Hyundai H1– รถตู้สำที่น่าเชื่อถือ ภายในกว้าง แข็งแรงทนทาน เหมาะสำหรับครอบครัว

รถตู้ฮุนได H-1 รองรับผู้โดยสารได้สูงสุดถึง 11 ที่

ชีวิตประจำวันของหลาย ๆ คนในปัจจุบันทำให้รถเก๋ง รถ SUV หรือรถสเตชันวากอน เริ่มไม่เพียงต่อการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางพร้อมครอบครัวใหญ่ ขนของจิปาถะ หรือออกทริปแบบกลุ่มใหญ่ที่ต้องการความสะดวกสบายและพื้นที่ใช้สอยมากกว่าปกติ รถตู้จึงกลายเป็นคำตอบที่หลายคนเริ่มมองหา และในบรรดารถตู้ที่ได้รับความนิยมในตลาดรถมือสองของไทย hyundai h1 เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม

Hyundai H-1 โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่ลงตัว มาพร้อมห้องโดยสารที่กว้างขวาง รถตู้ฮุนไดรองรับผู้โดยสารได้สูงสุดถึง 11 ที่นั่ง (ในบางรุ่นย่อย) พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันในสไตล์รถครอบครัว มาพร้อมการขับเคลื่อนล้อหลังที่ให้ความสมดุลและมั่นคง ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ทำให้ H-1 ยืนหนึ่งในใจผู้ใช้จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของกิจการ ครอบครัวใหญ่ หรือผู้ให้บริการรถรับ-ส่ง

ในตลาดรถมือสองของไทย Hyundai H-1 ครองความนิยมได้อย่างต่อเนื่องด้วยคุณสมบัติที่ตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลายบทบาท ราคามือสองที่จับต้องได้ มีตัวเลือกมากมายให้เลือกตามงบประมาณและการใช้งาน ทั้งยังดูแลง่าย มีอะไหล่ทั้งใหม่และเก่าให้เลือกใช้หลากหลายตามกำลังทรัพย์ ถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์เรื่องความคุ้มค่าเป็นอย่างดี

บทความนี้จะมาเจาะลึก Hyundai H-1 สำรวจจุดเด่น ข้อดี-ข้อเสีย ปัญหาที่พบ รวมถึงคำแนะนำในการเลือกซื้อและการบำรุงรักษา หากคุณกำลังมองหารถตู้มือสองที่ใช้งานได้จริง คุ้มค่ากับเงินที่จ่าย และมีความน่าเชื่อถือในตลาด H-1 คือตัวเลือกที่ต้องให้ความสนใจ

ประวัติรุ่นและภาพรวมของ Hyundai H1

ฮุนได h1 อยู่ในสายผลิตตั้งแต่ปี 2007- 2023

Hyundai H-1 ที่เห็นในตลาดมือสองปัจจุบันคือเจเนอเรชันที่ 2 ของตระกูล รถตู้ H-1 มีอีกชื่อเรียกคือ Starex เป็นรถที่มีอายุการตลาดยาวนานอย่างน่าทึ่ง เปิดตัวครั้งแรกในปี 2007 และอยู่ในสายการผลิตต่อเนื่องยาวนานถึงปี 2023 รวมแล้วเกือบ 16 ปี ถือว่าไม่ธรรมดาสำหรับรถยนต์โมเดลหนึ่งที่มักจะปรับโฉมหรือเปลี่ยนเจเนอเรชันในทุกไม่กี่ปี จุดนี้เองที่สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของ H-1 ได้เป็นอย่างดี เพราะแม้จะไม่มีการปรับเปลี่ยนใหญ่มากนัก แต่ก็ยังสามารถรักษาความนิยมและยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง

ในช่วงเวลาที่ทำตลาด ฮุนได h1 มีการปรับโฉม 2 ครั้ง ได้แก่ ปี 2013 และปี 2017 ซึ่งเน้นไปที่การปรับดีไซน์ภายนอกให้ดูทันสมัยขึ้น เพิ่มความพรีเมียมในห้องโดยสาร รวมถึงอัปเกรดอุปกรณ์อำนวยความสะดวกบางอย่างให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานมากขึ้น แต่โดยรวมแล้ว โครงสร้างพื้นฐานและระบบขับเคลื่อนยังคงยึดตามแนวคิดเดิมที่ให้ความแข็งแรง ทนทาน และขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง เพื่อรองรับการใช้งานที่หนักหน่วงหรือรองรับผู้โดยสารจำนวนมากได้อย่างมั่นใจ

ตลอดระยะเวลากว่า 16 ปี H-1 ได้สร้างชื่อเสียงในฐานะรถตู้สารพัดประโยชน์ที่เชื่อถือได้ ทั้งในมุมของรถครอบครัวใหญ่ รถรับ-ส่งผู้โดยสาร หรือแม้แต่การดัดแปลงเพื่อใช้งานเชิงพาณิชย์ ความยืดหยุ่นในการใช้งาน บวกกับราคาที่จับต้องได้ ทำให้ H-1 กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมในตลาดรถใหม่และตลาดรถมือสองของไทยมาจนถึงทุกวันนี้

เครื่องยนต์ของ ฮุนได h1 ในไทย

ฮุนได h1 ในไทยใช้เครื่องยนต์ดีเซล2.5 ลิตร

Hyundai H-1 ที่จำหน่ายในประเทศไทยใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร รหัส D4CB ซึ่งมีการพัฒนาและปรับปรุงอยู่หลายครั้งตลอดอายุการทำตลาดเพื่อให้ผ่านมาตรฐานไอเสียที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงเพิ่มความทนทานและสมรรถนะในการใช้งาน

โดยพื้นฐานแล้วเครื่องยนต์ D4CB เป็นเครื่องดีเซล 4 สูบเรียง ความจุ 2.5 ลิตร เทอร์โบ ในช่วงปีแรก ๆ ของการผลิตเครื่องยนต์รุ่นนี้ใช้ระบบฉีดเชื้อเพลิง Common Rail จาก Bosch ที่สามารถสร้างแรงดันสูงสุดได้ถึง 1,600 บาร์ และมาพร้อมเทอร์โบแบบแปรผันของ Borg Warner ซึ่งช่วยรีดพลังได้ถึง 170 แรงม้า และแรงบิด 392 นิวตันเมตร

อย่างไรก็ตาม เครื่องยนต์ D4CB แรก ๆ เจอปัญหาเรื่องสลักเกลียวก้านสูบที่อาจทำให้เครื่องยนต์ได้รับความเสียหายถึงขั้นข้อเหวี่ยงหักได้ Hyundai รับทราบปัญหาและดำเนินการเปลี่ยนเครื่องให้ลูกค้าโดยไม่มีค่าใช้จ่ายในแคมเปญ Recall ปี 2009 นอกจากนี้ในรุ่นผลิตก่อนปี 2008 ยังพบปัญหาเกี่ยวกับหัวฉีดที่อาจหลวมจากการขันสลักไม่แน่นจากโรงงาน ซึ่งก็อยู่ในเงื่อนไขการรับประกันและได้รับการแก้ไขไปเป็นส่วนใหญ่แล้ว

ในปี 2011 Hyundai มีการปรับปรุงเครื่องยนต์ D4CB โดยเปลี่ยนระบบฉีดเชื้อเพลิง Common Rail จาก Bosch ไปเป็นของ Delphi ที่สร้างแรงดันได้มากกว่าที่ 1800 บาร์ พร้อมกับเปลี่ยนเทอร์โบแปรผันจาก BorgWarner ไปเป็น MHI TD03L4 และลดอัตราส่วนกำลังอัดลงเป็น 16:4 เนื่องจากลูกสูบมีการออกแบบที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงท่อร่วมไอดีใหม่ ระบบ EGR ปั๊มน้ำมัน และอื่น ๆ อีกหลายอย่าง

ผลจากการปรับปรุงเครื่องยนต์ครั้งนี้ช่วยเพิ่มแรงบิดสูงสุดจากเดิม 392 นิวตันเมตร เป็น 441 นิวตันเมตร ส่วนแรงม้าสูงสุดยังอยู่ที่ 170 แรงม้าเท่าเดิม อย่างไรก็ตาม การปรับปรุงเครื่องยนต์ครั้งนี้พบข้อบกพร่องหลายกรณี ปัญหาที่เจอคือปั๊มเชื้อเพลิงแรงดันสูงที่ไม่ทนทานเท่าที่ควร

ความน่าเชื่อถือและอายุการใช้งานของเครื่องยนต์รถตู้ฮุนได

เครื่องยนต์ดีเซล D4CB ขนาด 2.5 ลิตร เทอร์โบ ที่วางอยู่ใน Hyundai H-1 ถือว่าเป็นขุมพลังที่ “อึด ถึก ทน” รุ่นหนึ่งในตลาดรถตู้เมืองไทย โดยหากใช้งานอย่างเหมาะสมและดูแลตามรอบระยะ เครื่องยนต์ตัวนี้สามารถใช้งานได้สบาย ๆ กว่า 100,000 กม. โดยไม่ต้องซ่อมใหญ่ และในหลายกรณีก็ไปแตะระดับ 300,000 กม. ได้โดยไม่มีเสียงเครื่องแปลก ๆ ให้ต้องกังวล

อย่างไรก็ตาม คุณควรมีการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ดีเซล D4CB อย่างสม่ำเสมอเพื่อประสิทธิภาพที่ดีและอายุการใช้งานที่ยาวนาน แนะนำว่าควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก 10,000 กม. เป็นไปได้ควรใช้น้ำเครื่องเกรดสังเคราะห์แท้จะดีที่สุด ส่วนน้ำมันเชื้อเพลิงควรใช้น้ำมันดีเซล B7 คุณภาพดี หมั่นตรวจระบบระบายความร้อน อย่าให้เครื่องร้อนจัดเกินไป เหล่านี้เป็นปัจจัยง่าย ๆ ที่ช่วยให้เครื่องยนต์อยู่กับเราได้นานอย่างที่ควรจะเป็น

การออกแบบ

หนึ่งในจุดที่มักถูกพูดถึงเกี่ยวกับเครื่องยนต์ D4CB คือระบบขับวาล์วที่ใช้โซ่ถึง 3 เส้น แม้จะดูซับซ้อนกว่าสายพานไทม์มิ่งแบบทั่วไป แต่ก็ให้ความทนทานมากกว่า โซ่ไทม์มิ่งชุดนี้โดยทั่วไปสามารถใช้งานได้ยาวถึง 250,000 – 300,000 กม. ก่อนต้องเปลี่ยน

อย่างไรก็ตาม โซ่ตัวเล็ล่างซึ่งทำหน้าที่ขับปั๊มน้ำมันเครื่องและแกนบาลานซ์ด้านขวามักเป็นตัวที่สึกก่อนใคร หากปล่อยให้หลวมมากเกินไปอาจส่งผลให้โซ่กระโดดหรือเสียหายได้ นอกจากนี้ยังมีปัญหาเกี่ยวกับบูชของแกนบาลานซ์ฝั่งขวา ถ้าเกิดการสึกหรอจนมีการโยกคลอนจะสร้างแรงบิดผิดธรรมชาติจนทำให้โซ่ขาดหรือทำลายตัวเรือนเครื่องยนต์ได้

ระบบหล่อลื่นและข้อควรระวัง

อีกจุดสำคัญคือระบบหล่อลื่น H-1 ที่ผ่านการใช้งานมานานบางครั้งจะพบปัญหากรองน้ำมันหรือตะแกรงอ่างน้ำมันอุดตัน ทำให้แรงดันน้ำมันต่ำ ซึ่งอาจทำให้แบริ่งข้อเหวี่ยงเทอร์โบชาร์จเจอร์หรือแคมชาฟต์เสียหาย ปัญหานี้มักเกิดจากการละเลยการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องหรือใช้น้ำมันเกรดต่ำเป็นเวลานาน

ปัญหาแหวนรองหัวฉีด

ในเครื่องยนต์ D4CB ปีเก่า ๆ ยังมีปัญหาที่เจ้าของรถหลายคนไม่รู้นั่นคือแหวนรองทองแดงใต้หัวฉีด หากมันเริ่มรั่ว (ซึ่งเกิดขึ้นได้ตามอายุการใช้งาน) แก๊สร้อนจากห้องเผาไหม้จะเล็ดลอดขึ้นสู่ฝาสูบ ทำให้เกิดคราบเขม่าเหนียวข้นคล้ายยางมะตอยไปอุดรูทางน้ำมันและกระจายเขม่าผ่านระบบหล่อลื่นไปทั่วเครื่องยนต์ ส่งผลให้เกิดการอุดตันในทางเดินน้ำมันอย่างรุนแรง เครื่องจะเดินไม่เรียบ กินน้ำมัน และมีโอกาสทำให้ซีลต่าง ๆ รั่วซึม

ในเครื่องยนต์ D4CB รุ่นปีใหม่ ๆ ปัญหานี้ลดลงแล้วเพราะมีการออกแบบฝาสูบและทางเดินหัวฉีดใหม่ แต่เพื่อความชัวร์ เจ้าของรถที่ใช้งานหนักควรเปลี่ยนแหวนทองแดงทุก 50,000 – 60,000 กม. เป็นมาตรการป้องกันที่ต้นทุนไม่สูง แต่ช่วยยืดอายุเครื่องยนต์ได้มหาศาล

อุปกรณ์หลักอื่น ๆ และระยะเปลี่ยนที่ควรรู้

  • หัวเทียนเผา: มีโอกาสติดแน่นกับฝาสูบหากปล่อยไว้นานเกินไป ควรเปลี่ยนที่ระยะ 80,000 – 100,000 กม.
  • วาล์ว EGR / ปั๊มดีเซล / อินเตอร์คูลเลอร์: โดยทั่วไปไม่ก่อปัญหาอะไรจนกว่าจะเกิน 200,000 กม.
  • เทอร์โบชาร์จเจอร์: ถ้าเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตรงเวลาและไม่เร่งเครื่องตอนเครื่องเย็นบ่อย ๆ อายุของเทอร์โบสามารถใช้งานสบาย ๆ เกิน 200,000 กม.

ระบบส่งกำลังของ รถตู้ Hyundai H-1

hyundai h1 มีระบบขับเคลื่อนล้อหลังเพิ่มความมั่นคง

รถตู้ hyundai H-1 ที่จำหน่ายในไทยส่วนใหญ่จะมาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ซึ่งเป็นเกียร์ลูกเดียวกับรหัส A5SR-2 ที่พัฒนาโดย Jatco จากญี่ปุ่น เกียร์ลูกนี้ขึ้นชื่อเรื่องความน่าเชื่อถือและอายุการใช้งาน สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 300,000 กม. โดยไม่มีปัญหาร้ายแรงหากมีการดูแลรักษาตามรอบระยะที่เหมาะสม หัวใจสำคัญคือการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุก ๆ 50,000 – 60,000 กม. นอกจากนี้คุณสามารถล้างระบบระบายความร้อนของเกียร์เพื่อป้องกันความร้อนสะสม และติดตั้งกรองน้ำมันเกียร์เพื่อยืดอายุการใช้งานของวาล์วและชุดคลัตช์ภายในได้

อาการเตือนและปัญหาที่พบบ่อย

หนึ่งในอาการเตือนที่เจ้าของรถควรระวังคือซีลหน้าปั๊มน้ำมันเกียร์รั่วซึมซึ่งมักจะเกิดตอนระยะทางมากกว่า 200,000 กม. ถ้าเริ่มเห็นคราบน้ำมันเกียร์รั่วซึมใต้ท้องรถ โดยเฉพาะตรงจุดต่อระหว่างเครื่องยนต์กับเกียร์ อาจเป็นสัญญาณว่า Torque Converter และชุดซีลเริ่มสึกแล้ว

หากการรั่วนี้มาพร้อมกับอาการสั่นหรือกระตุกขณะออกตัวหรือเปลี่ยนเกียร์ แสดงว่าอาจเกิดความเสียหายที่ตัวปั๊มน้ำมันในชุดเกียร์ ซึ่งเป็นกรณีที่ต้องยกเกียร์ลงมาโอเวอร์ฮอลล์ทันที

เพลาขับ

เมื่อพูดถึงระบบส่งกำลังของ Hyundai H-1 หนึ่งองค์ประกอบที่มักถูกมองข้ามแต่มีผลต่อการขับขี่โดยตรงก็คือเพลาขับ โดยเฉพาะข้อต่อ Universal joint และแบริ่งกลางที่คอยพยุงเพลาระหว่างทางจากเกียร์ไปยังล้อหลัง ซึ่งทำหน้าที่รับแรงบิดทั้งหมดจากเครื่องยนต์

จากประสบการณ์ขอฃผู้ใช้งานหลายคนพบว่าเพลาขับของ H-1 มักจะเริ่มแสดงอาการมีเสียงดังหรือสั่นสะเทือนเมื่อใช้รถไปถึงระยะทาง 150,000 – 200,000 กม. ขึ้นอยู่กับสภาพถนนและพฤติกรรมการขับขี่ หลังการเปลี่ยนเพลาขับ สิ่งสำคัญคือต้อง ทำการบาลานซ์ เพลาให้เรียบร้อย เพราะถ้าเพลาไม่สมดุล อาจทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนย้อนกลับเข้าสู่ระบบเกียร์ จนทำลายซีลท้ายเกียร์และเฟืองท้ายได้

ระบบกันสะเทือน

ระบบช่วงล่างของ Hyundai H-1 มีเสียงตอบรับจากผู้ใช้งานหลากหลายเสียง บางคนชมว่าช่วงล่างนุ่มสบายไม่เหมือนรถตู้ทั่วไป แต่บางคนตำหนิว่าช่วงล่างยวบยาบหรือทรงตัวไม่ดีเมื่อบรรทุกหนัก ความเห็นเหล่านี้ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานจริงที่แตกต่างกันไปในรถแต่ละคัน

ความจริงแล้วช่วงล่างของ H-1 ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับผู้โดยสารมากกว่าการใช้บรรทุกของ ทำให้มันเหมาะกับการขับขี่บนถนนเรียบหรือทางลาดยาง ไม่ได้ออกแบบมาให้รองรับน้ำหนักมาก ๆ หรือวิ่งทางลูกรังแบบรถกระบะ หากใช้งานตามโจทย์ที่ผู้ผลิตตั้งใจไว้ ระบบช่วงล่างของ H-1 ก็สามารถอยู่ได้นานพอสมควร

บูชปีกนก, ลูกหมากปีกนก, ลิงก์กันโคลง และลูกปืนล้อ มักใช้งานได้ถึง 100,000 – 130,000 กม. โช้คอัพหน้าและสปริงจะเริ่มอ่อนตัวหรือรั่วในช่วงประมาณ 150,000 กม. โช้คและสปริงหลังมักทนทานกว่าซึ่งอาจอยู่ได้เกิน 170,000 กม. ส่วนแร็คพวงมาลัยพบรายงานการรั่วซึมบ้างหลังระยะทาง 150,000 กม. แต่สามารถซ่อมแซมได้ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนทั้งลูก

อย่างไรก็ตาม ลูกปืนล้อหน้าของ H-1 ไม่สามารถเปลี่ยนเฉพาะตัวลูกปืนได้ ถ้าแตกหรือชำรุดต้องเปลี่ยนทั้งดุมล้อ ซึ่งมาพร้อมต้นทุนที่สูงกว่า และต้องใช้ช่างที่มีประสบการณ์เพราะขั้นตอนค่อนข้างละเอียด

ระบบเบรก

เบรกของ Hyundai H-1 ที่ติดตั้งมาจากโรงงานถูกวิจารณ์ไม่น้อยในหมู่ผู้ใช้งานจริงโดยเฉพาะในเรื่องของความทนทานและ ประสิทธิภาพการหยุดรถเมื่อใช้งานในระยะยาวหรือบรรทุกคนจำนวนมาก ผ้าเบรกและจานเบรกที่ติดมากับรถจากโรงงานแม้จะใช้งานได้ดีในช่วงแรกแต่ผู้ใช้หลายคนพบว่าเมื่อผ่านระยะทางประมาณ 20,000–30,000 กม. ประสิทธิภาพจะเริ่มลดลงชัดเจน โดยเฉพาะหากใช้รถในเมืองบ่อย หรือวิ่งขึ้น-ลงเขา หรือบรรทุกผู้โดยสารเต็มทุกที่นั่ง

ผู้ใช้ Hyundai H-1 จำนวนไม่น้อยจึงเลือกเปลี่ยนไปใช้ผ้าเบรกและจานเบรกจากผู้ผลิต OEM เช่น Advics, Bendix, TRW, หรือ Bosch ซึ่งแม้ไม่ใช่ของศูนย์โดยตรง แต่ก็เป็นผู้ผลิตที่ผลิตให้กับยี่ห้อรถชั้นนำหลายยี่ห้อและมีคุณภาพเทียบเท่าหรือเหนือกว่าของแท้

การเปลี่ยนไปใช้เบรกจาก OEM มีข้อดีหลายอย่าง เช่น อายุการใช้งานยาวนานขึ้น ความมั่นใจในการเบรกดีขึ้น ลดอาการเฟดหรือเบรกไม่อยู่เมื่อเบรกติดกันหลายครั้ง และยังมีราคาคุ้มค่าเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพและความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่เจ้าของรถควรระวังคือ อย่าเลือกชิ้นส่วนเบรกราคาถูกจากแหล่งที่ไม่มีมาตรฐาน เพราะแม้จะประหยัดในระยะสั้น แต่อาจส่งผลเสียต่อทั้งจานเบรกและความปลอดภัยโดยรวมของรถ

คำแนะนำเพิ่มเติม

  • ควรตรวจเช็กระบบเบรกทุก ๆ 20,000 กม. หรือเร็วกว่านั้นหากใช้งานหนัก
  • หากได้ยินเสียงหวีดหรือรู้สึกว่ารถเบรกได้ช้ากว่าปกติ ควรเข้าศูนย์และเช็กอาการทันที
  • ควรเปลี่ยนผ้าเบรกและจานเบรกพร้อมกันเพื่อสมรรถนะที่ดีที่สุด และหลีกเลี่ยงการสึกแบบไม่สม่ำเสมอ
รถตู้ hyundai H-1 ส่วนใหญ่ในไทยเป็นอัตโนมัติ 5 สปีด

ตัวถังและความต้านทานต่อการกัดกร่อน

จุดหนึ่งที่หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันเกี่ยวกับ Hyundai H-1 คือสนิมมาไวเกินไป แม้จะเป็นรถครอบครัวหรือรถรับ-ส่งที่หลายคนชื่นชอบ แต่เรื่องความทนทานของตัวถังต่อสนิมกลับเป็นข้อเสียสำคัญ โดยเฉพาะกับรถที่ใช้งานมาหลายปีหรือจอดตากฝนบ่อย จุดที่มักเกิดสนิม ได้แก่

  • ขอบล่างของประตูทั้งสี่บาน โดยเฉพาะประตูสไลด์
  • ฝากระโปรงหน้า โดยเฉพาะบริเวณขอบด้านใน
  • ขอบซุ้มล้อหลัง ที่มักถูกสะสมโคลนและเศษหิน
  • พื้นรถ โดยเฉพาะช่วงกลางและบริเวณยึดเบาะแถวสุดท้าย
  • ท่อระบบปรับอากาศใต้ท้องรถ ซึ่งเป็นโลหะบางและไม่มีการเคลือบป้องกันสนิมดีพอ
  • ขอบซีลกระจก โดยเฉพาะกระจกบานท้ายที่มักเกิดสนิมใต้ขอบยางเนื่องจากน้ำซึมเข้า

สำหรับผู้ที่อยู่ในพื้นที่ชื้น ใกล้ทะเล หรือใช้รถตากแดดตากฝนเป็นประจำ แนะนำให้เคลือบกันสนิมอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้งและหมั่นล้างทำความสะอาดใต้ท้องรถเป็นประจำ จะช่วยยืดอายุการใช้งานของตัวถังได้ดีขึ้น นอกจากนี้ ชุดแก๊สโช้คที่ช่วยพยุงฝากระโปรงและฝาท้ายก็มักเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่คิด โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 60,000 – 80,000 กม. ส่วนลูกล้อของประตูบานสไลด์จะเริ่มมีเสียงและการเคลื่อนที่ที่ฝืดเมื่อระยะทางใกล้ 150,000 กม. ซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับรถตู้ใช้งานหนัก

ภายในห้องโดยสารและวัสดุตกแต่ง

ภายในของ Hyundai H-1 ให้ความรู้สึกกว้างขวาง รองรับผู้โดยสารได้มากถึง 11 ที่นั่งในบางรุ่น แต่วัสดุที่ใช้ในห้องโดยสาร โดยเฉพาะรุ่นพื้นฐาน กลับเป็นสิ่งที่หลายคนบ่นถึง พลาสติกที่ใช้บริเวณแผงประตูและคอนโซลกลาง มีความแข็งและเป็นรอยขีดข่วนได้ง่าย ใช้งานไม่กี่ปีอาจเริ่มเห็นคราบด่างหรือรอยแตกได้

ทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่กำลังมองหา H-1 มือสองคือเลือกรุ่นที่มาพร้อมภายในแบบเบาะหนังและแผงประตูบุหนัง ซึ่งมักจะอยู่ในรุ่น Deluxe, VIP หรือ Touring รุ่นสูงสุด เพราะนอกจากดูแลรักษาง่ายกว่า ยังมีการเก็บเสียงและความเรียบร้อยโดยรวมที่ดีกว่า

สิ่งที่ควรรู้เมื่อต้องการซื้อ Hyundai H-1 มือสอง

รถตู้ hyundai H-1 กว้างขวางรองรับผู้โดยสารได้มากถึง 11 ที่นั่ง

Hyundai H-1 เป็นรถที่ใช้งานเชิงพาณิชย์ได้ดี นั่นหมายความว่ารถหลายคันในตลาดมือสองมีระยะทางสะสมเกิน 150,000 กม. ขึ้นไป และมักจะผ่านการใช้งานหนัก การหา H-1 มือสองที่ไมล์ต่ำกว่า 150,000 กม. ถือว่าค่อนข้างยาก ถ้าเจอก็มักเป็นรถปีท้าย ๆ อย่างปี 2020-2022 ซึ่งราคายังสูง หรือไม่ก็อาจเป็นรถที่ถูกกรอไมล์แล้วทำให้ดูเหมือนใช้งานน้อยลง ผู้ซื้อควรระวังเป็นพิเศษ และขอเอกสารเช็กระยะจากศูนย์ หรือเช็กประวัติผ่านระบบตรวจสอบไมล์ของกรมการขนส่ง

สิ่งที่ควรเช็กอย่างละเอียดเมื่อตรวจรถ H-1 มือสอง

  • สนิมตามขอบประตู ซุ้มล้อ และใต้ท้องรถ
  • การสึกหรอของเบาะโดยเฉพาะฝั่งคนขับ
  • การสั่นของเครื่องยนต์ขณะจอดนิ่ง
  • ระบบแอร์ โดยเฉพาะแอร์หลัง ต้องเย็นทั่วถึง
  • สภาพประตูสไลด์ – ควรเปิด-ปิดลื่น ไม่ฝืดหรือมีเสียง

บทสรุป Hyundai H-1 มือสอง ยังน่าซื้ออยู่ไหม?

รถตู้ฮุนได H-1 ยังคงคุ้มค่าในยุคนี้สำหรับครอบครัวใหญ่

หากคุณกำลังมองหารถตู้ที่กว้างขวาง นั่งสบาย และพาเดินทางได้ทั้งครอบครัวแบบไม่อึดอัด Hyundai H-1 มือสองถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร D4CB ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความทนมือทนเท้า ใช้งานยาว ๆ ได้สบายหากดูแลดี

ในภาพรวม H-1 รุ่นที่ขายในไทยนั้นมีพื้นฐานที่แข็งแรงพอสมควรทั้งด้านเครื่องยนต์ เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีดที่ไว้ใจได้ และระบบช่วงล่างที่หากไม่ใช้งานหักโหมหรือบรรทุกหนักเกินพิกัดก็อยู่ได้เกินแสนกิโลแบบไม่งอแง

แต่ก็ต้องยอมรับว่า H-1 ไม่ได้ไร้ข้อเสีย จุดอ่อนที่ชัดที่สุดคือเรื่องสนิมซึ่งเกิดได้ในหลาย ๆ จุด และค่อนข้างมาเร็วถ้าเจ้าของเดิมไม่ดูแลตัวถังดีพอ อีกเรื่องที่เจ้าของหลายคนพูดถึงคือวัสดุภายในที่ไม่ทนทานสักเท่าไหร่ พลาสติกหลายจุดสึกหรอเร็ว โดยเฉพาะในรุ่นเริ่มต้นของไลน์อัพ

อีกเรื่องที่ผู้ซื้อควรรู้ไว้คือ รถ H-1 มือสองจำนวนมากในตลาดมักผ่านการใช้งานหนักทั้งจากการใช้งานในครอบครัวขนาดใหญ่และใช้งานในเชิงพาณิชย์ จึงไม่แปลกที่ H-1 มือสองหลายคันจะมีเลขไมล์สูง และหารถไมล์น้อยสภาพดีในปีเก่า ๆ ได้ยาก นอกจากนี้ H-1 ยังเป็นรุ่นที่ได้ชื่อว่าถูกกรอไมล์ค่อนข้างเยอะในตลาดมือสอง เพื่อให้รถดูเหมือนผ่านการใช้งานมาน้อยและดูน่าใช้มากขึ้น

หากคุณเป็นครอบครัวขนาดใหญ่ มีสมาชิกหลายคน นิยมเดินทางไปไหนมาไหนพร้อมกันเป็นหมู่คณะ มีผู้สูงอายุ เดินทางไปต่างจังหวัดบ่อย Hyundai H-1 มือสองเป็นตัวเลือกที่เหมาะมาก ๆ ถ้าเจอคันที่ดูแลมาดี มีประวัติเช็กระยะครบ และไม่มีร่องรอยการปรับไมล์หรือชนหนัก ถือว่าเป็นรถที่ "คุ้มค่า" สำหรับราคาที่จ่ายไป ขอแค่เตรียมใจไว้ว่าการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอจะเป็นสิ่งจำเป็น แต่ถ้าคุณทำได้ รถตู้คันนี้ก็จะพาคุณไปได้อีกไกลโดยไม่งอแง

ค้นหา ฮุนได h1 ราคามือสอง ที่ใช่สำหรับคุณ

เรารวบรวมประกาศขาย hyundai h1 จาก Facebook Marketplace, Kaidee, One2Car และ TaladRod มาไว้ในที่เดียว

เลือกเช็คประเภทผู้ขาย แล้วเลือกคันที่ตรงใจคุณได้ง่ายๆ

พบกับ hyundai h1 มือสองมากมายที่นี่ →รถตู้ฮุนได H-1 มือสอง

  • กรุงเทพมหานคร, 500 km
  • ยี่ห้อ: Hyundai
  • รุ่น: H-1
  • แหล่งที่มา: Facebook, Kaidee, One2Car, TaladRod