BMW Series 7 รุ่นที่ 5 (F01/F02) มือสอง – คันใหญ่ หรูแรง แต่คุ้มแค่ไหนมาดูกัน!

BMW 7 Series คือรถธงของแบรนด์ BMW ที่สะท้อนความภาคภูมิใจของวิศวกรรมเยอรมันและเทคโนโลยีระดับแนวหน้า รุ่นที่จะพูดถึงใบบทความนี้คือ 7 Series เจเนอเรชันที่ 5 ซึ่งใช้รหัสตัวถัง F01 (รุ่นฐานล้อมาตรฐาน) และ F02 (รุ่นฐานล้อยาว) มันถูกเปิดตัวครั้งแรกในระดับโลกเมื่อปี 2008 และเข้ามาขายในประเทศไทยปี 2009
การเปิดตัวของ 7 Series F01/F02 ถือว่าน่าจดจำไม่น้อยเพราะมันมาพร้อมกับการเปลี่ยนโฉมหน้าของซีดานหรูในยุคนั้นอย่างชัดเจน ในแง่ของการออกแบบ 7 Series F01/F02 มีดีไซน์ที่ดูสุขุมแต่เปี่ยมไปด้วยพลัง เส้นสายเฉียบคม ผสมผสานความหรูหราและความสปอร์ตได้อย่างลงตัว ภายในห้องโดยสารเน้นความสะดวกสบายระดับสูงสุด ด้วยวัสดุเกรดพรีเมียม ระบบ iDrive ที่พัฒนาให้ใช้งานง่ายขึ้น และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ใส่มาแทบจะเต็มพิกัด ไม่ว่าจะเป็นระบบปรับอากาศแยกอิสระหลายโซน ระบบเสียงระดับไฮเอนด์ หรือฟังก์ชันนวดเบาะหลังในบางรุ่นย่อย
ในด้านสมรรถนะ bmw series 7 F01/F02 มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล โดยจุดเด่นคือการขับขี่ที่มั่นคง นุ่มนวล แต่แฝงด้วยพลังและการควบคุมที่แม่นยำ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่หาไม่ได้ง่าย ๆ ในรถซีดานขนาดใหญ่ระดับนี้
สำหรับตลาดรถมือสองในประเทศไทย bmw series 7 F01/F02 ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจด้วยราคาที่ปรับตัวลงมาหลายล้าน บางคันเหลือเพียงหลักไม่ถึงล้านบาท ขึ้นอยู่กับสภาพรถ ปี เลขไมล์ และประวัติการบำรุงรักษา แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายในการดูแลอาจสูงกว่ารถญี่ปุ่นทั่วไป แต่ถ้าเจอคันที่ได้รับการดูแลดีมาอย่างต่อเนื่อง คุณก็สามารถเป็นเจ้าของรถระดับผู้นำที่มอบความหรูหราและประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับได้ไม่ยาก
บทความนี้จะมาเจาะลึกถึงคุณสมบัติ bmw series 7 สำรวจจุดเด่น ข้อ-ข้อเสีย ปัญหาที่พบ รวมถึงคำแนะนำในการเลือกซื้อและการบำรุงรักษา เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับคนที่กำลังสนใจซีดานเรือธงรุ่นนี้อยู่
คุณลักษณะของตัวถัง

BMW 7 Series เจเนอเรชันที่ 5 มาพร้อมกับตัวถัง 2 แบบหลักที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานต่างกลุ่มอย่างลงตัว ได้แก่รุ่น F01 ซึ่งเป็นรุ่นฐานล้อมาตรฐาน และรุ่น F02 ที่มีฐานล้อยาวขึ้นจากรุ่นปกติ 140 มม. และเป็นรุ่นที่ BMW ประเทศไทยเลือกทำตลาด จุดเด่นของรุ่นฐานล้อยาวคือพื้นที่เบาะหลังที่กว้างขวางและสะดวกสบายมากขึ้น จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้บริหารหรือผู้โดยสารที่ใช้เวลานั่งเบาะหลังเป็นหลัก
ด้านงานออกแบบ BMW 7 Series รุ่นนี้เป็นผลงานภายใต้การดูแลของ Adrian van Hooydonk ซึ่งเป็นผู้ออกแบบคนสำคัญของ BMW และเป็นผู้ที่สานต่อแนวคิดจาก Chris Bangle แต่ปรับให้ดูหรูหราและกลมกลืนยิ่งขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง E65/E66 ที่มีดีไซน์แหวกแนวและถูกวิจารณ์อยู่ไม่น้อยในยุคนั้น F01/F02 ถูกปรับภาพลักษณ์ให้ดูลงตัวขึ้น เส้นสายบนตัวถังดูลื่นไหลมากขึ้น ด้านหน้าติดตั้งกระจังหน้าแบบไตคู่ขนาดใหญ่ที่เป็นเอกลักษณ์ของ BMW ขนาบข้างด้วยไฟหน้า LED ดีไซน์เฉียบคม และดีไซน์ด้านหลังถูกออกแบบให้ดูเรียบง่ายแต่หรูหรา ช่วยให้รถดูคลาสสิกและไม่ตกยุคแม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน
ในด้านโครงสร้างตัวถังของ F01/F02 มีความแข็งแรงสูงเนื่องจากใช้เหล็กความแข็งแกร่งสูง (High-Strength Steel) ในจุดสำคัญ เพื่อเพิ่มความมั่นคงของโครงสร้างและความปลอดภัย ขณะเดียวกัน BMW ก็ใส่ใจเรื่องน้ำหนักตัวรถ จึงเลือกใช้อะลูมิเนียมในหลายชิ้นส่วน เช่น ฝากระโปรงหน้า บังโคลน ประตู และฝากระโปรงท้าย เพื่อช่วยลดน้ำหนักโดยรวม ส่งผลให้รถมีการควบคุมที่ดีขึ้นและประหยัดน้ำมันมากกว่าที่คาดในรถขนาดนี้
ตัวเลือกเครื่องยนต์ของบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีย์ 7 ในไทย

เครื่องยนต์เบนซิน
BMW 7 Series F01 เครื่องยนต์เบนซินทำตลาดในเมืองไทยทั้งหมด 3 รหัส เริ่มที่ 730Li ใช้เครื่องเบนซิน 6 สูบเรียง 3.0 ลิตร ไม่มีเทอร์โบ กำลัง 218 แรงม้า เครื่องยนต์ตัวนี้มีการทำงานที่สมดุล เรียบง่าย ประหยัดพลังงาน และปล่อยมลพิษต่ำ เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองหรือใช้งานทั่วไป แต่เครื่องยนต์นี้มีระบบวาล์วแปรผัน Valvetronic ที่ช่องรับอากาศและ Vanos คู่ที่เพลา ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและสร้างพละกำลังที่ต่อเนื่องในทุกรอบการทำงาน
ต่อด้วย 740Li ใช้เครื่อง 6 สูบเรียง 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ 326 แรงม้า เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับคนต้องการความแรง ให้อัตราเร่งที่กระฉับกระเฉงทันใจ ขับมั่นใจ แต่จะกินน้ำมันมากกว่า 730Li และต้องการการดูแลเอาใจใส่ที่มากกว่าเนื่องจากที่ระบบอัดอากาศเข้ามาเกี่ยวข้อง
และอีกหนึ่งรหัสแรงอย่าง 750Li มากับเครื่อง V8 4.4 ลิตร เทอร์โบคู่ กำลังสูงสุด 407 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร เป็นรุ่นนำเข้าจากเยอรมันที่มีพละกำลังสูงที่สุด และมีจำนวนน้อยมากเพราะขายเฉพาะในช่วงปีแรก ๆ ที่เปิดตัวเท่านั้น
เครื่องยนต์เบนซินทั้ง 3 รุ่นล้วนได้รับการยอมรับเรื่องความทนทานและน่าเชื่อถือ ไม่ค่อยเจอปัญหาใหญ่ที่น่ากังวล ถ้าดูแลดี ๆ เปลี่ยนถ่ายของเหลวตามระยะก็สามารถใช้งานได้ยาว ๆ 2 – 3 แสนกิโลเมตรแบบไม่มีปัญหา
เครื่องยนต์ดีเซล
บีเอ็มดับเบิลยู F01 เครื่องยนต์ดีเซลในเมืองไทยทำตลาดรุ่นเดียวคือ 730Ld เป็นเครื่อง 6 สูบเรียง 3.0 ลิตร เทอร์โบ กำลัง 218 แรงม้า ถือเป็นรุ่นที่มีความสมดุลทั้งสมรรถนะและความประหยัด ให้แรงบิดที่ดี ทั้งยังเป็นเครื่องยนต์ที่ทนทาน ดูแลง่าย ไม่จุกจิก เหมาะสำหรับใช้งานทั้งในเมืองและขับขี่ทางไกล เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจและยังมีราคามือสองที่เข้าถึงได้ง่าย สำหรับปัญหาของเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นนี้ก็ไม่ค่อยน่ากังวล หากดูแลดี ๆ ก็ใช้งานได้ยาว ๆ นับแสนกิโลเมตร
ระบบส่งกำลังของ

BMW 7 Series F01/F02 ที่ทำตลาดในเมืองไทยจะใช้เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเป็นรถขับเคลื่อนล้อหลังทุกรหัส เกียร์ 6 สปีดลูกนี้เป็นของ ZF ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความนุ่มนวล ส่งต่อกำลังได้รวดเร็ว และมีความทนทาน ทั้งยังเป็นเกียร์ที่ไม่ค่อยงอแง ดูแลง่าย แนะนำให้เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุก ๆ 50,000 กม. เพื่อเป็นการล้างเศษสิ่งสกปรกให้ห้องเกียร์ และช่วยหล่อลื่นชิ้นส่วนต่าง ๆ ให้ทำงานได้เป็นปกติ หากคุณดูแลเกียร์อย่างสม่ำเสมอก็จะใช้งานได้ยาว ๆ เกินแสนกิโลเมตรโดยไม่เจอปัญหาใหญ่
ระบบช่วงล่างและพวงมาลัย
แม้จะเป็นซีดานขนาดใหญ่ระดับเรือธงแต่ BMW Series 7 ก็ยังคงยึดมั่นในหลักการขับสนุกตามแบบฉบับของ BMW ด้วยการออกแบบระบบช่วงล่างและบังคับเลี้ยวที่ให้ทั้งความนุ่มนวลและความแม่นยำในการขับขี่อย่างลงตัว
ระบบช่วงล่างของ 7 Series F01 เป็นแบบอิสระทั้งสี่ล้อ โดยด้านหน้าใช้แบบปีกนกคู่ (Double Wishbone) ที่ให้การควบคุมล้ออย่างมั่นคงแม้ในสภาพถนนที่ไม่เรียบ ส่วนด้านหลังเป็นแบบมัลติลิงก์ (Multi-link) ซึ่งช่วยเสริมความนุ่มนวลและความเสถียรของตัวรถเมื่อใช้งานความเร็วสูง รถส่วนใหญ่ยังมาพร้อมกับระบบกันสะเทือนแบบถุงลม (Air Suspension) ซึ่งช่วยรักษาระดับความสูงของตัวรถให้คงที่ไม่ว่าจะบรรทุกมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะรุ่นฐานล้อยาว F02 ที่มักใช้เป็นรถสำหรับโดยสารหรืองานผู้บริหาร ระบบนี้จึงมีบทบาทสำคัญในการรักษาความนุ่มนวลและความหรูหราอย่างต่อเนื่อง
BMW ยังได้เสนอเทคโนโลยีเสริมด้านการควบคุมเพื่อยกระดับสมรรถนะให้เหนือกว่ารถหรูทั่ว ๆ ไป อาทิ ระบบ Dynamic Drive ที่เป็นระบบกันโคลงแบบแอคทีฟ ซึ่งใช้ชุดมอเตอร์ไฟฟ้าปรับแรงต้านทานของเหล็กกันโคลงแบบอัตโนมัติ ลดอาการโคลงของตัวรถขณะเข้าโค้ง ทำให้รถยังคงทรงตัวได้ดีแม้จะเข้าโค้งด้วยความเร็ว
อีกหนึ่งไฮไลต์คือ Integral Active Steering หรือระบบบังคับเลี้ยวล้อหลังแบบแอคทีฟ ซึ่งพบได้ในรุ่นที่ติดตั้งออปชันพิเศษ ระบบนี้ช่วยให้ล้อหลังหมุนตามพวงมาลัยได้ในองศาที่เหมาะสม ส่งผลให้รถมีวงเลี้ยวที่แคบลงเมื่อต้องขับในที่แคบหรือในเมือง และให้เสถียรภาพสูงขึ้นเมื่อต้องวิ่งด้วยความเร็วบนทางหลวง
ในส่วนของการปรับโหมดการขับขี่ BMW 7 Series F01 มีระบบ Dynamic Damping Control ที่ให้ผู้ขับเลือกโหมดการทำงานของโช้คอัพได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโหมด Comfort สำหรับการขับขี่นุ่มนวลสบาย โหมด Normal ที่สมดุลระหว่างนุ่มกับสปอร์ต และโหมด Sport ที่ช่วยให้รถตอบสนองฉับไว เหมาะกับการขับขี่แบบเร้าใจมากขึ้น
แม้ตัวรถจะมีขนาดใหญ่และน้ำหนักไม่น้อยแต่ 7 Series F01 ยังคงให้ความรู้สึกควบคุมได้อย่างมั่นใจ พวงมาลัยแม่นยำ น้ำหนักดี และให้ฟีลลิงที่เชื่อมโยงกับพื้นถนนได้ดีในแบบที่หาได้ยากในรถซีดานระดับนี้ อาการโคลงของตัวถังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้รู้สึกปลอดภัยแม้ใช้ความเร็วสูง และยังสามารถขับขี่ได้อย่างผ่อนคลายในชีวิตประจำวัน

ภายในห้องโดยสารและอุปกรณ์อำนวยความสะดวก
ภายในของ BMW 7 Series F01/F02 ไม่ใช่แค่ห้องโดยสารสำหรับเดินทาง แต่มันคือประสบการณ์ที่ถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อสะท้อนตัวตนของรถระดับเรือธงในทุกแง่มุมทั้งในด้านความหรูหรา ความสะดวกสบาย และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยในยุคของมัน
สิ่งแรกที่สัมผัสได้ทันทีเมื่อเปิดประตูคือคุณภาพของวัสดุและงานประกอบที่ใส่ใจในรายละเอียดสุด ๆ ภายในห้องโดยสารใช้เฉพาะวัสดุระดับพรีเมียม เช่น หนังแท้เกรดสูง Nappa หรือ Merino ที่ให้สัมผัสนุ่มหรูหรา พื้นผิวตกแต่งมีให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นไม้แท้แบบธรรมชาติหลายชนิด อะลูมิเนียมขัดเงา หรือแม้แต่คาร์บอนไฟเบอร์สำหรับคนที่ชอบสไตล์สปอร์ตหรู
แดชบอร์ดและแผงหน้าปัดยังคงรักษาแนวทางการออกแบบ "Driver Focus" ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ BMW ทุกยุค ทุกปุ่มควบคุมและหน้าจอถูกจัดวางอย่างชาญฉลาด โดยเฉพาะ ระบบ iDrive รุ่นใหม่ที่ได้รับการพัฒนาให้ใช้งานง่ายและตอบสนองรวดเร็วกว่ารุ่นก่อนหน้า ผู้ขับสามารถควบคุมทุกฟังก์ชันหลักผ่านปุ่มควบคุมที่อยู่บริเวณคอนโซลกลาง พร้อมกับหน้าจอแสดงผลความละเอียดสูงที่แสดงผลชัดเจนแม้ในที่แดดจ้า
หนึ่งในจุดเด่นที่ทำให้ บีเอ็มซีรี่ย์7 เป็นที่โปรดปรานของผู้ที่ต้องการรถผู้บริหารระดับสูงคือ พื้นที่โดยสารตอนหลังที่ออกแบบมาเพื่อมอบความสบายสูงสุดให้กับผู้โดยสาร ด้วยเบาะแบบปรับแยกอิสระที่สามารถสั่งอุปกรณ์เสริมเพิ่มเติมได้ เช่น ฟังก์ชันนวด ระบบทำความร้อนและระบายอากาศ ระบบแอร์แยกโซนสำหรับเบาะหลัง รวมถึง ชุดจอมัลติมีเดียแบบฝังในพนักพิงเบาะหน้า ซึ่งเชื่อมต่อกับเครื่องเสียงระดับไฮเอนด์ได้อย่างลงตัว
ในด้านอุปกรณ์และเทคโนโลยีเสริม BMW ไม่ได้กั๊กของเลยแม้แต่น้อย รายการอุปกรณ์มาตรฐานและออปชันที่มีให้เลือกนั้นถือว่าทะลุขีดจำกัดของยุคอย่างแท้จริง เช่น:
- ระบบควบคุมอุณหภูมิแบบ 4 โซนแยกอิสระ
- หลังคาพาโนรามาพร้อมระบบไฟฟ้าเปิด-ปิดได้
- ระบบ Night Vision ที่ช่วยให้มองเห็นวัตถุในความมืด เช่น คนหรือสัตว์
- ระบบเสียง Bang & Olufsen คุณภาพระดับไฮไฟ พร้อมลำโพง 16 ตัว
- ระบบ Adaptive Cruise Control พร้อมฟังก์ชัน Stop & Go ที่สามารถเบรกและออกตัวอัตโนมัติเมื่อติดไฟแดงหรือในจราจร
- กล้องมองภาพรอบคัน (Surround View) ที่ช่วยให้จอดรถง่ายและปลอดภัย
- Head-Up Display แสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกหน้าแบบไม่ต้องละสายตา
- เบาะนั่งแบบ Ventilated Seats ที่สามารถทำความร้อนหรือระบายอากาศ
- ระบบ Ionizer และ Diffuser ปรับสภาพอากาศในห้องโดยสารให้บริสุทธิ์และมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ตลอดการเดินทาง
นอกจากนี้ 7 Series F01 ยังมีฟังก์ชันความปลอดภัยและช่วยเหลือผู้ขับขี่อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ และระบบตรวจจับรถในจุดบอด ซึ่งหลายอย่างเหล่านี้นับเป็นการบุกเบิกของ BMW ที่ต่อมาถูกใช้เป็นมาตรฐานในรถยุโรประดับหรูทั่วทั้งอุตสาหกรรม
กล่าวโดยรวม BMW 7 Series F01/F02 คือรถที่ไม่ได้แค่ให้ความรู้สึกพรีเมียมแต่ยังให้ประสบการณ์ระดับเฟิร์สคลาสทั้งสำหรับคนขับและผู้โดยสาร เป็นหนึ่งในไม่กี่รุ่นที่สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งสองบทบาทได้อย่างสมบูรณ์ และเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้รุ่นนี้ยังคงมีเสน่ห์และเป็นที่ต้องการในตลาดรถมือสองของไทยจนถึงทุกวันนี้
การบำรุงรักษาและการใช้งาน

รถ bmw ซีรีย์ 7 เป็นรถหรูระดับเรือธงที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีและระบบต่าง ๆ ที่ซับซ้อน ซึ่งแม้จะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยม แต่ก็แลกมากับความจำเป็นในการดูแลรักษาอย่างใกล้ชิดและเป็นระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณกำลังมองหารุ่นนี้ในตลาดรถมือสอง การเข้าใจจุดสำคัญของการดูแลจะช่วยให้คุณใช้งานได้อย่างมั่นใจและคุ้มค่าในระยะยาว
การดูแลเครื่องยนต์เบนซิน
- N52 (730i) เป็นเครื่องยนต์ 6 สูบ ไม่มีเทอร์โบ ที่ทนทาน ไม่จุกจิก จุดที่ควรระวังคือ ปั๊มน้ำไฟฟ้า ซึ่งควรตรวจสอบการทำงานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันความร้อนสะสม
- N54 / N55 (740i) ให้สมรรถนะดี แต่ควรดูแลระบบ หล่อลื่นและระบายความร้อน ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ โดยเฉพาะในรถที่ถูกใช้งานหนัก
- N63 V8 (750i) ขึ้นชื่อเรื่องความแรงแต่ต้องดูแลมากกว่ารุ่นอื่น เช่น เปลี่ยนซีลก้านวาล์วและแหวนกวาดน้ำมันตามรอบ และหมั่นล้างระบบระบายความร้อน
การดูแลเครื่องยนต์ดีเซล
เครื่องยนต์ดีเซล N57 ถือว่าแข็งแรงและทนทานหากดูแลดี ๆ จุดสำคัญคือการล้างท่อไอดีและท่ออากาศจากคราบเขม่าอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงเช็กสภาพ พูลเลย์เพลาข้อเหวี่ยง และระบบ EGR เพื่อรักษาประสิทธิภาพการทำงานและลดปัญหาควันดำ
การดูแลระบบเกียร์
เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดที่ติดตั้งใน 7 Series F01 ถือว่าทนทานมาก การดูแลไม่ซับซ้อน แนะนำว่าเจ้าของรถควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุก 60,000–80,000 กม. เพื่อให้เกียร์ทำงานได้ราบรื่นและช่วยยืดอายุการใช้งาน
การดูแลระบบช่วงล่าง
ช่วงล่างของ 7 Series F01 ให้ความสบายระดับพรีเมียม แต่ต้องเข้าใจว่าอุปกรณ์เหล่านี้มีอายุการใช้งานที่ควรเปลี่ยนตามรอบ ดังนี้
- แขนควบคุมหน้า: ประมาณ 100,000 กม.
- โช้คอัพ: ประมาณ 150,000 กม.
- สปริง: มักอยู่ได้ถึง 200,000 กม.
- ระบบช่วงล่างแบบถุงลมโดยทั่วไปแล้วมีความทนทานและมีอายุการใช้งานเป็นแสนกิโลเมตรถ้าไม่ใช้งานหนักเกินไป แต่ถ้าพบว่าเริ่มมีอาการรั่วหรือถุงลมไม่คงระดับ ควรเปลี่ยนทันทีเพื่อป้องกันความเสียหายต่อระบบอื่น
BMW 7 Series F01 ไม่ใช่รถที่ซ่อมอู่ไหนก็ได้ ถ้าคุณเลือกเป็นเจ้าของ ควรเตรียมใจและเตรียมงบสำหรับการดูแลแบบมีมาตรฐาน แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าดูแลถูกจุด เลือกรุ่นเครื่องยนต์ที่เชื่อถือได้ และเข้ารับบริการกับผู้เชี่ยวชาญเป็นประจำ รถคันนี้ก็สามารถพาคุณไปได้ไกลอย่างนุ่มนวลและมั่นใจเกินคาด
ตำแหน่งในตลาดและคู่แข่ง

BMW 7 Series F01/F02วางตัวเป็นรถซีดานระดับเรือธงที่ผสมผสานความหรูหรา ความสปอร์ต และเทคโนโลยีเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ด้วยบุคลิกที่เน้นการขับขี่มากกว่าการนั่งโดยสารเพียงอย่างเดียว ทำให้มันกลายเป็นทางเลือกที่แตกต่างในกลุ่มรถผู้บริหารที่มักมุ่งเน้นความสะดวกสบายเป็นหลัก
คู่แข่งโดยตรงของรถ bmw Series7 F01/F02
- Mercedes-Benz S-Class (W221): ตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการความหรูหราแบบนุ่มนวลและการโดยสารที่สะดวกสบายเหนือระดับ
- Audi A8 (D4): เน้นเทคโนโลยีล้ำสมัย มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro เป็นมาตรฐาน
- Lexus LS (XF40): คู่แข่งจากญี่ปุ่นที่ชนะใจด้วยความทนทาน การประกอบที่ประณีต และการบริการหลังการขายที่น่าประทับใจ
- Jaguar XJ (X351): ตัวแทนความหรูหราสไตล์อังกฤษ โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์และความปราดเปรียวในการขับขี่
- Porsche Panamera: คู่แข่งสายสปอร์ตเต็มตัว มุ่งเน้นการควบคุมและสมรรถนะมากกว่าความหรูหราดั้งเดิม
ในหมู่คู่แข่งทั้งหมด 7 Series F01 โดดเด่นด้วยอารมณ์ของผู้ขับขี่ที่ยังคงอยู่ในรถหรูระดับนี้ได้อย่างลงตัว ทำให้มันเป็นรถสำหรับคนที่ยังอยากขับเองแต่ไม่อยากเสียความหรูหราไป
มรดกและอิทธิพลต่อรุ่นต่อไป

BMW 7 Series F01/F02 เป็นรถที่เปลี่ยนยุค แนวคิดและเทคโนโลยีหลายอย่างที่เริ่มต้นจากรุ่นนี้ได้กลายเป็นต้นแบบให้กับ BMW รุ่นถัดไปหลายเจเนอเรชัน สิ่งที่ 7 Series F01/F02 นำเสนอเป็นครั้งแรกและสืบทอดต่อในรถ BMW รุ่นหลัง ได้แก่
- ระบบ iDrive เจเนอเรชันใหม่ที่ใช้งานง่ายขึ้นและแสดงผลคมชัดกว่าเดิม
- ระบบ Integral Active Steering หรือระบบเลี้ยวสี่ล้อที่ช่วยให้รถขนาดใหญ่ควบคุมง่ายขึ้นทั้งในเมืองและขับทางไกล
- การออกแบบภายในที่ให้ความรู้สึกทันสมัยและพรีเมียมแบบใหม่ของ BMW
- การใช้อะลูมิเนียมและวัสดุน้ำหนักเบาเพื่อช่วยลดน้ำหนักและเพิ่มประสิทธิภาพ
- ภาษาการออกแบบใหม่ที่กลายเป็น DNA ของ BMW ในยุคหลังด้วยการผสานเส้นสายที่ดูแข็งแกร่งและเรียบหรูในเวลาเดียวกัน
บทสรุป: BMW Series 7 มือสองน่าซื้อหรือไม่?

BMW 7 Series F01/F02 ยังคงเป็นหนึ่งในรถหรูระดับเรือธงที่น่าจับตามองที่สุดในตลาดมือสอง ด้วยดีไซน์ที่ยังดูทันสมัย เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าสำหรับยุคนั้น และคุณภาพการประกอบที่เหนือชั้น มันยังให้ความรู้สึกพรีเมียมได้ไม่แพ้รถใหม่ในบางรุ่น จุดแข็งของซีดานหรูรุ่นนี้คือการผสมผสานระหว่างความหรูหรา ความสบาย และความสนุกในการขับขี่อย่างลงตัว ถือเป็นรถซีดานระดับสูงที่ไม่ได้ถูกออกแบบมาแค่เพื่อนั่งอย่างเดียว แต่ยังขับได้ดีอย่างที่รถ BMW ควรจะเป็น
จุดที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อ 7 Series F01 มือสองให้คุ้มค่าคือต้องมีความเข้าใจในธรรมชาติของรถประเภทนี้ก่อน คุณควรเลือกรถที่มีประวัติบำรุงรักษาชัดเจน โดยเฉพาะรถที่ผ่านศูนย์บริการหรืออู่ที่เชี่ยวชาญ BMW ทำการตรวจสอบระบบสำคัญ เช่น ระบบช่วงล่างถุงลม เกียร์ และอุปกรณ์ไฟฟ้า ว่าทำงานได้สมบูรณ์ รวมถึงตรวจเช็กสภาพเครื่องยนต์ว่าทำงานได้เป็นปกติและไม่มีปัญหา และควรพิจารณาให้เหมาะกับงบประมาณการดูแลรักษาในระยะยาว
หากคุณมองหารถผู้บริหารมือสองที่ให้ประสบการณ์แบบพรีเมียมในงบประมาณที่เอื้อมถึง bmw series 7 มือสอง F01 คือหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย ด้วยราคาในตลาดมือสองเริ่มจับต้องได้ง่าย โดยเฉพาะรุ่น 730Ld หรือ 730Li รุ่นก่อน LCI ที่มีค่าตัวไม่เกิน 1 ล้านบาท ทั้งยังได้อุปกรณ์และระบบความปลอดภัยมาเต็ม ได้ความรู้สึกในการขับขี่แบบ BMW แท้ ๆ ได้ตัวถังที่ใหญ่และภูมิฐาน ให้ภาพลักษณ์ที่ยังไม่ตกยุค นี่คือรถธงของ BMW ให้ประสบการณ์ระดับเฟิร์สคลาสได้อย่างเต็มเปี่ยม ถ้าคุณพร้อมดูแล รถคันนี้ก็พร้อมมอบความพิเศษให้คุณทุกครั้งที่ก้าวขึ้นไปขับ
ค้นหา bmw series 7 มือสอง (ปี 2008 - 2017) ที่ใช่สำหรับคุณได้ที่นี่
เรารวบรวมประกาศขายจาก Facebook Marketplace, Kaidee, One2Car และ TaladRod มาไว้ในที่เดียว
ตรวจสอบราคารถ bmw ได้ง่ายๆ เราเปรียบเทียบราคา ดูประเภทผู้ขาย แล้วเลือกคันที่ตรงใจคุณ
เช็ค bmw series 7 มือสองในไทยได้ที่นี่ → bmw series 7 มือสอง
- กรุงเทพมหานคร, 500 km
- ยี่ห้อ: BMW
- รุ่น: 7er
- ปี: 2008-2017
- แหล่งที่มา: Facebook, Kaidee, One2Car, TaladRod