Jaguar XJ (X351) มือสอง รถผู้บริหารสไตล์อังกฤษที่น่าจับตามอง

Jaguar XJ รถซีดานหรูระดับผู้บริหารจากอังกฤษ

เมื่อพูดถึงรถซีดานหรูระดับผู้บริหาร ภาพแรกในหัวของใครหลายคนคงหนีไม่พ้นแบรนด์เยอรมันเจ้าประจำอย่าง Audi A8, BMW 7 Series หรือ Mercedes-Benz S-Class ที่ครองตลาดมานานด้วยชื่อเสียงและเทคโนโลยีสุดล้ำ แต่ในกลุ่มคนรักรถที่มองหาความแตกต่างยังมีอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กันนั่นก็คือ Jaguar XJ เรือธงจากฝั่งอังกฤษที่มาพร้อมคาแรกเตอร์เฉพาะตัว ผสมผสานความหรูหราแบบผู้ดีอังกฤษ เข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ และดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ที่ใครเห็นก็จำได้ทันที

Jaguar XJ รุ่น X351 ถือเป็นเจเนอเรชันสุดท้ายของตระกูล XJ ก่อนที่ Jaguar จะเปลี่ยนทิศทางไปสู่รถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัว จึงไม่แปลกที่รุ่นนี้จะกลายเป็นที่จับตามองของนักสะสมและผู้ที่ชื่นชอบรถซีดานระดับเรือธงสไตล์อังกฤษ ในเมืองไทยมีผู้บริหารจำนวนไม่น้อยให้ความสนใจ jaguar xj (X351) มือสอง เพราะราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่ารถหรูแบรนด์เยอรมันรุ่นราวคราวเดียวกัน ทั้งยังให้อารมณ์ความหรูหราที่แตกต่าง รวมถึงให้ประสบการณ์ขับขี่ที่ดีเยี่ยมไม่แพ้คู่แข่งจากเมืองเบียร์ ทั้งในแง่ของความนุ่มนวล อัตราเร่ง การควบคุม นอกจากนี้ยังได้ภาพลักษณ์ที่แตกต่างจากรถยุโรปกระแสหลัก

หากคุณกำลังสนใจ Jaguar XJ (X351) ไม่ว่าจะเพราะรูปลักษณ์ที่คลาสสิก หรือกำลังมองหารถผู้บริหารที่ไม่เหมือนใคร บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักรถรุ่นนี้ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ทั้งจุดเด่น จุดด้อย และสิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจเป็นเจ้าของ

ประวัติและการวางตำแหน่งรุ่น Jaguar XJ

Jaguar X351เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2010

Jaguar XJ (X351) เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2010 ถือเป็นการปฏิวัติดีไซน์ครั้งใหญ่ของซีดานเรือธงจากแบรนด์อังกฤษรายนี้ หลังจากใช้เส้นสายแบบคลาสสิกต่อเนื่องมาหลายเจเนอเรชัน ในรุ่นนี้ Jaguar ตัดสินใจหันมาใช้ดีไซน์ที่ล้ำสมัยและโฉบเฉี่ยวมากขึ้น โดยเฉพาะเส้นหลังคาทรงคูเป้ที่กลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ XJ เจเนอเรชันนี้

แม้จะอยู่ในเซกเมนต์เดียวกับ Mercedes-Benz S-Class, BMW 7 Series และ Audi A8 แต่ Jaguar กลับเลือกวางตำแหน่ง XJ ให้แตกต่างออกไป โดยมองว่าคู่แข่งโดยตรงของพวกเขาคือ Porsche Panamera มากกว่า ด้วยความตั้งใจจะสร้างรถซีดานที่ให้ทั้งความหรูหราและอารมณ์สปอร์ตในคันเดียว นั่นคือเหตุผลว่าทำไม XJ จึงมีเส้นสายที่เฉียบคม ท่วงท่าที่พลิ้วไหว และบุคลิกที่ไม่เดินตามสูตรสำเร็จ

การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเกิดขึ้นในปี 2015 ซึ่งเป็นช่วงที่ XJ ได้รับปรับโฉม Facelift ทั้งในแง่ของดีไซน์ภายนอก-ภายใน และอุปกรณ์อำนวยความสะดวก เพื่อให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่มากขึ้น

การออกแบบและคุณสมบัติของตัวถัง Jaguar

ภายในจากัวร์ XJ เน้นงานประณีตแบบผู้ดี

Jaguar (X351) ใช้โครงสร้างตัวถังแบบโมโนค็อกที่ผลิตจากอะลูมิเนียมเกือบทั้งคัน โดยมีการใช้แมกนีเซียมบริเวณด้านหน้าเพื่อช่วยลดน้ำหนัก ส่งผลดีต่อทั้งสมรรถนะและอัตราสิ้นเปลืองแต่ก็แลกมาด้วยความยุ่งยากเมื่อต้องซ่อมแซมหากเกิดอุบัติเหตุหนัก โครงสร้างเบาแบบนี้ยังส่งผลให้ XJ มีความคล่องตัวมากกว่ารถซีดานหรูทั่วไป

จุดสังเกตอีกอย่างหนึ่งคือวัสดุตกแต่งอะลูมิเนียมรอบคัน เช่น กรอบหน้าต่าง ซึ่งมีโอกาสเสื่อมสภาพจากการโดนแดดหรือฝนบ่อย ๆ จึงต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนชื้นแบบเมืองไทย

แม้กระโปรงท้ายจะมีความจุถึง 520 ลิตรซึ่งถือว่าไม่น้อยเลย แต่ด้วยดีไซน์ตัวถังที่เน้นความโฉบเฉี่ยว ช่องเปิดท้ายรถกลับค่อนข้างแคบ และรูปทรงด้านในไม่เรียบ ทำให้การจัดเก็บสัมภาระขนาดใหญ่กลายเป็นเรื่องที่ต้องวางแผนล่วงหน้า

ภายในและความสะดวกสบาย

ภายในของ jaguar ยังคงเน้นบรรยากาศแบบผู้ดีอังกฤษด้วยวัสดุพรีเมียมและงานประกอบที่ประณีต รายละเอียดอย่างแผงไม้ วัสดุโครเมียม และหนังแท้คุณภาพสูงถูกใช้ในเกือบทุกจุดของห้องโดยสาร อย่างไรก็ตาม ความหรูหราเหล่านี้ก็มาพร้อมข้อจำกัดบางอย่าง

หากคุณตั้งใจใช้ XJ (X351) เป็นรถที่มีคนขับให้ ผู้โดยสารตอนหลังจะได้สัมผัสกับพื้นที่วางขาที่กว้างขวางสบายจนสามารถนั่งไขว่ห้างได้ แต่เพดานหลังคาด้านหลังอาจดูเตี้ยไปนิดโดยเฉพาะผู้โดยสารรูปร่างสูงเนื่องจากแนวหลังคาที่ลาดลงตามดีไซน์คูเป้

อุปกรณ์มาตรฐานในบางรุ่นย่อยอาจดูขาด ๆ เกิน ๆ เมื่อเทียบกับคู่แข่งจากเยอรมัน เช่น ระบบปรับอากาศแบบ 4 โซนหรือม่านไฟฟ้าข้างหลังซึ่งเป็นออปชันเสริม ไม่ได้ติดมาให้ทุกรุ่น

จุดเด่นอีกอย่างที่หลายคนจำได้แม่นคือแป้นเกียร์แบบหมุนที่จะยกตัวขึ้นมาอัตโนมัติเมื่อสตาร์ตรถ แม้จะดูล้ำสมัยและแตกต่างแต่ในบางกรณีกลไกก็อาจแสดงอาการขัดข้องได้ โดยเฉพาะในรถที่มีอายุการใช้งานมาก

ภายในจากัวร์ XJ มีหลังคากระจกพาโนรามาดูหรูหรา

หลังคาพาโนรามาและคุณสมบัติของจากัวร์ (X351)

หลังคากระจกพาโนรามาเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่เสริมภาพลักษณ์หรูหราให้ XJ (X351) อย่างไรก็ตาม รุ่นปีแรก ๆ มักประสบปัญหาเรื่องเสียงรบกวนจากโครงสร้างหลังคา โดยเฉพาะเมื่อขับขี่ความเร็วสูงที่ต้องเจอกระแสลมปะทะและเวลาเจอพื้นผิวถนนขรุขระ ซึง Jaguar เองก็รับทราบถึงปัญหานี้และได้ทำการปรับปรุงแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างสมบูรณ์ในรุ่นปี 2013 เป็นต้นไป

ความน่าเชื่อถือของระบบอิเล็กทรอนิกส์

อย่างที่แฟน จากัวร์หลายคนคุ้นเคย ระบบอิเล็กทรอนิกส์ในรถรุ่นเก่า ๆ มักมีอารมณ์แปรปรวน และ XJ (X351) ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น โดยเฉพาะในรุ่นปี 2010 – 2012 ที่ระบบไฟฟ้าภายในยังไม่เสถียรนัก เช่น ระบบควบคุมการชาร์จที่บางครั้งทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วเกินเหตุ

ถึงแม้ว่าปัญหาหลายอย่างจะได้รับการปรับแก้ในภายหลังและมีความเสถียรมากขึ้นในรุ่นปีท้าย ๆ แต่ถ้าจะซื้อ XJ (X351) มือสองก็แนะนำให้ตรวจเช็กระบบไฟฟ้าให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจซื้อ โดยเฉพาะระบบ Infotainment และการทำงานของฟังก์ชันอัตโนมัติต่าง ๆ

วัสดุภายใน jaguar car (X351)

jaguar car XJ ภายในไม่ค่อยทนทานเมื่อใช้ไปนานๆ

ถึงแม้ว่า Jaguar XJ (X351) จะใช้วัสดุคุณภาพสูงภายในห้องโดยสารแต่ก็ต้องยอมรับว่ามีบางส่วนที่ไม่ทนทานเท่าที่ควร เบาะหนังแท้อาจเริ่มมีรอยยับหรือมีริ้วรอยซีดจางเมื่อวิ่งเกิน 100,000 กม. ขึ้นอยู่กับการใช้งานและการดูแลรักษา ส่วนแผงไม้ตกแต่งก็มีแนวโน้มจะลอก ซีด หรือเกิดรอยด่าง หากจอดตากแดดบ่อย ๆ โดยไม่มีการบำรุงรักษาดีเท่าที่ควร

เครื่องยนต์ของ Jaguar XJ (X351) ในไทย

jaguar car (X351) เวอร์ชันมาตรฐานที่วางขายในไทยจะมีตัวเลือกเครื่องยนต์ 2 รูปแบบ ดังนี้

jaguar car XJ มีทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล

เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร

Jaguar XJ (X351) เวอร์ชันเบนซินขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียง ความจุ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 240 แรงม้า แรงบิด 340 นิวตันเมตร เครื่องยนต์รุ่นนี้ใช้เทอร์โบชาร์จเจอร์แรงเฉื่อยต่ำที่มีประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน พร้อมด้วยระบบการทำงานของหัวฉีดแบบ Direct Injection มีระบบวาล์วแปรผัน และระบบตัดการทำงานเครื่องยนต์อัจฉริยะ ทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ให้อัตราเร่งที่ดี แต่ก็ยังมีความประหยัดที่น่าพอใจ

เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร

Jaguar XJ (X351) เวอร์ชันดีเซลจะใช้ขุมพลัง V6 ความจุ 3.0 ลิตร ติดตั้งเทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุด 270 แรงม้า แรงบิด 600 นิวตันเมตร ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับคนที่ต้องการเครื่องยนต์ที่ทรงพลัง ให้แรงบิดสูง ทำอัตราเร่งว่องไว และเน้นขับขี่ทางไกลมากกว่าในเมือง

ระบบส่งกำลัง

ในช่วงแรกที่เปิดตัว Jaguar XJ (X351) มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดของ ZF ซึ่งถือว่าเป็นเกียร์ที่มีมาตรฐานในเรื่องความนุ่มนวลและการส่งกำลังที่ฉับไว เกียร์ 6 สปีดรุ่นนี้ยังได้รับการยอมรับว่าอึดและทนทานต่อสภาพถนนและอากาศของเมืองไทยได้ดี แต่ถ้าใช้งานอย่างเดียวโดยไม่ดูแลรักษาอย่างเหมาะสม ก็อาจเจอปัญหาได้ เช่น

  • ซีลบล็อกโซลินอยด์เริ่มรั่ว ทำให้น้ำมันเกียร์ไหลซึมออกมา อาจเริ่มเกิดขึ้นเมื่อรถมีอายุประมาณ 5–7 ปี
  • ซีลระบบไฮดรอลิกเสื่อมสภาพ ทำให้เกียร์เปลี่ยนจังหวะไม่เรียบ
  • ถาดน้ำมันเกียร์บิดงอหรือเสียรูป ถาดน้ำมันเกียร์ของรถรุ่นนี้ทำจากพลาสติก เมื่อวิ่งถึงหลักแสนกิโลเมตร อาจเริ่มมีการบิดงอหรือเสียรูป ซึ่งอาจทำให้เกิดการรั่วซึม และทำให้ต้องเปลี่ยนถาดพร้อมซีลใหม่ทั้งชุด

ทั้งนี้ XJ (X351) รุ่นหลังปี 2012 ได้เปลี่ยนไปใช้เกียร์อัตโนมัติแบบ 8 สปีดซึ่งได้รับการปรับปรุงให้มีความทนทานมากขึ้น ทำงานนุ่มนวลมากขึ้น และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้น แม้เกียร์ 8 สปีดจะยังคงมีปัญหาเล็กน้อยในเรื่องของถาดน้ำมันและซีล แต่โดยรวมแล้วถือว่าไว้ใจได้มากกว่าเกียร์ 6 สปีด ถ้าดูแลเปลี่ยนดี ๆ ถ่ายน้ำมันเกียร์ตามระยะทุก ๆ 60,000 กม. เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดสามารถใช้งานได้เกิน 250,000 กม. โดยไม่ต้องยกเกียร์หรือซ่อมใหญ่

Jaguar XJ ใช้เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดของ ZF

ปัญหาระบบระบายความร้อนเกียร์

นอกจากตัวเกียร์เองแล้ว ยังมีอีกหนึ่งปัญหาที่ผู้ใช้ XJ หลายคนเจอเหมือนกันคือท่อและหม้อน้ำของระบบระบายความร้อนเกียร์อัตโนมัติ ในเวอร์ชันเครื่องดีเซล การจัดวางตำแหน่งของหม้อน้ำเกียร์ไม่ค่อยดีนัก ทำให้เกิดการสะสมของเศษดิน ฝุ่น และคราบน้ำมันบริเวณตัวหม้อน้ำได้ง่าย ส่งผลให้ระบบระบายความร้อนทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ และอาจทำให้เกียร์ร้อนเกินไปในบางสถานการณ์ หากปล่อยไว้นานโดยไม่ล้างหรือเช็กสภาพ ท่อบางจุดอาจเสื่อมสภาพและรั่ว เกิดความเสียหายกับเกียร์ได้โดยตรง

สำหรับเจ้าของ Jaguar XJ หรือผู้ที่สนใจจะซื้อมาใช้งาน ควรให้ช่างเช็กระบบระบายความร้อนของเกียร์ควบคู่กับการเช็กสภาพทั่วไป โดยเฉพาะในรถที่ใช้งานมานานหรือมีเลขไมล์สูง จะช่วยลดความเสี่ยงในการต้องยกเกียร์ซ่อมใหญ่แบบไม่จำเป็น

ระบบกันสะเทือน

Jaguar XJ (X351) มากับระบบกันสะเทือนที่ให้ฟีลลิ่งแบบผู้ดีอังกฤษคือขับแล้วนุ่ม แน่น และเกาะถนนดี โดยเฉพาะบนทางเรียบที่คุณภาพถนนดี ตัวรถจะนิ่งราวกับลอยอยู่บนพรม แต่เบื้องหลังความสบายตรงนี้ก็คือชุดช่วงล่างที่ค่อนข้างซับซ้อน และมีค่าใช้จ่ายไม่น้อยหากต้องเปลี่ยนยกชุด

ในสภาพการใช้งานทั่วไป ช่วงล่างของ XJ (X351) สามารถใช้งานได้ยาว ๆ 120,000 กม. แต่ถ้าใช้งานหนัก เช่น ขับถนนขรุขระบ่อย ๆ หรือขับแบบดุดันในทุกสภาพถนน ก็อาจลดอายุการใช้งานลงเหลือประมาณครึ่งหนึ่ง บูชแขนควบคุมด้านหน้ามักจะเป็นชิ้นส่วนแรก ๆ ที่เสื่อมก่อนเพื่อน ถ้าสังเกตว่าเริ่มมีเสียงกึก ๆ หรือเสียงแปลก ๆ ตอนขับผ่านลูกระนาดหรือพื้นไม่เรียบ นั่นคือสัญญาณว่าบูชเริ่มมีอาการแล้ว

อีกจุดที่ต้องระวังคือชุดลูกปืนล้อหน้าที่มักจะเริ่มมีเสียงหอนหรือสะท้านตอนวิ่งที่ความเร็วสูงหลังจากใช้งานไปประมาณ 70,000 กม. ก่อนเริ่มส่งสัญญาณว่าควรเปลี่ยน อย่างไรก็ตาม ปัญหาคือ Jaguar ไม่ขายแค่ลูกปืนแยก แต่ต้องเปลี่ยนชุดฮับล้อทั้งชุดซึ่งทำให้ค่าซ่อมพุ่งสูงพอสมควร

สำหรับระบบสปริง XJ (X351) ไม่ได้ใช้สปริงเหล็กแบบทั่วไปแต่เป็นสปริงถุงลมซึ่งเป็นจุดขายของรถระดับนี้เพราะให้ความนุ่มนวลและสมดุลระหว่างความสบายกับการควบคุมที่ดีเยี่ยม ระบบนี้โดยปกติจะใช้งานได้ประมาณ 150,000 กม. แต่เมื่อไหร่ที่ถุงลมเริ่มเสื่อมสภาพหรือมีการรั่วซึมของลมจากระบบจะเริ่มเห็นอาการรถเอียงด้านใดด้านหนึ่ง หรือมีเสียงคอมเพรสเซอร์ทำงานบ่อยผิดปกติ

ถุงลมที่รั่วไม่เพียงแต่ต้องเปลี่ยนอะไหล่ราคาแพงแต่ยังส่งผลกระทบไปถึงคอมเพรสเซอร์ปั๊มลมซึ่งจะทำงานหนักขึ้นและมีโอกาสเสียเร็วขึ้นด้วย อีกทั้งระบบช่วงล่างถุงลมนี้ยังมีการควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์มากมายที่อาจเกิดอาการรวนหรือขึ้นไฟเตือนแบบไม่มีสาเหตุ โดยเฉพาะในรถที่มีอายุหลายปีหรือไม่เคยตรวจเช็กช่วงล่างมาก่อนเลย

รถเก๋งมือ2 Jaguar XJ แนะนำต้องเช็คระบบเล็กทรอนิกส์ในเชิงลึกก่อนซื้อ

คำแนะนำสำหรับคนที่กำลังมองหารถเก๋งมือ2 Jaguar XJ (X351)

ถ้าคุณกำลังเล็งรถเก๋งมือ2 Jaguar XJ (X351) สิ่งแรกที่ควรโฟกัสไม่ใช่เลขไมล์หรือปีที่ผลิต แต่อยู่ที่สภาพโดยรวมของรถคันนั้น ควรให้ความสำคัญกับสภาพของระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นจุดที่ XJ (X351) มีความซับซ้อนกว่ารถยุโรปทั่วไป การตรวจสอบเชิงลึกในหัวข้อเหล่านี้จึงเป็นสิ่งจำเป็น

ควรให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบโมดูลควบคุมทั้งหมด เช็กซอฟต์แวร์ว่าอัปเดตล่าสุดหรือยัง และสำรวจประวัติการเข้าศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมว่ามีความต่อเนื่องแค่ไหน หากเป็นไปได้ รถที่มาจากเจ้าของคนเดียวและมีประวัติบำรุงรักษาชัดเจนจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุด เพราะอย่างน้อยคุณก็รู้ว่ารถผ่านอะไรมาบ้าง และใครเป็นคนดูแลมันก่อนหน้านี้

อย่าติดกับดักราคารถมือสองที่ถูกเกินไปเพราะ XJ (X351) เป็นรถที่ดูแลยากพอสมควร มันอาจไม่ใช่รถที่เหมาะกับคนที่อยากได้รถยุโรปหรู ๆ มาใช้ทุกวันโดยไม่ต้องคิดมาก แต่เป็นรถซีดานหรูที่เจ้าของต้องทำความเข้าใจและมีความพร้อมทั้งเวลาและงบประมาณในการดูแลระยะยาว

คำแนะนำในการบำรุงรักษา

ถ้าอยากให้ Jaguar XJ (X351) ยังคงขับดี อุปกรณ์ต่าง ๆ ทำงานครบ และดูภูมิฐานอย่างที่ควรจะเป็น ไม่ใช่ควรปล่อยให้ช่างทั่วไปซ่อมหรือดูแล ควรเข้าศูนย์หรืออู่เฉพาะทางที่เชี่ยวชาญหรือมีประสบการณ์ซ่อมรถ Jaguar โดยตรง เพราะรถรุ่นนี้ค่อนข้างมีความซับซ้อนในเรื่องการบำรุงรักษา อาจต้องใช้อะไหล่เฉพาะหรือเครื่องมือเฉพาะในการถอดและประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ

ระบบไฟฟ้าที่ค่อนข้างซับซ้อนทำให้การอัปเดตซอฟต์แวร์ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะ เช่นเดียวกับการตั้งค่าระบบช่วงล่างที่ต้องใช้ความเข้าใจระดับลึก การส่งรถเข้ามือช่างที่ไม่มีประสบการณ์กับ Jaguar อาจทำให้ปัญหาเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ง่าย ๆ

และอย่าลืมว่า XJ (X351) ไม่ได้เกิดมาเป็นรถที่ใช้ขับไปทำงานทุกวันแล้วก็จอดไว้ที่คอนโด แต่มันคือรถที่ควรได้รับการดูแลอย่างเป็นระบบในแบบที่คุณจะดูแลนาฬิกาหรูหรือเฟอร์นิเจอร์วินเทจชิ้นหายาก รถคันนี้เหมาะกับคนที่ “อิน” กับดีไซน์ ความรู้สึกในการขับ และเสน่ห์ของรถอังกฤษมากกว่าความคุ้มค่าเชิงตัวเลข

Jaguar XJ (X351) มีบุคลิกเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนรถยุโรปแบรนด์อื่น ถ้าคุณเข้าใจมัน มันจะให้ประสบการณ์การขับที่แตกต่างและมีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร

บทสรุป Jaguar XJ (X351) น่าใช้หรือไม่?

Jaguar XJ (X351) เป็นรถซีดานหรูที่สะท้อนแนวคิด “ความแตกต่างอย่างมีระดับ” ได้ชัดเจน มันเหมาะสำหรับคนที่มองหารถผู้บริหารที่ไม่เหมือนใคร ไม่ต้องการเดินตามรอยรถซีดานหรูเยอรมันที่ครองถนน แต่เลือกที่จะโดดเด่นในแบบของตัวเอง

XJ (X351) ไม่ใช่รถที่ทุกคนจะเข้าใจได้ในครั้งแรก มันมีเสน่ห์ที่ต้องใช้เวลาในการสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ภายนอกแบบคูเป้หรูที่ฉีกกรอบซีดานทั่วไป หรือภายในที่เต็มไปด้วยรายละเอียดแบบอังกฤษ ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงรากฐานของแบรนด์ Jaguar ที่ไม่เคยยอมลดทอนตัวตนเพื่อความนิยมของตลาด

แน่นอนว่า XJ (X351) มีนิสัยเฉพาะตัวทั้งในด้านการบำรุงรักษา การใช้งาน และระบบต่าง ๆ ที่อาจไม่เป็นมิตรเท่ารถเยอรมันรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่ถ้าคุณมองหาความมีสไตล์แบบที่ไม่จำเป็นต้องตะโกน มองหาความคลาสสิกที่ยังร่วมสมัย มองหาความหรูหราที่ไม่ตามใคร เข้าใจและยอมรับบุคลิกของรถรุ่นนี้ได้ และพร้อมจะดูแลมันอย่างถูกวิธี XJ (X351) ก็พร้อมจะตอบแทนด้วยความพึงพอใจและประสบการณ์ขับขี่ที่มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร


ค้นหา Jaguar XJ มือสอง ที่ใช่สำหรับคุณ

เรารวบรวมประกาศขาย : รถเก๋งมือ2 จาก Facebook Marketplace, Kaidee, One2Car และ TaladRod มาไว้ในที่เดียว

เลือกดู Jaguar XJ เช็คประเภทผู้ขาย แล้วเลือกคันที่ตรงใจคุณได้ง่ายๆ

พบกับดี Jaguar XJ มือสองมากมายที่นี่ →จากัวร์ XJ มือสอง

  • กรุงเทพมหานคร, 500 km
  • ยี่ห้อ: Jaguar
  • รุ่น: XJ
  • แหล่งที่มา: Facebook, Kaidee, One2Car, TaladRod



Jaguar XJ (X351) มือสอง รถผู้บริหารสไตล์อังกฤษที่น่าจับตามอง