เปิดโลก SUV หรูตัวเล็ก! ทำไม Range Rover Evoque มือสองถึงน่าเล่น


Range Rover Evoque เปิดตัวครั้งแรกในปี 2011

Range Rover Evoque เปิดตัวครั้งแรกในปี 2011 เพื่อตอบโจทย์ตลาดรถยนต์ Compact Luxury Crossover SUV โดยเฉพาะ รถรุ่นนี้พัฒนาต่อยอดมาจากรถต้นแบบ LRX ที่เผยโฉมในปี 2007 สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มตัวเดียวกับ Land Rover Discovery Sport พร้อมด้วยความโดดเด่นจากดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยว ล้ำสมัย หรูหรา ในขนาดตัวที่เล็กกะทัดรัด ทำให้มันกลายเป็นรถที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและโดนใจกลุ่มผู้ใช้ที่เป็นหนุ่มสาวคนรุ่นใหม่ได้ทันที

ด้วยเส้นสายการออกแบบที่ล้ำสมัย Evoque กลายเป็นรถ Crossover SUV ที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ยอดขายรวมทั่วโลกในปีแรก ๆ พุ่งทะลุกว่า 500,000 คัน และยังเป็นประตูบานแรกที่ทำให้หลายคนรู้จักแบรนด์ Range Rover ด้วย

แม้ห้องโดยสารตอนหลังจะค่อนข้างคับแคบ ไม่เหมาะสำหรับการนั่งโดยสารระยะทางไกล ๆ แต่ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่น่าดึงดูดและบรรยากาศภายในที่หรูหรา เจ้าของส่วนใหญ่กลับมองข้ามจุดด้อยนี้ไป พวกเขาเลือก Evoque ด้วยหัวใจมากกว่าด้วยเหตุผลด้านการใช้งาน

สำหรับตลาดรถมือสองในประเทศไทย Range Rover Evoque ถือว่าได้รับความนิยมพอสมควร แม้ไม่ใช่รถที่ขายดีที่สุดในกลุ่ม Compact Luxury Crossover SUV แต่ก็มีกลุ่มผู้ซื้อเฉพาะทางที่ชื่นชอบสไตล์และแบรนด์อยู่ ความต้องการเน้นไปที่รุ่นปีใหม่ ๆ ที่ยังมีสภาพดีและมีประวัติการดูแลชัดเจน โดยเฉพาะรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลที่ได้ชื่อว่าทนทานและค่าบำรุงรักษาต่ำกว่ารุ่นเบนซิน ราคาขายมือสองในปี 2025 อยู่ในช่วงราคาประมาณ 9 แสน - 1.6 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับปีผลิต รุ่นย่อย และสภาพรถ โดยทั่วไปแล้วราคาของ Evoque จะลดลงช้ากว่ารถยุโรปบางยี่ห้อเพราะภาพลักษณ์ของ Range Rover ยังคงแข็งแกร่งในกลุ่มคนรักรถหรู

บทความนี้จะพาไปเจาะลึกถึงข้อดี-ข้อเสีย จุดเด่น และปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในการเป็นเจ้าของ Range Rover Evoque มือสอง พร้อมวิเคราะห์ว่า land rover evoque รุ่นนี้ ยังน่าใช้งานอยู่ในวันนี้หรือไม่

ตัวถังและภายนอก

แลนด์โรเวอร์เรนจ์โรเวอร์ อีโวคขึ้นชื่อด้านสีตัวถังทนทานกันข่วนได้ดี

แม้จะเปิดตัวมาหลายปีแล้วแต่ดีไซน์ของ Range Rover Evoque ยังคงดูสดใหม่และทันสมัยเมื่อเทียบกับคู่แข่งในกลุ่มเดียวกัน ตัวถังของ Crossover รุ่นนี้ได้รับการพ่นสีด้วยมาตรฐานสูงมาก ช่วยให้สีทนทานต่อการซีดจางและการขีดข่วนได้ดี กันชนและขอบตัวถังต่าง ๆ ถูกยึดอย่างแข็งแรง หมดกังวลเรื่องชิ้นส่วนหลุดหรือคลอนแม้จะพารถไปลุยทางวิบากบ้างเป็นครั้งคราว ร่องรอยการใช้งานภายนอกโดยทั่วไปจึงแทบไม่ปรากฏให้เห็น

ในแง่สมรรถนะนอกถนน Evoque ทำได้ดีกว่าที่หลายคนคาดหวัง ด้วยระยะโอเวอร์แฮงหน้า-หลังที่สั้น ทำให้สามารถปีนป่ายเนินและข้ามอุปสรรคได้คล่องตัวพอสมควร รูปลักษณ์ที่ดูพรีเมียมไม่ได้ทำให้เสียความสามารถด้านออฟโรดไป เพียงแต่ประสิทธิภาพจะขึ้นอยู่กับฝีมือและความระมัดระวังของคนขับด้วย

แน่นอนว่า Evoque ไม่ได้ไร้ข้อบกพร่องเสียทีเดียว ปัญหาที่พบได้บ้างคือแผงตกแต่งตัวถังบางชิ้นอาจยึดไม่แน่นนัก เมื่อขับด้วยความเร็วสูงอาจเกิดเสียงลมแทรกที่น่ารำคาญ แต่ก็เป็นเรื่องที่แก้ไขได้ไม่ยากด้วยการเสริมยึดชิ้นส่วนใหม่ให้แน่นหนา

อีกจุดหนึ่งที่ควรระวังคือ ขอบยางตามแนวหน้าต่าง ซึ่งอาจหลุดหรือเสียหายได้หากล้างรถด้วยน้ำแรงดันสูงแบบไม่ระวัง หรือในบางกรณี อาจหลุดออกเองขณะขับบนทางด่วนหากตัวยึดเสื่อมสภาพ นอกจากนี้ ช่องว่างระหว่างประตูและตัวถังในบางคันอาจดูไม่เรียบร้อยนักจากโรงงาน แต่สามารถแก้ไขได้ด้วยการปรับตั้งบานพับประตูให้เข้าที่

สุดท้าย Evoque ยังคงสืบทอดคุณลักษณะเฉพาะตัวจาก Range Rover รุ่นพี่ เช่น ปัญหานอตล้อที่อาจจะบวมเมื่อใช้ไปนาน ๆ จนทำให้ขันออกได้ยาก ซึ่งหากเจอปัญหานี้ ก็ไม่ต้องกังวลมาก เพียงเปลี่ยนนอตล้อเป็นชุดใหม่ก็ใช้งานได้ตามปกติ

ภายในและความสะดวกสบายแลนด์โรเวอร์ Range Rover Evoque

ห้องโดยสารแลนด์โรเวอร์ Range Rover Evoque หรูหรา

ห้องโดยสารของแลนด์โรเวอร์ Range Rover Evoque ตกแต่งด้วยวัสดุเกรดพรีเมียมในทุกจุด ให้ความรู้สึกหรูหราทุกรายละเอียด และแทบไม่เห็นการใช้พลาสติกแข็งแบบที่พบในรถยนต์ระดับเดียวกัน พื้นผิวเกือบทั้งหมดถูกหุ้มด้วยวัสดุคุณภาพไวนิลหรือหนังแท้ ขึ้นอยู่กับรุ่นและแพ็กเกจการตกแต่ง นอกจากนี้ Evoque ยังมีตัวเลือกสีและวัสดุตกแต่งภายในหลากหลายรูปแบบ ช่วยให้เจ้าของปรับสไตล์รถให้เข้ากับรสนิยมของตัวเองได้อย่างที่ต้องการ

ในด้านความทนทาน วัสดุภายในของ Evoque ค่อนข้างมีความทนทานที่ดี เบาะนั่งและพวงมาลัยมักยังคงสภาพสวยงามแม้ผ่านการใช้งานมาหลายปี ไม่เกิดรอยยับหรือแตกลายงาง่าย ๆ เหมือนรถบางยี่ห้อในระดับราคาใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตาม ระบบมัลติมีเดียใน Evoque รุ่นปีแรก ๆ ยังไม่ค่อยน่าประทับใจนักโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับคู่แข่งในยุคนั้น ผู้ใช้หลายคนวิจารณ์ว่าหน้าจอทำงานค่อนข้างช้า การนำทางเมนูค่อนข้างน่าสับสนและใช้งานยาก รวมถึงปุ่มบนหน้าจอก็ใช้งานได้ไม่ลื่นไหลเท่าที่ควร

ปัญหาที่พบภายในห้องโดยสาร

range rover อีโวค รุ่นที่ผลิตก่อนปี 2015 พบปัญหาเฉพาะด้านเพิ่มอีกอย่างหนึ่งคือปุ่มควบคุมบนก้านพวงมาลัยฝั่งซ้ายซึ่งใช้สั่งงานระบบมัลติมีเดียและรับสายโทรศัพท์มีอาการกดไม่ติดเป็นครั้งคราว ปัญหานี้เกิดจากการที่ฟังก์ชันการทำงานของปุ่มขึ้นอยู่กับระดับความสว่างของจอแสดงผลและสถานะการเปิดไฟหน้า โชคดีที่การซ่อมแซมไม่ยุ่งยากนัก ช่างมักจะแก้ได้ด้วยการใช้สารหล่อลื่นไฟฟ้าพิเศษ ฉีดตรงจุดสัมผัสใต้ปุ่มเพื่อให้การทำงานกลับมาเป็นปกติ

นอกจากนี้ แป้นหมุนสำหรับเปลี่ยนโหมดเกียร์อาจเจอปัญหาชอบค้างเหมือนเป็นการล็อกเพื่อป้องกันไม่ให้เข้าเกียร์ สาเหตุมาจากรอยแตกในการบัดกรีของตัวต้านทานหลายตัวบนแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ใต้เกียร์ วิธีแก้คือต้องถอดและถอดชิ้นส่วนตัวเลือกเพื่อซ่อมแผ่น

ใน Evoque ที่มีเลขไมล์สูงอาจเกิดปัญหาพัดลมระบบทำความร้อนเริ่มทำงานที่ความเร็วสูงสุด สาเหตุเกิดจากเทอร์มิสเตอร์ของระบบทำความร้อนเสื่อมสภาพหรือทำงานผิดพลาด อะไหล่ชิ้นนี้ค่อนข้างเข้าถึงยากเพราะอยู่ลึกในคอนโซลกลาง ควรให้ช่างที่มีความเชี่ยวชาญเป็นผู้แก้ไข

อีกหนึ่งข้อสังเกตคือใกล้กับไส้กรองแอร์ภายในห้องโดยสารยังมีแบตเตอรี่เสริมขนาดเล็กที่ใช้สำหรับการเปลี่ยนตัวเลือกเป็นตำแหน่งเกียร์ว่างในโหมด Service เมื่อแบตเตอรี่หลักหมด เมื่อเปลี่ยนไส้กรองแอร์จำเป็นต้องถอดและเชื่อมต่อสายไฟของแบตเตอรี่ตัวนี้อย่างถูกต้อง มิฉะนั้นอาจมีสัญลักษณ์เกียร์อัตโนมัติปรากฏบนแผงหน้าปัด

เครื่องยนต์ของ Range Rover Evoque

land rover evoque มีทั้งเครื่องยนต์ดีเซลและเบนซิน

เครื่องยนต์ดีเซล

ดีเซล 2.2 ลิตร (รุ่นก่อนปรับโฉม)

Range Rover Evoque รุ่นก่อนปรับโฉมใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร เทอร์โบ เครื่องยนต์นี้มีให้เลือก 2 เวอร์ชันคือรุ่น 150 แรงม้า และ 190 แรงม้า ทั้งสองรุ่นมีโครงสร้างเหมือนกันทุกประการ ความแตกต่างมีเพียงการปรับจูนซอฟต์แวร์เท่านั้น ในแง่ความทนทาน เครื่องดีเซล 2.2 ลิตรตัวนี้ถือว่าไว้ใจได้ หากดูแลดี ๆ สามารถใช้งานได้ถึง 200,000 กิโลเมตร โดยไม่มีปัญหาใหญ่ ตัวบล็อกเครื่องยนต์ทำจากเหล็กหล่อที่แข็งแรง และใช้ระบบไทม์มิ่งแบบพิเศษที่ผสมผสานโซ่และสายพานเข้าด้วยกัน เพลาลูกเบี้ยวสองตัวเชื่อมด้วยโซ่ และมีสายพานที่ส่งกำลังจากเพลาข้อเหวี่ยง คำแนะนำคือควรเปลี่ยนสายพานระบบไทม์มิ่งทุก 120,000 กิโลเมตร พร้อมกับปั๊มน้ำ

ปัญหาที่พบบ้างแต่ไม่บ่อยนักได้แก่ท่ออินเตอร์คูลเลอร์แตกและก้าน Actuator ของเทอร์โบชาร์จเจอร์ที่อาจติดขัดเมื่อใช้งานหนักเกินไป ซึ่งจะทำให้เครื่องยนต์สูญเสียกำลัง วิธีดูแลคือต้องหล่อลื่นก้าน Actuator เป็นระยะ และขับรถให้เครื่องได้ทำงานที่รอบสูงเป็นครั้งคราว

อีกหนึ่งปัญหาที่เจ้าของ Evoque ดีเซลควรรู้คือการรั่วซึมน้ำมันเครื่องบริเวณซีลเพลาข้อเหวี่ยงด้านหลัง การซ่อมแซมในจุดนี้จำเป็นต้องถอดอ่างน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนซีลยางใหม่ และทาซีลแลนต์รอบขอบของตัวรองรับเพื่อป้องกันการรั่วซ้ำในอนาคต

เครื่องยนต์ดีเซล Ingenium

หลังการปรับโฉม Evoque ได้หันไปใช้เครื่องยนต์ตระกูล Ingenium ที่พัฒนาโดย Jaguar Land Rover เครื่องยนต์นี้ใช้โซ่ไทม์มิ่ง บล็อกกระบอกสูบอะลูมิเนียมพร้อมปลอกเหล็กหล่อ เพลาข้อเหวี่ยงที่เยื้องจากแกนแนวตั้งของกระบอกสูบ ปั๊มน้ำมันที่มีปริมาณผันแปร และลิ้นปีกผีเสื้อไฟฟ้า โดยรวมแล้วเครื่องยนต์ดีเซลตระกูลนี้มีส่วนประกอบและชิ้นส่วนภายในที่ทนทานและไว้ใจได้ ทั้งยังให้กำลังแรงบิดแรงม้าและแรงบิดสูงกว่าเครื่องยนต์รุ่นแรก

อย่างไรก็ตาม Evoque หลายคันเจอปัญหาการสึกหรอของลูกปืนเพลาบาลานซ์ ปัญหาเกี่ยวกับน้ำมันเครื่องมีการเจือจางด้วยน้ำมันดีเซล และโซ่ไทมิ่งที่มีเสียงดัง อย่างไรก็ตาม ปัญหาส่วนใหญ่ได้รับการแก้ไขภายใต้การรับประกัน

ยิ่งรถปีใหม่เท่าไร ปัญหาต่าง ๆ ของเครื่องยนต์ Ingenium ก็ได้รับการแก้ไขมาแล้วจากโรงงาน ทำให้สามารถขับขี่เกิน 100,000 กิโลเมตรได้โดยไม่มีปัญหาใหญ่ จุดที่น่าสังเกตคือเครื่องยนต์รุ่นเทอร์โบคู่ 240 แรงม้า อาจมีปัญหาเกี่ยวกับเพลาข้อเหวี่ยงอยู่บ้าง

เครื่องยนต์เบนซิน

2.0 EcoBoost (รุ่นก่อนปรับโฉม)

ในฝั่งเครื่องยนต์เบนซิน Evoque รุ่นก่อนปรับโฉมติดตั้งเครื่องเบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบ จากตระกูล EcoBoost ของ Ford เครื่องตัวนี้ค่อนข้างมีปัญหามากในช่วงปีแรก ๆ ของการผลิต อาทิ ลูกสูบแตกเนื่องจากการจุดระเบิด ท่อไอเสียมีรอยแตกร้าวตามรอยเชื่อม ปัญหาเกี่ยวกับเพลาลูกเบี้ยวและโซ่ไทม์มิ่ง เป็นต้น แต่หลังปี 2014 เป็นต้นมาปัญหาต่าง ๆ ของเครื่องยนต์บล็อกนี้ก็ลดลง

เครื่องยนต์ Ingenium (รุ่นหลังการปรับโฉม)

หลังการปรับโฉม Evoque เปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์เบนซินจากตระกูล Ingenium ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีทันสมัยมากมาย อาทิ ระบบวาล์วแบบต่อเนื่องพร้อมการควบคุมแบบไฟฟ้าไฮดรอลิก เป็นต้น ทำให้ความน่าเชื่อถือของเครื่องยนต์ตระกูลนี้ดูดีขึ้น ไม่ค่อยมีปัญหาจุกจิกเหมือนเครื่องยนต์ตัวแรก

ระบบส่งกำลัง

range rover มีทั้งเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดและ9 สปีด

เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด

Evoque รุ่นปีแรก ๆ ติดตั้งเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดมาเป็นมาตรฐาน ผู้ใช้บางคนเจอปัญหาเกียร์กระตุกใน 3 เกียร์แรก รวมถึงอาการกระแทกเมื่อเข้าเกียร์ D และเริ่มเคลื่อนที่ ปัญหานี้แก้ไขได้ด้วยการเขียนโปรแกรมใหม่ให้กับชุดควบคุม ซึ่งสำหรับการแก้ไขทั้งหมด จำเป็นต้องถอดชิ้นส่วนเกียร์และเปลี่ยนแหวนซีล 3 ตัว

Evoque บางคันยังเจอปัญหาความร้อนสูงในห้องเกียร์ คำแนะนำคือติดตั้งหม้อน้ำสำหรับเกียร์เพิ่มเติมก็จะช่วยลดอุณหภูมิของน้ำมันเกียร์ได้ดีขึ้น นอกจากนี้ผู้ขับขี่ควรเปลี่ยนน้ำมันในเกียร์อัตโนมัติเป็นประจำทุก 40,000 กิโลเมตร และใช้น้ำมันเกียร์เกรดสูงเพื่อช่วยหล่อลื่นชิ้นส่วนและยืดอายุการใช้งานของชุดเกียร์

เกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด

เกียร์อัตโนมัติ 9 สปีดเริ่มติดตั้งใน Evoque ช่วงปลายปี 2013 เกียร์ลูกนี้มีจุดเด่นที่การส่งกำลังที่นุ่มนวลและต่อเนื่อง แต่ก็บางคันก็ยังเจอปัญหาเกียร์ยังทำงานไม่ราบรื่น โดยเฉพาะเมื่อกระแทกคันเร่งคิ๊กดาวน์ที่ความเร็วเกิน 100 กม./ชม. เกียร์จะเปลี่ยนลงต่ำมากเกินไป เช่น จากเกียร์ 8 หรือ 9 ลดลงมาที่เกียร์ 4 และ 5 นำไปสู่การสึกหรอของชุดเฟืองและชิ้นส่วนภายในที่มากขึ้น

ผู้ขับขี่จึงควรขับขี่อย่างระมัดระวัง และไม่คิ๊กดาวน์บ่อย ๆ เพื่อเป็นการช่วยถนอมเกียร์ นอกจากนี้ก็ควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์อย่างสม่ำเสมอทุก 40,000 กม. นอกจากนี้ควรให้ความสนใจกับการรั่วซึมของน้ำมันเกียร์ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างรอยต่อของเสื้อเกียร์และเพลากลาง ซึ่งปัญหาบ่งบอกได้ถึงซีลเกียร์เสื่อมสภาพและรอยเชื่อมต่อที่อาจหลวม ควรรีบแก้ไขโดยเร็วที่สุดก่อนปัญหาจะลุกลาม

ระบบหล่อเย็น

ใน Evoque บางคันพบปัญหาที่ชุดควบคุมพัดลมหล่อเย็น เมื่อเสีย จะทำให้พัดลมหม้อน้ำทำงานต่อแม้หลังจากดับเครื่องยนต์แล้ว หากปล่อยทิ้งไว้นาน อาจทำให้แบตเตอรี่หมดได้ นอกจากนี้ ท่อด้านบนที่เชื่อมต่อกับหม้อน้ำมีแนวโน้มจะแตกได้ โดยเฉพาะในรุ่นที่มีอายุมาก ท่อของรุ่นเบนซินและดีเซลไม่เหมือนกัน ดังนั้นควรเลือกอะไหล่ให้ตรงรุ่น และแนะนำให้เปลี่ยนฝาถังน้ำหล่อเย็นไปพร้อมกันเพื่อความปลอดภัยสูงสุด

ระบบพวงมาลัย

Evoque ทุกรุ่นใช้พวงมาลัยไฟฟ้าแบบติดตั้งมอเตอร์ไว้บนคานพวงมาลัย ซึ่งเคยมีปัญหาจากสลักยึดมอเตอร์ที่ทำจากอะลูมิเนียมแตกหัก นำไปสู่การเอียงตัวมอเตอร์และทำให้สายพานหมุนพวงมาลัยเสียหาย ปัญหานี้เคยถูกรวมอยู่ในโครงการเรียกคืนของโรงงาน วิธีแก้ไขที่ถาวรคือเปลี่ยนสลักอะลูมิเนียมเป็นสลักเหล็กและเปลี่ยนสายพานใหม่ นอกจากนี้ เมื่อรถใช้งานเลขไมล์สูง ๆ ลูกปืนในคานพวงมาลัยอาจสึกหรอจนทำให้พวงมาลัยฝืดได้ วิธีแก้ไขคือเปลี่ยนลูกปืนใหม่ และควรหมั่นตรวจสอบสภาพยางหุ้มคันชักพวงมาลัย เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกและความชื้นเข้าไปทำลายระบบภายใน

เกียร์และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ

land rover มีชื่อเสียงด้านรถขับเคลื่อน 4 ล้อและออฟโรด

Evoque รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อมีปัญหาที่พบได้คือการสึกหรอของแบริ่งในเฟืองมุม (Angle gear) ซึ่งมีหน้าที่ถ่ายทอดแรงบิดไปยังล้อหน้าและล้อหลัง เมื่อใช้งานถึงราว ๆ 200,000 กิโลเมตร อาจเริ่มมีเสียงดังที่บ่งบอกถึงปัญหาของตัวแบริ่ง โดยเริ่มจากแบริ่งของเพลาหน้าและลุกลามไปยังแบริ่งเพลาระหว่างกลาง หากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เกิดการโยกของหน้าแปลนเฟืองมุม วิธีซ่อมคือต้องถอดเฟืองมุมออกมาและเปลี่ยนแบริ่งและซีลใหม่ทั้งหมด

ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ

ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อของ Evoque มีความซับซ้อนและค่อนข้างอ่อนไหวหากไม่ได้รับการดูแลที่ดี หากใช้งานในเส้นทางออฟโรดบ่อย ๆ ขับลุยน้ำ ลุยดิน หรือขับทางลูกรังเป็นประจำ เจ้าของรถต้องตรวจเช็กชิ้นส่วนของระบบขับเคลื่อนสี่ล้อให้ถี่มากขึ้น หมั่นทำความสะอาดและหล่อลื่นชิ้นส่วนต่าง ๆ อย่างทั่วถึง รวมทั้งตรวจเช็กความผิดปกติของชิ้นส่วนด้วยผู้เชี่ยวชาญ หากใช้งานรถเกิน 100,000 กม. ก็อาจต้องพิจารณาถึงการถอด Differential หลังทั้งชุดมาล้างทำความสะอาด นอกจากนี้ควรดูเรื่องน้ำมันเกียร์และน้ำมันไฮดรอลิกอย่างสม่ำเสมอ เปลี่ยนถ่ายของเหลวตามระยะ และเลือกใช้น้ำมันคุณภาพสูงที่เพื่อการปกป้องชิ้นส่วนต่าง ๆ อย่างเต็มประสิทธิภาพ

เพลาขับ

เพลาขับของ Evoque ถือว่าทนทานดี โดยทั่วไปข้อต่อ CV (Constant Velocity Joint) มีอายุใช้งานยาวนานหากยางหุ้มยังสมบูรณ์และมีจาระบีเพียงพอ ข้อต่อ CV ด้านนอกของเพลาหน้าสามารถเปลี่ยนแยกได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนเพลาทั้งเส้น ส่วนเพลาขับหลังต้องเลือกอะไหล่ให้ตรงรุ่นในกรณีที่ต้องซ่อมหรือเปลี่ยน

ระบบกันสะเทือน

ใน Evoque รุ่นท็อปจะมาพร้อมระบบช่วงล่าง Magneride ที่มีโช้คอัพแบบปรับระดับได้ แม้จะให้การขับขี่ที่นุ่มนวลและตอบสนองดีเยี่ยม แต่ในเรื่องความทนทานถือว่ามีจุดอ่อน โช้คประเภทนี้มักเริ่มมีเสียงหรือเกิดอาการติดขัดเมื่อใช้งานถึงราว 60,000 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าน้อยกว่าที่ควรจะเป็น หลายคนจึงเลือกเปลี่ยนโช้คอัพแบบปรับระดับไปเป็นโช้คอัพธรรมดาเพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงในระยะยาว

ในด้านความทนทานโดยรวม ชิ้นส่วนช่วงล่างของ Evoque ค่อนข้างแข็งแกร่งและมีอายุใช้งานยาวนาน โดยเฉพาะหากรถไม่ได้ถูกใช้งานหนักเกินไป หลายชิ้นส่วนเช่น ปีกนก แขนควบคุม และลูกหมาก สามารถใช้อะไหล่ร่วมกับ Freelander หรือบางรุ่นของ Volvo และ Ford ได้ ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา

แขนควบคุมหน้าของ Evoque ทำจากโลหะผสมน้ำหนักเบาและออกแบบให้ลูกหมากยึดติดแบบตายตัว เปลี่ยนแยกไม่ได้ หากลูกหมากเริ่มหลวมสามารถใช้แขนควบคุมหน้าของ Freelander แทนได้เพราะมีจุดยึดต่าง ๆ เหมือนกัน

ช่วงล่างด้านหลังของ Evoque เป็นแบบ McPherson strut คล้ายด้านหน้า โดยมีดุมล้อหลังแขวนอยู่บนแขน 3 เส้นและใช้ Silent block ขนาดเล็กเป็นตัวดูดซับแรงสั่นสะเทือน ช่วยให้การขับขี่มีความนุ่มนวลแต่ยังให้การยึดเกาะที่ดีในทุกสภาพถนน

Range Rover Evoque SUV ขนาดเล็กผสานความหรูหราและการใช้งานจริงได้อย่างลงตัว

บทสรุป: Range Rover Evoque ยังน่าใช้ไหม?

แม้จะมีปัญหาให้พูดถึงเยอะพอสมควรแต่ Range Rover Evoque ก็ไม่ใช่รถที่งอแงแก้ไม่จบอย่างที่หลายคนกังวล ปัญหาส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดขึ้นพร้อมกัน และหากดูแลรถตามระยะเวลาที่เหมาะสม ซ่อมแซมข้อบกพร่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ทันทีที่เจอ ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาก็อยู่ในระดับที่ยอมรับได้สำหรับรถระดับพรีเมียม

เจ้าของ Evoque ส่วนใหญ่ยังคงพึงพอใจในตัวรถ มองว่าคุ้มค่ากับดีไซน์ที่โดดเด่น และมีความสามารถในการลุยเส้นทางนอกเมืองได้อย่างน่าประทับใจ และภาพลักษณ์ที่ยกระดับไลฟ์สไตล์ไปอีกขั้น สำหรับใครที่สนใจรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ Ingenium รุ่นใหม่ แนะนำให้เข้ารับการตรวจสอบโดยศูนย์บริการที่มีประสบการณ์กับเครื่องยนต์ตระกูลนี้ เพราะศูนย์ทั่วไปบางแห่งอาจยังไม่ชำนาญพอในการวินิจฉัยปัญหาหรือซ่อมบำรุงเฉพาะทาง

Range Rover Evoque ถือเป็นตัวอย่างที่ดีว่ารถ Crossover SUV ขนาดเล็กสามารถผสมผสานความหรูหรา สไตล์ และการใช้งานจริงได้อย่างลงตัว คุณสมบัติเหล่านี้เองที่ทำให้ Evoque กลายเป็นหนึ่งในรุ่นที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Land Rover และยังคงเป็นรถที่น่าใช้งานอยู่ในวันนี้

ข้อควรรู้สำหรับคนที่กำลังมองหา Range Rover Evoque มือสอง

ถ้าคุณกำลังเล็ง Range Rover Evoque มือสองอยู่ ถือว่าคุณกำลังมองหารถที่ให้ทั้งภาพลักษณ์ระดับพรีเมียม ดีไซน์โดดเด่น และสมรรถนะที่ครบเครื่องในขนาดตัวรถที่ไม่ใหญ่เกินไป แต่ก่อนตัดสินใจมีหลายจุดที่ควรพิจารณาเพื่อให้ได้รถที่คุ้มค่าและใช้งานได้ยาวนาน

สิ่งแรกที่ควรตรวจสอบคือประวัติการบำรุงรักษา ดูว่ามีการเข้าศูนย์บริการสม่ำเสมอหรือไม่ โดยเฉพาะระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ, ระบบกันสะเทือน และเครื่องยนต์ หากเป็นรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ Ingenium ควรเช็กประวัติการเปลี่ยนโซ่ไทมิ่งและระบบระบายความร้อนอย่างละเอียด เพราะเครื่องตระกูลนี้ต้องการการดูแลพิเศษกว่ารุ่นก่อนหน้า

สำหรับช่วงล่าง อย่าลืมเช็กสภาพโช้คอัพ โดยเฉพาะถ้าเป็นรุ่นที่ติดตั้งระบบ Magneride และควรทดสอบพวงมาลัยว่ามีเสียงผิดปกติหรืออาการหนืดผิดปกติหรือไม่ นอกจากนี้ ให้สังเกตสัญญาณเตือนจากระบบขับเคลื่อนสี่ล้อหรือเสียงจากเฟืองชุดขับเคลื่อนเพราะอาจบ่งบอกถึงค่าใช้จ่ายซ่อมที่ต้องเผื่อไว้ล่วงหน้า

การดูแล Evoque ให้ใช้งานได้นานไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องใส่ใจเรื่องการเปลี่ยนของเหลวตามรอบ, ใช้อะไหล่คุณภาพ, และตรวจสอบระบบไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ การบำรุงรักษาเชิงป้องกันจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงซ่อมใหญ่ได้ในอนาคต

โดยรวมแล้ว หากเลือกคันที่ปีไม่เก่ามากและดูแลมาดี Range Rover Evoque ก็ยังเป็นตัวเลือกที่น่าใช้ ตอบโจทย์ทั้งสไตล์และการขับขี่ที่โดดเด่น มีความสะดวกสบาย สามารถลุยเส้นทางนอกเมืองได้อย่างน่าพอใจ ทั้งยังมีราคามือสองที่น่าสนใจมาก ๆ ด้วย

ค้นหา Range Rover Evoque มือสอง (2011–2019) ที่ใช่สำหรับคุณ

เรารวบรวมประกาศขาย range rover มือสองจาก Facebook Marketplace, Kaidee, One2Car และ TaladRod มาไว้ในที่เดียว

เปรียบเทียบราคาขายรถมือสอง เรนจ์โรเวอร์ อีโวค ดูประเภทผู้ขาย แล้วเลือกคันที่ตรงใจคุณได้ง่ายๆ

Range Rover Evoque มือสองมากมายรอคุณอยู่ที่นี่ → ค้นหา Range Rover Evoque มือสอง

  • กรุงเทพมหานคร, 500 km
  • ยี่ห้อ: Land Rover
  • รุ่น: Range Rover Evoque
  • แหล่งที่มา: Facebook, Kaidee, One2Car, TaladRod