เจาะลึก Benz Vito รุ่น 2 – รถตู้เบนซ์มือสองที่มากกว่าความหรู

Mercedes benz Vito รุ่นที่ 2 ผลิตตั้งแต่ปี 2003 ถึงปี 2014

Mercedes benz Vito รุ่นที่ 2 ถือเป็นหนึ่งในรถมินิแวนเชิงพาณิชย์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในยุโรป ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นทั้งในด้านการออกแบบ การใช้งานที่หลากหลาย และสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางท่องเที่ยวแบบครอบครัว การใช้งานเชิงธุรกิจ หรือการขนส่งผู้โดยสารในรูปแบบ VIP รถรุ่นนี้สามารถตอบโจทย์ได้อย่างครบถ้วน รถตู้เบนซ์ รุ่นนี้เริ่มต้นสายการผลิตตั้งแต่ปี 2003 ถึงปี 2014 โดยออกแบบให้เป็นรถตู้ขนาดกลางที่มีความหรูหรา แข็งแรง และเหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ตลอดจนการใช้งานในเชิงพาณิชย์

การออกแบบภายนอกและภายใน Mercedes benz Vito รุ่น2

 รถตู้เบนซ์ Vito รุ่นที่ 2 ดีไซน์ที่เรียบหรูแข็งแรงตามมาตรฐานรถยุโรป

Vito รุ่นที่ 2 มาพร้อมกับดีไซน์ที่เรียบหรู มีความภูมิฐาน ภายในห้องโดยสารมีความกว้างขวาง โปร่งโล่ง และให้ความรู้สึกพรีเมียม วัสดุภายในเน้นความแข็งแรงตามมาตรฐานรถยุโรป เบาะที่นั่งมีขนาดใหญ่ รองรับสรีระได้ดี ใช้งานได้ทั้งการเดินทางระยะสั้นและระยะไกล ส่วนพื้นที่จัดเก็บสัมภาระก็ได้รับการออกแบบมาอย่างชาญฉลาด มีช่องเก็บของกระจายอยู่ในจุดต่าง ๆ ทั้งบริเวณคอนโซลหน้า ด้านข้าง และกลางห้องโดยสาร รองรับการใช้งานทั้งฝั่งผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้เป็นอย่างดี

ขนาดตัวถังและรูปแบบตัวถัง

Mercedes-Benz Vito รุ่นที่ 2 มีตัวถังให้เลือกหลากหลาย ทั้งแบบฐานล้อสั้น ฐานล้อมาตรฐาน และฐานล้อยาว โดยความยาวตัวถังอยู่ระหว่าง 4.7 ถึง 5.2 เมตร ภายในสามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุดถึง 8 คน เหมาะสำหรับการเดินทางเป็นกลุ่มใหญ่ หรือการใช้งานในเชิงพาณิชย์

ขุมพลังและระบบขับเคลื่อน

Mercedes-Benz Vito รุ่นที่ 2 มาพร้อมกับตัวเลือกเครื่องยนต์ที่หลากหลาย ทั้งในแบบดีเซลและเบนซิน เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานในแต่ละประเภท ดังนี้

เครื่องยนต์ดีเซล

  • OM646: เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบแถวเรียง ให้กำลัง 88–152 แรงม้า มีจุดเด่นด้านความประหยัดและทนทาน เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน
  • OM651: รุ่นปรับปรุงใหม่ ให้กำลังระหว่าง 95–190 แรงม้า สมรรถนะสูงขึ้น โดยยังคงเน้นความประหยัด เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้งานระยะทางไกล หรือใช้ขนของบ่อย
  • OM642: เครื่องยนต์ดีเซล V6 ขนาด 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 224 แรงม้า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสมรรถนะสูง ขึ้นเขา หรือใช้งานบรรทุกหนัก

เครื่องยนต์เบนซิน

  • M112 (3.2 และ 3.7 ลิตร) และ M272 (3.5 ลิตร): เป็นทางเลือกสำหรับผู้ชื่นชอบเครื่องยนต์เบนซิน แม้จะมีสมรรถนะที่ดี แต่ไม่ได้รับความนิยมเท่ารุ่นดีเซล เนื่องจากมีอัตราสิ้นเปลืองที่สูงกว่า และค่าบำรุงรักษาที่มากกว่า

ปัญหาและข้อควรระวังของ Vito รุ่นที่ 2

แม้ว่า Vito จะเป็นรถที่ขึ้นชื่อด้านความอเนกประสงค์และทนทาน แต่ก็มีจุดอ่อนบางประการที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อ โดยเฉพาะเมื่อเป็นรถมือสอง

เครื่องยนต์ OM651

เครื่องยนต์ OM651 ซึ่งเข้ามาแทนที่ OM646 ในรุ่นปรับโฉม ถือเป็นขุมพลังที่วางใจได้ในภาพรวม แต่ก็มีจุดอ่อนที่ควรระวังอยู่ไม่น้อย หนึ่งในปัญหาหลักคือปั๊มน้ำมันแรงดันสูงแบบใบพัดที่มีระบบปรับความจุแปรผัน ซึ่งในบางรุ่นอาจพบว่าตัววาล์วควบคุมแรงดันทำงานผิดปกติ โดยเฉพาะภายใต้ภาระงานหนัก จนอาจส่งผลให้ระบบหล่อลื่นทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพนอกจากนี้ยังมีรายงานว่าชุดใบพัดภายในปั๊มน้ำมันอาจเกิดความเสียหายตามอายุการใช้งาน ซึ่งมักจะต้องเปลี่ยนใหม่เมื่อวิ่งถึงระยะประมาณ 200,000–250,000 กิโลเมตร ในช่วงแรกของการผลิต เครื่องยนต์ OM651 ใช้หัวฉีดเชื้อเพลิงแบบเพียโซอิเล็กทริก (Piezoelectric) ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนมาใช้หัวฉีดแม่เหล็กไฟฟ้าแบบใหม่ที่มีความเสถียรมากกว่า และลดปัญหาได้ดีขึ้น

ปัญหาสนิมและการกัดกร่อนของตัวถัง

รถยุค 2000 รวมถึง Mercedes-Benz Vito ไม่ได้มีระบบป้องกันสนิมที่สมบูรณ์แบบ จุดที่มักเกิดสนิมได้บ่อยคือบริเวณขอบประตู ซุ้มล้อ และแนวขอบต่าง ๆ ซึ่งเมื่อเริ่มเกิดการกัดกร่อน หากปล่อยไว้โดยไม่แก้ไข ก็อาจลุกลามได้ในระยะยาว

อีกหนึ่งจุดที่มักพบปัญหาคือรอยต่อระหว่างหลังคากับแผงด้านข้างตัวถัง ที่สีอาจพองหรือแตกเป็นฟอง อันเป็นสัญญาณของการกัดกร่อนที่เริ่มก่อตัว โดยเฉพาะในรถที่เคยผ่านการใช้งานในพื้นที่ที่มีสภาพอากาศรุนแรง หรือมีการใช้สารเคมีที่กัดกร่อนพื้นผิวบ่อย ๆ

ระบบไฟฟ้า: จุดอ่อนที่พบได้บ่อย

สำหรับ Vito รุ่นก่อนหน้า มักมีปัญหาที่เกี่ยวกับระบบไฟฟ้าให้เห็นอยู่บ้าง จุดที่เจอบ่อยคือไดชาร์จและมอเตอร์สตาร์ท ซึ่งเมื่อเริ่มเสื่อมอายุ อาจทำให้สตาร์ทรถไม่ติด หรือแบตเตอรี่ชาร์จไฟได้ไม่เต็มที่ อย่างไรก็ตาม ปัญหาเหล่านี้มักแก้ไขได้ด้วยการเปลี่ยนตัวโซลินอยด์หรือชุดควบคุมไฟฟ้าบางจุด

อีกหนึ่งจุดเล็ก ๆ แต่เกิดบ่อยคือสายไฟของพัดลมหม้อน้ำที่อาจกรอบหรือกัดกร่อนตามอายุ ซึ่งทำให้พัดลมทำงานผิดปกติ โชคดีที่ปัญหานี้สามารถซ่อมแซมได้ง่าย โดยการบัดกรีสายใหม่หรือเปลี่ยนเฉพาะจุด

Vito รุ่นที่ 2 เหมาะสำหรับใช้เป็นรถตู้ครอบครัว

ระบบกันสะเทือนและชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้อง: จุดที่ควรใส่ใจในรถตู้หรูรุ่นนี้

ระบบกันสะเทือนหลัก

ระบบกันสะเทือนของ Mercedes-Benz Vito โดยทั่วไปถือว่าทนทานและใช้งานได้ดีในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ยังมีบางจุดที่ควรเฝ้าระวัง โดยเฉพาะ ลูกหมากของแขนควบคุมด้านล่างฝั่งหน้า ซึ่งมักสึกหรอและต้องเปลี่ยนเมื่อถึงระยะใช้งานที่เหมาะสม

การเปลี่ยนชิ้นส่วนนี้มักต้อง ตัดหมุดย้ำเดิมออกก่อน จึงจะติดตั้งอะไหล่ใหม่ได้ ถือเป็นงานที่ต้องใช้ความชำนาญระดับหนึ่ง สำหรับช่วงล่างด้านหลัง แม้จะเป็นแบบอิสระ (Independent Suspension) แต่ก็มีรายงานว่าคอยล์สปริงด้านล่าง ในบางรุ่นอาจหักหรือแตกร้าวได้ โดยเฉพาะในรถที่บรรทุกหนักเป็นประจำ

ระบบกันสะเทือนแบบถุงลม

ในบางรุ่นของ Vito โดยเฉพาะรุ่นที่เน้นความนุ่มนวลในการขับขี่จะมาพร้อมระบบกันสะเทือนแบบถุงลมที่ด้านหลังซึ่งแม้จะช่วยเพิ่มความสบายได้ดี แต่ก็มีข้อจำกัดเรื่องความทนทาน เมื่อใช้ไปนาน ๆ ถุงลมอาจเกิดการรั่วหรือสูญเสียแรงดันทำให้ตัวรถทรุดต่ำลงจากระดับปกติ เจ้าของรถบางรายจึงเลือก เปลี่ยนระบบนี้เป็นคอยล์สปริงธรรมดาซึ่งมีราคาถูกและดูแลง่ายกว่า

ทั้งนี้หากยังใช้ระบบถุงลมเดิมอยู่ การตั้งค่าระบบให้แม่นยำเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะเซ็นเซอร์วัดความสูงของตัวรถที่มีบทบาทในการควบคุมการทำงานของช่วงล่าง หากเซ็นเซอร์นี้มีปัญหา ก็อาจทำให้ระบบไม่ทำงานอย่างที่ควรเป็น

รถตู้ครอบครัว: Vito vs Viano ต่างกันอย่างไร?

Mercedes-Benz Vito และ Viano เป็นรถที่มาจากรุ่นเดียวกัน แต่มีการตั้งชื่อที่แตกต่างกันตามตลาดที่จำหน่าย:

Mercedes-Benz Vito: เป็นรุ่นที่เน้นการใช้งานในเชิงพาณิชย์หรือเพื่อธุรกิจ เช่น รถตู้สำหรับการขนส่งสินค้า หรือพนักงาน ซึ่งมักจะมีตัวเลือกสำหรับการบรรทุกหนักและความทนทาน

Mercedes-Benz Viano: เป็นรุ่นที่ออกแบบมาให้เหมาะสำหรับการใช้งานส่วนบุคคลมากกว่า เช่น รถตู้หรูสำหรับครอบครัวหรือผู้โดยสาร ซึ่งมุ่งเน้นความสะดวกสบายและสมรรถนะที่สูงขึ้น

แม้ทั้งสองจะใช้พื้นฐานเดียวกัน (โดยเฉพาะในรุ่น W639) แต่ Viano จะเน้นการใช้งานที่หรูหราและเหมาะกับการเดินทางในระยะยาวมากกว่า ส่วน Vito จะเหมาะกับการใช้งานในเชิงพาณิชย์มากกว่า

ดังนั้น Vito และ Viano เป็นรุ่นเดียวกัน แต่มีการปรับเปลี่ยนทั้งในแง่ของการออกแบบและการใช้งานตามกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน

สรุปแล้ว Mercedes benz Vito รุ่นที่ 2 ยังคงเป็นรถตู้หรูมือสองที่น่าใช้มั๊ย?

Benz Vito รุ่น 2 รถตู้หรูความเอนกประสงค์ที่ยังคงน่าใช้ในปัจจุบัน

Mercedes-Benz Vito เจเนอเรชันที่ 2 ไม่ใช่แค่รถตู้ธรรมดา แต่คือรถตู้หรูอเนกประสงค์ที่ผสานความแข็งแรง ความสะดวกสบาย และคุณภาพการประกอบแบบเยอรมันเข้าไว้ด้วยกัน

แม้จะผ่านเวลามาหลายปี แต่ Vito ก็ยังมีความเกี่ยวข้องในตลาดรถมือสอง ด้วยจุดเด่นอย่าง:

  • โครงสร้างตัวถังและเครื่องยนต์ที่หลากหลาย
  • ความสามารถในการใช้งานทั้งในเชิงพาณิชย์และส่วนบุคคล
  • ความทนทานและเสถียรภาพในการเดินทางไกล

แน่นอนว่ารุ่นนี้ก็มีจุดที่ต้องระวัง เช่น หัวฉีดเพียโซอิเล็กทริกในรุ่นแรก ๆ ที่ไวต่อแรงดัน, จุดที่เกิดสนิมง่าย, เกียร์ธรรมดาที่อาจสึกหรอเร็ว และ ระบบถุงลมที่มีแนวโน้มเสื่อม แต่ข้อดีคือปัญหาเหล่านี้ได้รับการพูดถึงและแก้ไขกันมานานแล้ว จึงสามารถคาดการณ์และจัดการได้ไม่ยาก

ในภาพรวม Vito รุ่นที่ 2 เป็นรถที่มีคาแรกเตอร์ชัดเจน ต้องการการดูแลอย่างสม่ำเสมอ แต่ตอบแทนด้วยความทนทาน ความเอนกประสงค์ และเสน่ห์เฉพาะตัวในแบบ Mercedes-Benz อย่างแท้จริง

ถ้าคุณกำลังมองหารถตู้ครอบครัวที่กว้างขวาง น่าเชื่อถือ ใช้งานได้หลากหลาย และราคาสมเหตุสมผล Vito รุ่นนี้คือหนึ่งในตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม เพียงแค่คุณตรวจเช็กรถให้ละเอียดตั้งแต่หัวจรดท้าย เพื่อให้แน่ใจว่ารถที่คุณได้มานั้นเป็น "เพื่อนร่วมทาง" ไม่ใช่ "แขกประจำอู่ซ่อม"

ค้นหา benz vito มือสอง W639 (ปี 2003–2014) ที่ใช่สำหรับคุณได้ที่นี่

เรารวบรวมประกาศขายรถตู้เบนซ์มือสองจาก Facebook Marketplace, Kaidee, One2Car และ TaladRod มาไว้ในที่เดียว

เปรียบเทียบราคา ดูประเภทผู้ขาย แล้วเลือกคันที่ตรงใจคุณได้ง่ายๆ

Mercedes Vito W639 มือสองมากมายรอคุณอยู่ที่นี่ → ค้นหา benz vito มือสอง

  • กรุงเทพมหานคร, 500 km
  • ยี่ห้อ: Benz
  • รุ่น: Vito
  • ปี: 2003-2013
  • แหล่งที่มา: Facebook, Kaidee, One2Car, TaladRod

เจาะลึก Benz Vito รุ่น 2 – รถตู้เบนซ์มือสองที่มากกว่าความหรู