานของแบตเตอรี่ในทันที แต่จะจำกัดกำลังสูงสุดของมอเตอร์เพื่อลดความเสี่ยงแบตเตอรี่ไหม้ ซึ่งหากไม่รีบซ่อมอาจกระทบต่อสมรรถนะการขับขี่ได้

ข้อดีของรถยนต์ Tesla Model S

Tesla Model S เป็นหนึ่งในรถยนต์ไฟฟ้าที่พิสูจน์ให้เห็นว่าอายุการใช้งานที่ยาวนานไม่จำเป็นต้องมาพร้อมกับปัญหาใหญ่หากได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม ในต่างประเทศมีกรณีตัวอย่างคือรถยนต์ Tesla Model S อายุ 9 ปี วิ่งใช้งานไปเป็นระยะทางกว่า 135,000 กม. เข้ารับการตรวจเช็กคุณภาพโดยละเอียดและพบว่ามีการสึกหรอเพียงเล็กน้อยในระบบกันสะเทือนซึ่งยังไม่อยู่ในระดับที่เป็นอันตราย สิ่งนี้การันตีได้ถึงคุณภาพของอะไหล่และวัสดุที่มีความทนทานมาก ๆ

เจ้าของ Model S หลายคนเริ่มให้ความสำคัญกับการดูแลรถอย่างมีระบบมากขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่มีการเปลี่ยนมือเจ้าของ มักจะมีการนำรถเข้าตรวจเช็กระบบกันสะเทือน ผ้าเบรก โช้คอัพถุงลม และชิ้นส่วนอื่น ๆ ที่อาจเสื่อมสภาพจากการใช้งาน เป็นแนวโน้มที่สะท้อนถึงการใส่ใจระยะยาวและลดความเสี่ยงจากปัญหาที่สะสม

สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้ Tesla Model S หลายคันจะมีอายุเกิน 10 ปีและผ่านการใช้งานมาไม่น้อย รถเหล่านี้ยังคงให้สมรรถนะและระยะทางขับขี่ที่น่าประทับใจ จุดนี้แสดงถึงความทนทานของระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า แบตเตอรี่ และระบบควบคุมที่ถูกออกแบบมาอย่างดีตั้งแต่แรก

แม้จะมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาบางอย่างที่สูงกว่ารถยนต์เครื่องสันดาปทั่วไป แต่ด้วยองค์ประกอบที่เรียบง่ายกว่ารถสันดาป ไม่มีชิ้นส่วนที่ซับซ้อนอย่างเครื่องยนต์และเกียร์ ทำให้เป็นการลดจำนวนชิ้นส่วนที่เสี่ยงต่อการสึกหรอลงไปได้มาก ส่งผลถึงค่าบำรุงรักษาโดยรวมในระยะยาวที่มักอยู่ในเกณฑ์สมเหตุสมผล และมีแนวโน้มถูกลงในอนาคตเนื่องจากเทคโนโลยีต่าง ๆ ถูกพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นและมีต้นทุนลดลง

บทสรุปรถ tesla Model S

รถ tesla ที่งาน 10 ปีก็ยังวิ่งได้ไกลใกล้เคียงตอนใหม่

แม้จะเปิดตัวมานานกว่า 10 ปีแล้ว แต่ รถ tesla Model S ก็ยังคงเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่น่าประทับใจที่สุดรุ่นหนึ่งในประวัติศาสตร์วงการยานยนต์ ไม่ใช่แค่เพราะรูปลักษณ์หรือเทคโนโลยีเท่านั้น แต่เพราะมันเป็นรถที่เปลี่ยนภาพจำของคนทั้งโลกว่ารถยนต์ไฟฟ้านั้นสามารถทำให้แรง หรู และรองรับการใช้งานได้จริง Model S จึงไม่ได้เป็นเพียงนวัตกรรม แต่คือแรงผลักดันสำคัญที่พลิกโฉมทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์

แน่นอนว่าการเป็นผู้บุกเบิกในวงการยานยนต์ไฟฟ้าย่อมเจอทั้งอุปสรรคและปัญหา Model S ในรุ่นปีแรก ๆ เจอปัญหาหลายอย่าง เช่น มือจับประตูที่มักติดขัด ปัญหาหน้าจอสัมผัสภายในห้องโดยสาร รวมถึงชิ้นส่วนและอะไหล่บางจุดที่สึกหรอเร็ว แต่ปัญหาเหล่านี้มีแนวทางแก้ไขที่ชัดเจนทั้งจากศูนย์บริการ Tesla และผู้เชี่ยวชาญอิสระ

เรื่องที่หลายคนกังวลที่สุดอย่างแบตเตอรี่ก็ได้รับพิสูจน์แล้วว่าทนทานจริงและเชื่อถือได้จากอัตราการเสื่อมสภาพเพียง 1 – 2% ต่อปีเท่านั้น ทำให้รถ Model S ที่ใช้งานมาเป็น 10 ปียังสามารถวิ่งได้ระยะทางใกล้เคียงกับตอนที่ซื้อใหม่ ๆ ยิ่งถ้าได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม รถเหล่านี้ก็ให้สมรรถนะและความมั่นใจได้ไม่ต่างจากรถใหม่

จุดแข็งอีกอย่างคือเรื่องไดนามิกการขับขี่ โดยเฉพาะในรุ่นสมรรถนะสูงอย่าง P85 หรือ P100D ที่ยังคงให้ความรู้สึกสนุกตื่นเต้นและมั่นใจเกินกว่าที่รถไฟฟ้าส่วนใหญ่จะทำได้ ให้ประสบการณ์ขับขี่ที่เร้าใจเทียบเท่ากับรถสมรรถนะสูงรุ่นใหม่ ๆ ในปัจจุบัน

เมื่อรวมปัจจัยทั้งความน่าเชื่อถือของระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า ความคุ้มค่าในระยะยาว และประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยม Tesla Model S ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหารถหรูพลังงานไฟฟ้าที่มีบุคลิกเฉพาะตัว ได้ทั้งความแรง ขับขี่มั่นใจ ภายในกว้างและจุสัมภาระได้เยอะ ทั้งยังเต็มไปด้วยเทคโนโลยีช่วยขับขี่ที่ฉลาดและทันสมัยที่สุดรุ่นหนึ่งของวงการยานยนต์

Tesla Model S เป็นรถซีดานที่ตอบโจทย์การงานได้ในชีวิตประจำวันได้ดี ขับขี่ในเมืองก็สบาย ขับขี่ทางไกลก็มีกำลังให้เรียกใช้ได้แบบเหลือ ๆ แถมวิ่งได้ไกลโดยไม่ต้องชาร์จไฟบ่อยอีกด้วย ปัจจุบันรถรุ่นนี้ยังคงได้รับการอัปเดตอย่างสม่ำเสมอทั้งในเรื่องซอฟต์แวร์ เทคโนโลยี รวมถึงฟีเจอร์การทำงานต่าง ๆ ดังนั้นถ้ามองหา Model S มือสองมาใช้ คุณก็จะได้รถที่ยังอยู่ในกระแสปัจจุบัน ไม่ตกยุค และจะยังได้รับการอัปเดตไปอีกหลายปี ความรู้สึกแทบไม่ต่างจากได้รถใหม่มือหนึ่ง ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว

ค้นหา Tesla Model S (2012-2020) ที่ใช่สำหรับคุณ

เรารวบรวมประกาศขาย เทสล่ามือสองจาก Facebook Marketplace, Kaidee, One2Car และ TaladRod มาไว้ในที่เดียว

เปรียบเทียบราคาเทสล่า เช็คประเภทผู้ขาย แล้วเลือกคันที่ตรงใจคุณได้ง่ายๆ

พบกับ Tesla Model S มากมายที่นี่ →เทสล่า มือสอง

  • กรุงเทพมหานคร, 500 km
  • ยี่ห้อ: Tesla
  • แหล่งที่มา: Facebook, Kaidee, One2Car, TaladRod






Tesla Model S: รถหรูไฟฟ้าสุดล้ำ...คุ้มไหมถ้าจะซื้อมือสองในตอนนี้?