BMW Series 5 รุ่นที่ 6 (F10) มือสอง - หรู ขับดี ค่าตัวไม่แรงอย่างที่คิด

bmw series 5 F10 หรูหราอย่างมีรสนิยม

BMW 5 Series รหัสตัวถัง F10 ยังคงครองตำแหน่งหนึ่งในรถยนต์มือสองที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในตลาดรถมือสองเมืองไทย ด้วยดีไซน์ที่ดูหรูหราอย่างมีรสนิยม ผสานกับสมรรถนะในการขับขี่ที่เหนือชั้น และภาพลักษณ์ที่สะท้อนถึงความสำเร็จและรสนิยมของผู้เป็นเจ้าของ จึงไม่แปลกใจที่ใครหลายคนยังคงตามหารถรุ่นนี้ในสภาพดีมาครอบครอง

ในตลาดรถมือสอง bmw series 5 F10 ถือว่าเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าน่าเล่น ด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายแต่ยังคงไว้ซึ่งฟีลลิ่งในการขับขี่แบบ BMW ที่หาไม่ได้ง่าย ๆ จากรถมือสองญี่ปุ่นในช่วงราคาใกล้เคียงกัน ไม่ว่าจะเป็นความแน่นหนาของตัวถัง การเก็บเสียงที่ยอดเยี่ยม หรือฟีเจอร์ความปลอดภัยและความสะดวกสบายที่จัดเต็มมาตั้งแต่โรงงาน นอกจากนี้ยังตัวเลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลตั้งแต่รุ่นที่เน้นความประหยัดไปจนถึงรุ่นที่ให้พลังเร้าใจสำหรับสายเท้าหนัก

5 Series F10 ยังได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากช่างซ่อมและคนในวงการว่าเป็นหนึ่งในรุ่นที่ “จบง่าย” กว่ารถ BMW หลาย ๆ รุ่นด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ซับซ้อนจนเกินไปและอะไหล่ที่เริ่มมีให้เลือกมากขึ้นทั้งของแท้และเทียบ ทำให้ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาอยู่ในระดับที่จับต้องได้ สำหรับคนที่เข้าใจและพร้อมดูแลรถยุโรป

สำหรับใครที่กำลังมองหารถมือสองที่ให้ทั้งความภูมิฐาน ความสนุกในการขับขี่ และความคุ้มค่าในระยะยาว มาสำรวจคุณลักษณะของ BMW 5 Series F10 ดูจุดแข็ง ปัญหาที่พบ และรายละเอียดต่าง ๆ ที่ควรพิจารณาเมื่อต้องการซื้อมือสองมาใช้งานสักคัน

ประวัติ BMW F10

bmw f10 มีตัวถังให้เลือกหลากหลาย

BMW 5 Series F10 คือหนึ่งในเจเนอเรชันที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าลงตัวที่สุดของตระกูล เริ่มสายการผลิตตั้งแต่ปี 2010 จนถึงปี 2017 เจเนอเรชันนี้เปิดตัวมาครบทั้งตัวถังซีดาน (F10), ตัวถังสเตชันวากอน (F11) ตัวถัง 5 ประตูหรือที่เรียกว่า Gran Turismo หรือ GT (F07) และตัวถังซีดานฐานล้อยาว (F18)

ในช่วงเวลาที่วางขาย 5 Series F10 ได้รับการปรับโฉม LCI 1 ครั้งในปี 2013 แม้รูปลักษณ์ภายนอกจะยังคงเอกลักษณ์เดิมไว้เป็นส่วนใหญ่ มีการปรับดีไซน์ไฟหน้า-ไฟท้ายเล็กน้อยและรายละเอียดโครเมียมบางจุด แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญอยู่ใต้เปลือกนอกผิวมากกว่า

หลังการปรับโฉม BMW ได้ยกระดับระบบอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีภายในหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นระบบนำทางที่ตอบสนองได้เร็วขึ้น, หน้าจอแสดงผลที่ละเอียดและใช้งานง่ายขึ้น รวมถึงการปรับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นช่วงเวลาที่ BMW เลิกใช้เครื่องยนต์แบบไม่มีระบบอัดอากาศแทบทั้งหมด แล้วเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์เทอร์โบทั้งไลน์อัพเบนซินและดีเซล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันและลดมลพิษ ตามทิศทางของตลาดโลกในยุคนั้น

bmw f10 ยังถือเป็นยุคเปลี่ยนผ่านที่ลงตัวระหว่างความหรูหราแบบคลาสสิกของ BMW รุ่นเก่า กับความทันสมัยและเทคโนโลยีที่เริ่มก้าวเข้ามาในรถยุโรปรุ่นใหม่ ๆ ทำให้มันได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดรถใหม่ยุคนั้นต่อเนื่องมาถึงตลาดรถมือสองในปัจจุบัน สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถซีดานยุโรประดับพรีเมียมที่สมดุลทั้งดีไซน์ สมรรถนะ และการใช้งาน 5 Series F10 คือหนึ่งในตัวเลือกที่คุ้มค่าและน่าเล่นที่สุด

โครงสร้างตัวถังและภายนอก

บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 5 F10 จุดเด่นตัวถังผสมผสานวัสดุหลากชนิด

หนึ่งในจุดเด่นที่ทำให้ BMW 5 Series F10 แตกต่างจากรถยุโรปหลายรุ่นในยุคเดียวกันคือการออกแบบโครงสร้างตัวถังที่ผสมผสานวัสดุหลากชนิดอย่างชาญฉลาด โดยเฉพาะในส่วนของประตูหน้า บังโคลนหน้า และฝากระโปรงหน้า ซึ่งเลือกใช้วัสดุอะลูมิเนียมแทนเหล็กแบบเดิม จุดประสงค์หลักคือเพื่อลดน้ำหนักส่วนหน้า ช่วยให้การกระจายน้ำหนักรถดีขึ้น ส่งผลให้การควบคุมรถแม่นยำและคล่องตัวขึ้นโดยเฉพาะในขณะเข้าโค้งหรือขับขี่ด้วยความเร็ว

อย่างไรก็ตาม โครงสร้างแบบนี้ก็มาพร้อมข้อควรระวัง เพราะชิ้นส่วนอะลูมิเนียมไม่สามารถซ่อมแซมหรือเชื่อมได้แบบเดียวกับเหล็ก หากเกิดการบุบหรือเสียหาย อู่ซ่อมจำเป็นต้องใช้เทคนิคเฉพาะทาง หรือในบางกรณีอาจต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งชิ้น ซึ่งทำให้ค่าซ่อมสูงกว่ารถที่ใช้เหล็กทั้งคัน

ในด้านความทนทานต่อสนิมและการกัดกร่อน 5 Series F10 ก็จัดอยู่ในระดับยอดเยี่ยม ตัวถังผลิตจากเหล็กคุณภาพสูง เคลือบด้วยสีและชั้นป้องกันหลายชั้น โดยเฉพาะบริเวณใต้ท้องรถและซุ้มล้อ ที่มีการพ่นสารป้องกันสนิมและเคลือบด้วยวัสดุปิดผิวแบบเดียวกับที่ใช้ในรถระดับเรือธงหลายรุ่นของ BMW นอกจากนี้ยังมีการฉีดสารเคลือบกันสนิมเข้าไปในโพรงภายในตัวถังอย่างทั่วถึง ช่วยยืดอายุการใช้งานในสภาพอากาศร้อนชื้นอย่างประเทศไทยได้เป็นอย่างดี

อีกหนึ่งรายละเอียดที่น่าประทับใจคือการปิดคลุมพื้นที่เสี่ยงต่อการสะสมของโคลนหรือความชื้นด้วยแผ่นพลาสติกหรือแผ่นบังโคลนที่ออกแบบมาอย่างดีจากโรงงาน จึงไม่น่าแปลกใจที่ 5 Series F10 เดิม ๆ ที่ไม่เคยผ่านการชนหนักหรือซ่อมใหญ่ มักจะไม่แสดงร่องรอยของสนิมหรือการกัดกร่อนแม้จะผ่านการใช้งานมานานหลายปี

ภายในห้องโดยสารของ BMW f10

ห้องโดยสารของ BMW 5 Series F10 เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความพรีเมียมที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน ตั้งแต่วัสดุบุภายในที่เลือกใช้แต่ของคุณภาพสูง ไม่ว่าจะเป็นหนังแท้ ไม้จริง หรืออะลูมิเนียมปัดเงา (ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยและแพ็กเกจตกแต่ง) ไปจนถึงการจัดวางฟังก์ชันต่าง ๆ อย่างลงตัวตามหลักสรีรศาสตร์ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ BMW มาตลอด

จุดเด่นอีกอย่างของห้องโดยสาร 5 Series F10 คือความเงียบและความแน่นหนา งานประกอบทุกจุดดูมั่นคง ไม่มีอาการโยกคลอนหรือหลวมง่ายแม้จะผ่านการใช้งานมาหลายปี อย่างไรก็ตาม ในรุ่นก่อนปรับโฉมบางคันอาจพบปัญหาเสียงลั่นหรือเสียงดังจากแผงแดชบอร์ดบางจุด ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ง่ายในหลายกรณีด้วยการขันนอตให้แน่นหรือเสริมการยึดด้วยกาวพิเศษ หากเป็นกรณีที่ต้องการความเรียบร้อยแบบเนี้ยบจริง ๆ อาจต้องถอดแผงเพื่อจัดการใหม่ทั้งหมด

แม้จะเป็นรถที่มีอายุราว 10 ปีแต่ภาพรวมของภายในห้องโดยสาร 5 Series F10 ยังดูดีและให้ความรู้สึกหรูหราอยู่เสมอ แผงคอนโซลไม่กรอบหรือซีดจางง่าย ผิวสัมผัสของปุ่มควบคุมยังคงความคมชัดและสภาพดีได้ถึง 7 - 8 ปีหรือมากกว่านั้น หากได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม เรียกได้ว่าเป็นรถที่มีคุณภาพแบบเยอรมัน ไม่เก่าหรือทรุดโทรมจนน่าใจหาย

ในด้านระบบไฟฟ้า BMW 5 Series F10 ถือว่าทำได้ดีโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง E60 ที่ขึ้นชื่อในเรื่องปัญหาระบบอิเล็กทรอนิกส์ 5 Series F10 แก้ไขและปรับปรุงจุดอ่อนเหล่านั้นได้ชัดเจน ระบบควบคุมต่าง ๆ ใช้งานได้เสถียร ไม่ค่อยพบปัญหาจุกจิกให้รำคาญใจในรถที่ได้รับการดูแลตามระยะ บางคันอาจพบว่าเซอร์โวมอเตอร์ในระบบแอร์หรือระบบปรับเบาะเริ่มแสดงอาการทำงานผิดปกติเมื่ออายุเกิน 10 ปีขึ้นไป แต่กรณีนี้ไม่ใช่ปัญหาพบได้ทั่วไปและสามารถซ่อมแซมหรือเปลี่ยนเฉพาะจุดได้โดยไม่ยุ่งยาก

บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 5 F10 วัสดุตกแต่งภายในคุณภาพสูงดูใหม่แม้ใช้งานมานาน

ตัวเลือกเครื่องยนต์ BMW 5 Series F10 ในไทย

เครื่องยนต์เบนซิน

BMW 5 Series F10 เครื่องยนต์เบนซินในไทยมีให้เลือกทั้งหมด 3 รูปแบบ เริ่มจากรหัส 535i ทำตลาดในช่วงปีแรก ๆ ของการเปิดตัวในไทย เป็นรุ่นนำเข้าทั้งคัน รหัสนี้มากับขุมพลัง 6 สูบเรียง 3.0 ลิตร เทอร์โบ 306 แรงม้า ถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์คนชอบรถแรงได้ดีที่สุด แต่ค่อนข้างหายากในตลาดมือสอง

เครื่องยนต์ที่พบมากที่สุดใน BMW 5 Series F10 ที่ขายในไทยคือเครื่องเบนซินรุ่น N20 ซึ่งถูกใช้ในรหัส 520i และ 528i โดยเริ่มใช้จริงจังตั้งแต่ช่วงปี 2011 เป็นต้นไป เครื่องยนต์ N20 นี้พัฒนาเพื่อให้สมรรถนะดีแต่ยังประหยัดน้ำมัน ในแง่ความทนทานก็ถือว่าไว้ใจได้ถ้าได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี หากเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองตามระยะอย่างสม่ำเสมอ เครื่องยนต์ตัวนี้สามารถวิ่งได้ถึง 300,000 กม. โดยไม่มีปัญหาใหญ่

bmw series 5  มีทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล

อย่างไรก็ตาม มีบางจุดที่ผู้ใช้งานควรรู้ล่วงหน้า ได้แก่

  • หลัง 100,000 กม. มักต้องเปลี่ยน เทอร์โมสตัท และ ปั๊มเสริมของระบบเชื้อเพลิง
  • โซ่ไทม์มิ่งของระบบวาล์วอาจเริ่มยืดเมื่อผ่านระยะทางหนึ่ง แม้จะไม่ถึงขั้นขาดแต่ก็ควรเปลี่ยนเมื่อเริ่มมีเสียงรบกวน
  • หัวฉีดแบบฉีดตรง (Direct Injection) มีแนวโน้มต้องเปลี่ยนที่ประมาณ 80,000 กม. และ ปั๊มเชื้อเพลิงแรงดันสูง (High Pressure Fuel Pump) มักเริ่มมีปัญหาหลัง 150,000 กม.
  • ปัญหาสำคัญอีกจุดคือระบบโซ่ขับปั๊มน้ำมัน (อยู่ในเพลาสมดุล) ซึ่งในรถที่ผลิตก่อนปี 2014 อาจสึกหรอเร็ว บางคันมีปัญหาตั้งแต่ 80,000 กม. แต่ข่าวดีก็คือ BMW แก้ปัญหานี้แล้วในรุ่นหลังปี 2014 และรถรุ่นก่อนหน้านั้นบางคันได้รับการเปลี่ยนอะไหล่ภายใต้เงื่อนไขการรับประกัน

ข้อควรระวังสำหรับเจ้าของรุ่น 520i

มีผู้ใช้บางรายอัปเกรดเครื่องยนต์โดยการรีแมพ (Remap) ซอฟต์แวร์เพิ่มแรงม้าจากเดิม 156 แรงม้า ไปแตะระดับ 245 แรงม้า เช่นเดียวกับ 528i ซึ่งแม้จะทำได้ แต่ไม่ใช่การอัปเกรดที่ปลอดภัยในระยะยาว เพราะแม้เครื่องยนต์จะมีพื้นฐานเหมือนกัน แต่ อุปกรณ์ภายในต่างกัน เช่น หัวฉีด, ปั๊มน้ำมัน และ ลูกสูบคนละรูปแบบกันโดยสิ้นเชิง ส่งผลให้เครื่องยนต์ที่ถูกรีแมพเกินพิกัดมักไม่ทน และหลายกรณีพบว่าเริ่มมีปัญหาใหญ่เมื่อใช้งานเกิน 100,000 - 120,000 กม.

เครื่องยนต์ดีเซล

BMW 5 Series F10 เครื่องยนต์ดีเซลเริ่มทำตลาดในไทยด้วยรหัส 530d ซึ่งเป็นเครื่อง 6 สูบเรียง 3.0 ลิตร พ่วงเทอร์โบ ที่ให้กำลังสูงสุด 245 แรงม้า แรงบิด 540 นิวตันเมตร ถือเป็นรุ่นที่ให้พละกำลังและสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ขับสนุก ประหยัดน้ำมันในระดับที่ผู้ใช้รับได้ และยังปล่อยมลพิษต่ำ เครื่องยนต์รุ่นนี้สามารถใช้งานได้ยาว ๆ โดยไม่มีปัญหาใหญ่ แต่ที่ระยะทางประมาณ 250,000 กม. อาจจะต้องเปลี่ยนโซ่ขับเคลื่อนวาล์ว

อย่างไรก็ตาม เครื่องดีเซล 6 สูบไม่ถูกกับการวิ่งในเมืองแบบรถติดต่อเนื่อง เพราะการวิ่งรอบต่ำต่อเนื่องและไม่ได้เร่งเครื่องจะทำให้ ระบบ EGR และตัวกรอง DPF อุดตันเร็ว ส่งผลให้มีควันดำ สมรรถนะตก หรือขึ้นไฟเตือน วาล์ว EGR ที่อุดตันยังอาจกระทบต่อแผ่นปีกผีเสื้อของท่อไอดี ทำให้เครื่องเดินไม่เรียบหรือเร่งไม่ขึ้น อีกปัญหาเฉพาะของเครื่องดีเซลตัวนี้คือยางกันสะเทือนของพูลเลย์เพลาข้อเหวี่ยงมักเสื่อมสภาพเมื่อวิ่งถึงประมาณ 150,000 กม. สังเกตได้จากเสียงผิดปกติหรือกลิ่นคล้ายยางไหม้ หากปล่อยไว้อาจกระทบกับการทำงานของสายพานรวมถึงอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น ปั๊มน้ำหรือไดชาร์จ ส่วนชุดควบคุมหัวเผาก็มีอายุไล่เลี่ยกันและมักต้องเปลี่ยนในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน

BMW 5 Series F10 เปิดตัวรหัส 520d และ 525d มาเสริมทัพเครื่องยนต์ดีเซล โดยทั้ง 2 รหัสนี้ใช้เครื่องแบบ 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบ แม้พละกำลังจะลดลงแต่ก็ได้ในเรื่องความประหยัดและการปล่อยมลพิษต่ำมาแทนที่ ในภาพรวมเครื่องยนต์รุ่นนี้ทนทานและน่าเชื่อถือมากกว่าเครื่อง 6 สูบ ทั้งในเรื่องความร้อน การสึกหรอ และการประหยัดเชื้อเพลิง อย่างไรก็ตาม โมดูล EGR ที่ยังพบว่ามีโอกาสเสียได้เร็วในบางคัน บางกรณีแค่ 20,000 – 30,000 กม. ก็เริ่มมีปัญหา หากโมดูลนี้เริ่มรวน จะทำให้กล่องควบคุมเครื่องยนต์ลดกำลังเครื่องลงทันทีเพื่อป้องกันความเสียหาย

ระบบส่งกำลังของ BMW 5 Series F10

bmw series 5 มือสอง ต้องพิจารณาเรื่องระบบเกียร์เป็นพิเศษ

BMW 5 Series F10 ที่ขายในไทยส่วนใหญ่มาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด เกียร์รุ่นนี้ขึ้นชื่อเรื่องความนุ่มนวลและประหยัดน้ำมัน ทั้งยังมีความทนทาน ให้อัตราทดที่ละเอียดขึ้น และขับสนุก หากมีการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตามระยะทุก 60,000 กม. อายุการใช้งานสามารถไปได้ถึง 250,000 กม. หรือมากกว่าโดยไม่ต้องซ่อมใหญ่

อย่างไรก็ตาม เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด รุ่นแรกๆ บางล็อต ก็มีปัญหาเรื่องการสึกของตัวเรือนเกียร์เมื่อใช้งานไปนาน ๆ ซึ่งอาจส่งผลต่อเฟืองและระบบควบคุมไฮดรอลิก โชคดีที่ข้อบกพร่องนี้ถูกแก้ไขแล้วจากโรงงานในรุ่นปีหลัง ๆ

ไม่ว่าเลือก 5 Series F10 เครื่องยนต์อะไร หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาคือพฤติกรรมของเจ้าของเดิมและวิธีการขับขี่ หากรถเคยผ่านการใช้งานหนัก เช่น ขับแบบลากรอบ เปลี่ยนเกียร์รุนแรง หรือไม่ได้ดูแลระบบระบายความร้อนของเกียร์ โอกาสที่เกียร์จะมีปัญหาหลังวิ่งไป 100,000 กม. ก็มีสูง ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อมือสองควรตรวจสอบประวัติการบำรุงรักษาให้ละเอียด โดยเฉพาะการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ และทดสอบการเปลี่ยนเกียร์ว่าลื่นไหลหรือไม่ จะช่วยลดความเสี่ยงเรื่องเกียร์พังได้มากขึ้น

ระบบช่วงล่างและพวงมาลัย

BMW 5 Series F10 มาพร้อมระบบช่วงล่างที่ให้สมรรถนะสูงและความสบายในการขับขี่ แต่ด้วยความซับซ้อนของการออกแบบหมายความว่าการบำรุงรักษาอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะเมื่อรถผ่านการใช้งานมาแล้วหลายแสนกิโลเมตร

โดยทั่วไปแล้วช่วงล่างของ 5 Series F10 ทั้งด้านหน้าและด้านหลังจะเริ่มมีอาการเสื่อมที่ระยะทางประมาณ 100,000 – 150,000 กม. ขึ้นอยู่กับสภาพถนนที่รถวิ่งและลักษณะการขับขี่ เช่น รถที่เคยวิ่งในกรุงเทพฯ เจอหลุมบ่อย อาจต้องซ่อมเร็วขึ้น เมื่อถึงเวลาบำรุงรักษามักไม่ได้เปลี่ยนแค่โช้คอัพอย่างเดียว แต่อาจต้องเปลี่ยนปีกนก ลูกหมาก บูช และแร็คต่าง ๆ ควบคู่กันไป เพื่อให้ได้สมรรถนะเหมือนเดิม ถ้าเลือกใช้ชิ้นส่วนคุณภาพดีจากผู้ผลิตที่เชื่อถือได้ก็จะช่วยยืดอายุการใช้งานไปได้อีกยาว

ในส่วนของระบบพวงมาลัย 5 Series F10 จะใช้แร็คพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า (EPS) ซึ่งมีการทำงานที่นุ่มนวล เบาแรง และตอบสนองแม่นยำ โดยรวมแล้วคุณภาพของแร็คพวงมาลัยค่อนข้างมีความทนทาน แต่ก็อาจพบปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างอาการเพี้ยนของระบบควบคุมหรือมีสัญญาณเตือนขึ้นเป็นครั้งคราว ปัญหานี้มักไม่รุนแรง และสามารถแก้ไขได้ด้วยการอัปเดตซอฟต์แวร์ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนอะไหล่ราคาแพง ยกเว้นในกรณีที่เสียหายจากน้ำหรือการชนหนัก

เคล็ดลับเลือกซื้อ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 5 F10 มือสอง

bmw series 5 มือสองให้ความสบายและภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ

บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 5 F10 เป็นหนึ่งในซีดานยุโรปที่มีความสมดุลระหว่างความหรูหรา ความแรง และความสบาย แต่หากคุณกำลังพิจารณาเลือกซื้อรุ่นนี้ในตลาดมือสอง มีหลายจุดที่ควรตรวจสอบอย่างรอบคอบเพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายแฝงในอนาคต

1. ประวัติการชนและสภาพตัวถัง: แม้แต่การชนเล็กน้อย หากซ่อมไม่ดี อาจส่งผลต่อความแข็งแรงของโครงสร้างและการขับขี่ในระยะยาว ให้สังเกตช่องว่างระหว่างบานประตู ฝากระโปรง และแผงตัวถังว่ามีความสม่ำเสมอหรือไม่ ดูความเรียบเนียนของพื้นผิวและสี และควรตรวจสอบรอยบัดกรี รอยขันนอต หรือชิ้นส่วนที่ไม่เข้ากันในห้องเครื่อง

2. ระยะทางการใช้งานที่แท้จริง: การลดเลขไมล์ยังคงเป็นเรื่องปกติในตลาดรถมือสอง วิธีสังเกตแบบง่าย ๆ คือดูไฟตัดหมอกหรือไฟหน้าว่าขาวซีดหรือหม่นหรือไม่ ถ้าซีดมาก ๆ อาจบ่งบอกการใช้งานที่มากกว่าที่แสดงบนเลขไมล์ หรือตรวจดูที่คอนโซล ปุ่มควบคุม และพวงมาลัย หากพบว่าที่สึกหรอเกินเหตุอาจบอกได้ว่ารถใช้งานมาหนัก

3. เลือกเครื่องยนต์ให้ตรงกับการใช้งาน: หากเน้นใช้งานทั่วไปในเมือง เครื่องยนต์เบนซินให้สมรรถนะที่เพียงพอและเหมาะสม แต่ต้องดูว่าได้รับการบำรุงรักษาต่อเนื่อง ส่วนเครื่องดีเซลจะให้กำลังแรงม้าและแรงบิดที่มากกว่า ทนทาน ไม่ซับซ้อน เหมาะสำหรับคนใช้รถเยอะ ขับทางไกลบ่อย และต้องการความประหยัด แต่ไม่ค่อยเหมาะหากใช้งานในเมืองที่รถติดตลอดเวลาเพราะ EGR และ DPF จะเสื่อมเร็วกว่าปกติ

4. ระบบส่งกำลัง 8 สปีด: เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดของ BMW 5 Series F10 เป็นตัวเลือกที่น่าเชื่อถือ ควรตรวจเช็กประวัติการบำรุงรักษาเกียร์อย่างละเอียด ดูว่าเจ้าของเดิมมีการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตามระยะหรือไม่ เพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมาภายหลัง

5. ออปชันและการตกแต่ง: BMW 5 Series F10 รุ่นเริ่มต้นที่มีออปชันไม่เยอะจะดูแลง่ายและทนทานกว่ารุ่นที่เต็มไปด้วยระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์หรูหรา ส่วนรุ่นท็อปที่มีออปชันเยอะ เช่น เบาะไฟฟ้า, ซันรูฟ, ระบบนำทาง, หรือกล้องรอบคัน ควรทดสอบทุกฟังก์ชันว่าทำงานได้ครบ

บทสรุป: BMW 5 Series F10 ยังเป็นรถบีเอ็มมือสองที่น่าซื้อหรือไม่?

BMW 5 Series F10 ถือเป็นหนึ่งในรถซีดานระดับพรีเมียมที่ยังน่าจับตามองในตลาดมือสอง ด้วยโครงสร้างตัวถังที่แข็งแรง ระบบช่วงล่างที่มั่นคง และระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อถือได้ ทำให้มันเป็นรถที่ให้ทั้งความสบายและภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือในระยะยาว

อย่างไรก็ตามจุดที่ควรพิจารณาให้รอบคอบคือเรื่องเครื่องยนต์ เกียร์ ช่วงล่าง พวงมาลัย ควรตรวจเช็กประวัติการบำรุงรักษา และหมั่นตรวจเช็กอาการผิดปกติอยู่เสมอ และเปลี่ยนถ่ายของเหลวต่าง ๆ ตามระยะ หากเลือกคันได้ถูกต้อง คุณจะได้รถที่ให้ทั้งความหรูหรา แรงขับที่น่าประทับใจ และความพึงพอใจในทุกการเดินทาง

จำไว้ว่า รถเยอรมันไม่ใช่แค่รถแรงแต่คือการลงทุนในคุณภาพ และการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอคือกุญแจสำคัญที่จะทำให้ BMW คันนี้ตอบแทนคุณได้อย่างเต็มที่ตลอดอายุการใช้งาน

ค้นหา bmw series 5 มือสอง F10 (ปี 2009 - 2017) มือสองที่ใช่สำหรับคุณได้ที่นี่

เรารวบรวมประกาศขาย bmw series 5 F10 จาก Facebook Marketplace, Kaidee, One2Car และ TaladRod มาไว้ในที่เดียว เปรียบเทียบราคา ดูประเภทผู้ขาย แล้วเลือกคันที่ตรงใจคุณได้ง่ายๆ

เช็ค บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 5 มือสองในไทยได้ที่นี่ → bmw series 5 มือสอง

  • กรุงเทพมหานคร, 500 km
  • ยี่ห้อ: BMW
  • รุ่น: 5er
  • ปี: 2009-2016
  • แหล่งที่มา: Facebook, Kaidee, One2Car, TaladRod





BMW Series 5 รุ่นที่ 6 (F10) มือสอง - หรู ขับดี ค่าตัวไม่แรงอย่างที่คิด