Volvo S60 Gen 2 มือสอง คุ้มไหม? รถหรูทางเลือกที่คนไม่ค่อยพูดถึง

หากพูดถึงรถยนต์แบรนด์ Volvo หลายคนน่าจะนึกถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก แต่จริง ๆ แล้ว สิ่งที่ทำให้ Volvo มีเสน่ห์ไม่เหมือนใครคือแนวคิดการออกแบบและวิศวกรรมที่สะท้อนความเรียบง่ายแบบสแกนดิเนเวียน โดยไม่ตามแฟชั่นหรือยอมลดคุณภาพเพื่อทำราคา volvo s60 เจเนอเรชันที่ 2 (ปี 2011 – 2015) เปิดตัวในยุคที่ Volvo ยังอยู่ภายใต้การบริหารของ Ford แต่ในทางปฏิบัติแล้วอิทธิพลจากเจ้าของชาวอเมริกันไม่ได้แทรกแซงตัวตนของรถมากนัก ทีมวิศวกรของ Volvo ยังคงพัฒนาและออกแบบรถภายใต้แนวคิดดั้งเดิมของตนเอง กระทั่งเมื่อเปลี่ยนเจ้าของอีกครั้งมาเป็น Geely จากจีน รถรุ่นนี้ก็ยังถือว่าเป็น Volvo แท้ ๆ ในสายตาของแฟนคลับ นี่คือรถสัญชาติสวีเดนอย่างแท้จริงทั้งในแง่ดีไซน์ สมรรถนะ และความรู้สึกขณะขับขี่
Volvo S60 เจเนอเรชันที่ 2 เป็นรถซีดานระดับกลางที่ผสมผสานความหรูหราเข้ากับความสปอร์ตอย่างลงตัว ภายนอกดูเรียบแต่เฉียบ มีความโค้งมนในแบบที่ยังคงความคลาสสิกและไม่ตกยุค ส่วนภายในห้องโดยสารก็ให้ความรู้สึกพรีเมียม อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และวัสดุต่าง ๆ ถูกเลือกใช้อย่างพิถีพิถัน ระบบความปลอดภัยระดับแนวหน้า เช่น City Safety, ระบบเตือนก่อนการชน และ Blind Spot Information System (BLIS) ก็มีให้ในหลายรุ่นย่อย
สำหรับตลาดรถมือสองของเมืองไทย Volvo S60 เจเนอเรชันที่ 2 เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาจากราคาที่ตกลงมาอยู่ในจุดที่จับต้องได้ บวกกับคุณภาพของตัวรถที่ยังดีเยี่ยมเมื่อเทียบกับราคาที่จ่าย หลายคนเริ่มมองว่า S60 เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่อยากได้รถยุโรปแต่ไม่อยากจ่ายแพงเหมือน BMW หรือ Mercedes-Benz นอกจากนี้ ผู้ซื้อที่มองหาความแตกต่างจากกระแสหลักหรือชื่นชอบความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแบรนด์ ก็หันมาให้ความสนใจกับ Volvo มากขึ้น เพราะนอกจากจะขับขี่ดี ปลอดภัย และทนทานแล้ว ยังให้ภาพลักษณ์ที่ดูสุขุมและไม่ตามใครอีกด้วย
บทความนี้จะมาเจาะลึก Volvo S60 เจเนอเรชันที่ 2 ทั้งจุดเด่น ข้อดี-ข้อเสีย ปัญหาที่พบ รวมถึงคำแนะนำการเลือกซื้อและการดูแลรักษา เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับคนที่ต้องการหา S60 เจเนอเรชันที่ 2 มือสองมาใช้งาน
ตัวถังและภายนอกรถวอลโว่ S60

Volvo S60 เจเนอเรชันที่ 2 มีจุดเด่นในเรื่องคุณภาพตัวถังที่เหนือกว่ามาตรฐานรถส่วนใหญ่ที่อยู่ในตลาดมือสอง ตัวถังและสียังคงสภาพดีเยี่ยมแม้จะผ่านการใช้งานมาหลายปี วัสดุโลหะจากสวีเดนขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแรงและทนต่อการกัดกร่อนได้ดี พิสูจน์ให้เห็นจากรถที่วิ่งมาไกลแล้วยังไม่เกิดสนิมหรือผุพังให้เห็นง่าย ๆ จุดที่อาจพบการสึกหรอได้บ้างคือบริเวณซุ้มล้อและมือจับประตู ซึ่งอาจมีรอยถลอกหรือสีลอกเล็กน้อยตามกาลเวลา แต่โดยรวมถือว่ายังน่าประทับใจ
กระจกมองข้างแบบพับไฟฟ้าที่มีในหลายรุ่นย่อยอาจเริ่มมีเสียงหรือฝืดหลังใช้งานไปนาน ๆ ปัญหานี้มักแก้ได้ง่ายด้วยการเติมจาระบีหรือสารหล่อลื่น แต่หากชิ้นส่วนภายในเสียหายจริง อาจต้องเปลี่ยนขายึดหรือกลไกพับใหม่
ส่วนไฟหน้าโดยเฉพาะในรุ่นปรับโฉม (facelift) บางคันอาจพบว่ามีฝ้าหรือไอน้ำเกาะภายในตัวโคมไฟในบางสภาพอากาศ สาเหตุหลักมาจากการซีลขอบที่ไม่แน่นหนาพอ ทำให้ความชื้นเล็ดลอดเข้าไปได้ จุดที่มักเกิดปัญหาคือด้านบนของโคมและมุมใกล้ซุ้มล้อ วิธีแก้คือถอดโคมไฟออก ทำความสะอาด แล้วเพิ่มชั้นซีลก่อนประกอบกลับ ซึ่งไม่ใช่งานซ่อมที่ยุ่งยากนัก
กลไกล็อกประตูในรถวอลโว่ S60 เจเนอเรชันที่ 2 อาจมีอาการรวนได้เป็นครั้งคราว โดยเฉพาะมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่ใช้ในระบบล็อก หากประตูไม่ตอบสนองต่อมือจับด้านนอกแต่ยังเปิดได้จากด้านใน สาเหตุอาจมาจากสายเคเบิลขาด สามารถเปลี่ยนเฉพาะจุดได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนทั้งชุดล็อก

สำหรับรถคันที่มีระบบกุญแจ Keyless entry อาจพบปัญหาในระบบเซนเซอร์บริเวณมือจับประตู สาเหตุมาจากสายไฟเกิดชำรุดเนื่องจากการหักงอหรือมีน้ำซึมเข้าในจุดเชื่อมต่อ หากระบบหยุดทำงาน การเปลี่ยนมือจับพร้อมชุดสายไฟจะแก้ปัญหาได้จบที่สุด
กระจกบังลมหน้าของ S60 เจเนอเรชันที่ 2 มีความทนทานในระดับที่ดีแต่ก็ยังมีโอกาสเกิดรอยขีดข่วนหรือรอยหินดีดได้ตามสภาพการใช้งาน รถรุ่นปรับโฉมจะมีฟีเจอร์เสริมอย่างกระจกบังลมแบบทำความร้อนไฟฟ้าเต็มบาน ซึ่งช่วยละลายฝ้าบนกระจกได้อย่างรวดเร็ว เหมาะกับการใช้งานในสภาพอากาศเย็นหรือฝนตก
ความสะดวกสบายและคุณลักษณะภายในรถ volvo S60

ห้องโดยสารของ รถ volvo S60 เจเนอเรชันที่ 2 ให้ความรู้สึกเรียบหรูและใช้งานได้จริง วัสดุภายในโดยรวมมีคุณภาพดี ทนทานต่อการใช้งานระยะยาว แต่ก็มีบางจุดที่เริ่มเสื่อมสภาพตามกาลเวลา หนึ่งในปัญหาที่พบได้บ่อยคือเสียงหวีดหรือหอนจากมอเตอร์พัดลมแอร์ โดยเสียงจะมาจากบริเวณหลังช่องเก็บด้านหน้าฝั่งผู้โดยสาร แม้ว่าการหล่อลื่นอาจช่วยลดเสียงได้ชั่วคราว แต่ในระยะยาวมักต้องเปลี่ยนพัดลมใหม่เพื่อให้ระบบทำงานเงียบและมีประสิทธิภาพ
อีกปัญหาที่มักเกิดในช่วงหน้าร้อนคือพัดลมแอร์ทำงานต่อแม้จะดับเครื่องยนต์แล้ว ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มาจากเทอร์มิสเตอร์ในระบบควบคุมอุณหภูมิทำงานผิดปกติ หากปล่อยไว้อาจทำให้แบตเตอรี่หมดไว วิธีแก้คือต้องเปลี่ยนเทอร์มิสเตอร์ใหม่ ซึ่งเป็นงานซ่อมที่ไม่ยุ่งยากมากนัก
สำหรับรถคันที่มาพร้อมหลังคาซันรูฟ ควรใส่ใจเรื่องการดูแลรักษารางระบายน้ำซึ่งมีหน้าที่พาน้ำจากรางซันรูฟไหลลงใต้ตัวรถ ถ้ารางอุดตัน น้ำจะไหลย้อนเข้าห้องโดยสาร ทำให้บริเวณเสา A-pillar เปียกและแฉะใต้พรมได้ ซึ่งจุดนั้นเป็นที่วางชุดควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ ECU และโมดูลต่าง ๆ หากน้ำซึมไปถึงอาจทำให้เกิดความเสียหายได้อย่างรุนแรง ดังนั้นควรทำความสะอาดรางระบายน้ำอย่างน้อยทุก 1 - 2 ปีเพื่อป้องกันปัญหา
ในบางคันที่ใช้เกียร์อัตโนมัติ อาจพบว่าไฟแสดงตำแหน่งเกียร์ที่อยู่บนคันเกียร์ดับหรือทำงานไม่สม่ำเสมอ ปัญหานี้มักเกิดจากสายไฟหรือหัวเชื่อมที่เริ่มเสื่อม การเปลี่ยนสายไฟหรือซ่อมจุดเชื่อมต่อสามารถแก้ปัญหาได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนทั้งชุด
ระบบหล่อเย็นและปรับอากาศ
ระบบหล่อเย็นของ Volvo S60 เจเนอเรชันที่ 2 ถือว่ามีความทนทานพอตัว แต่ก็มีรายละเอียดบางจุดที่ควรใส่ใจ โดยเฉพาะพัดลมหม้อน้ำที่อาจหยุดทำงานไปเฉย ๆ แบบไม่ทันตั้งตัว ปัญหาหลักมักเกิดจากมอเตอร์ของพัดลมที่สึกหรอไปตามอายุการใช้งาน หากพบอาการนี้ ควรให้ช่างไฟฟ้าที่มีประสบการณ์เป็นคนซ่อมหรือเปลี่ยนพัดลมหม้อน้ำใหม่ทั้งตัวไปเลยหากซ่อมแล้วไม่หาย
อีกจุดที่ควรระวังคือชุดควบคุมพัดลมที่ติดอยู่ด้านหลังตัวพัดลม หากพัดลมทำงานไม่สม่ำเสมอหรือติด ๆ ดับ ๆ อาจมีความผิดปกติที่บอร์ดควบคุม บางกรณีสามารถถอดซ่อมเฉพาะบอร์ดได้ แต่ถ้าชิ้นส่วนภายในไหม้หรือเสียหายมาก ก็อาจต้องเปลี่ยนทั้งชุด
สิ่งสำคัญอีกอย่างที่เจ้าของรถ S60 เจเนอเรชันที่ 2 มักมองข้ามคือการรักษาความสะอาดระหว่างหม้อน้ำหลักกับคอนเดนเซอร์แอร์ พื้นที่แคบ ๆ ระหว่างชิ้นส่วน 2 ชิ้นนี้มักเต็มไปด้วยฝุ่น เศษใบไม้ หรือคราบน้ำมันที่สะสมจนทำให้ระบบระบายความร้อนได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ แนะนำให้ถอดออกมาทำความสะอาดอย่างน้อยปีละครั้ง และควรเปลี่ยนน้ำหล่อเย็นตามระยะเพื่อยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์
ในด้านระบบปรับอากาศ ช่วงปีแรก ๆ ที่ S60 วางขายมีการร้องเรียนเรื่องเสียงหึ่ง ๆ จากท่อด้านบนของคอมเพรสเซอร์ ซึ่งในรุ่นหลังได้รับการแก้ไขโดยเปลี่ยนมาใช้ท่อรุ่นใหม่ที่ลดแรงสั่นสะเทือนได้ดีกว่า หากรถยังใช้ท่อรุ่นเก่าอยู่ เสียงรบกวนระหว่างใช้งานแอร์อาจยังพบได้
ในรุ่นปรับโฉม S60 มีการเปลี่ยนระบบพวงมาลัยมาใช้แบบไฮดรอลิกที่ควบคุมด้วยปั๊มไฟฟ้าที่แช่อยู่ในถังน้ำมันพวงมาลัย ระบบนี้ไวต่อคุณภาพของน้ำมันมาก ถ้าน้ำมันเก่าหรือมีเศษผงปนเปื้อน จะทำให้ปั๊มหรือชุดควบคุมเสียหายได้ง่าย ดังนั้นควรเปลี่ยนน้ำมันพวงมาลัยตามระยะ และหากพบว่าถังน้ำมันมีสิ่งสกปรกมากหรือไส้กรองหยาบเริ่มตัน ก็ควรเปลี่ยนถังใหม่ทั้งใบเพื่อป้องกันปัญหาล่วงหน้า
เครื่องยนต์ของ Volvo S60 เจเนอเรชันที่ 2

Volvo S60 เจเนอเรชันที่ 2 มีจำหน่ายในเมืองไทยหลัก ๆ 2 เครื่องยนต์ ได้แก่ เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร ไม่มีเทอร์โบ 203 แรงม้า ที่ทำตลาดในช่วงแรก ๆ ของการเปิดตัวในไทย ตามมาด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว 1.6 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 240 นิวตันเมตร เครื่องยนต์รุ่นนี้เติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ได้
เครื่องยนต์เบนซินทั้ง 2 รุ่นของ S60 เจเนอเรชันที่ 2 เป็นเครื่องยนต์ที่พัฒนาโดย Ford จุดเด่นคือให้สมรรถนะดี ปล่อยมลพิษต่ำเทียบเท่ารถอีโคคาร์ และประหยัดเชื้อเพลิง แต่ก็ยังพบปัญหาจุกจิกอยู่บ้าง เช่น เสียงเคาะจากการจุดระเบิดผิดจังหวะ ซึ่งมักมีต้นเหตุมาจากการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพต่ำ และยังพบปัญหาน้ำมันเครื่องรั่วซึมจากซีลที่เสื่อมสภาพ
อย่างไรก็ตาม ปัญหาเหล่านี้สามารถป้องกันได้ด้วยการเลือกใช้เชื้อเพลิงเกรดดี เช่น แก๊สโซฮอล์ 95 หรือเบนซิน 95 แท้ และลดรอบการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องลงเหลือราว 10,000 กม.
เกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่

Volvo S60 เจเนอเรชันที่ 2 ที่ขายในไทยติดตั้งเกียร์เกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 สปีด รุ่น MPS6 จุดเด่นคือส่งกำลังต่อเนื่องไม่มีขาดตอน ไม่ต้องมีทอร์กคอนเวอร์เตอร์และไม่เกิดการเสียแรงบิด จึงเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็ว ราบรื่น และรักษาอัตราเร่งได้อย่างต่อเนื่องขณะที่มีการเปลี่ยนเกียร์
อย่างไรก็ตาม เกียร์รุ่นนี้มีจานคลัตช์จุ่มอยู่ในอ่างน้ำมันเกียร์และยังใช้ชุดไฮดรอลิกควบคุมด้วย ถือว่ามีชิ้นส่วนที่ค่อนข้างเยอะและค่อนข้างอ่อนไหวต่อคุณภาพของน้ำมันเกียร์ การใช้งานแนะนำให้เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุก 40,000 กม. รวมทั้งเปลี่ยนกรองเกียร์ภายนอก นอกจากนี้ ถ้าเป็นไปได้แนะนำให้ติดตั้งออยเกียร์เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อน
ปัญหาที่พบได้ในเกียร์รุ่นนี้คือเมื่อใช้งานรถเกิน 100,000 กม. เกียร์อาจเริ่มแสดงอาการของความผิดปกติ เล่น เปลี่ยนเกียร์ไม่ราบรื่น มีอาการกระตุกเล็ก ๆ ขณะเปลี่ยนเกียร์ ปัญหาเหล่านี้อาจแก้ไม่หายด้วยการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตามปกติเพราะเป็นการสึกหรอของตัวชิ้นส่วนให้ห้องเกียร์ เช่น เฟือง ฟลายวีล คลัทช์ ทำให้ฝุ่นโลหะปรากฏในน้ำมัน เกิดการกระแทกของคลัทช์ และน้ำมันอาจเริ่มรั่วผ่านซีลบนฝาครอบคลัทช์ กรณีนี้ การเปลี่ยนชิ้นส่วนตัวที่สึกหรอในเกียร์อาจช่วยได้ แต่อะไหล่ค่อนข้างหายากและต้องให้ช่างที่มีความเชี่ยวชาญเป็นผู้ซ่อม ซึ่งค่าใช้จ่ายไม่ถูกเลย วิธีป้องกันคือการขับขี่รถอย่างทะนุถนอมให้ยาวนานที่สุด
ระบบเบรกและช่วงล่าง
Volvo S60 เจเนอเรชันที่ 2 มาพร้อมกับเบรกมือไฟฟ้าซึ่งใช้เซอร์โวมอเตอร์ควบคุมการทำงานกับคาลิเปอร์เบรกหลัง จุดอ่อนของระบบนี้คือชุดเกียร์ทดของเซอร์โวที่อาจเสียหายจากสิ่งสกปรกหรือความชื้นที่แทรกเข้าไปภายใน โดยเฉพาะในรถที่ใช้งานมาแล้วราว 5 - 7 ปี หากเฟืองภายในสึกหรอจนมากเกินไป มักต้องเปลี่ยนชุดเกียร์ทดทั้งชุด แม้ว่าเซอร์โวจะสามารถถอดออกได้ง่ายและมีอะไหล่ซ่อมแซมแยกจำหน่ายในบางกรณี
ระบบกันสะเทือนด้านหน้าของ S60 ใช้แบบแมคเฟอร์สันสตรัทร่วมกับปีกนกสามเหลี่ยม จุดอ่อนที่พบบ่อยคือบูชยางด้านหลังของปีกนกที่เริ่มแตกร้าวเมื่อใช้งานถึงราว 100,000 กม. เมื่อบูชเสื่อมจะสังเกตได้จากอาการโคลงตัวของรถขณะเบรกหรือลงหลุม ลูกหมากของปีกนกแม้จะถูกออกแบบให้ขายพ่วงกับตัวแขน แต่ก็สามารถเปลี่ยนแยกได้โดยตัดหมุดเดิมออกและติดตั้งลูกหมากทดแทนที่มาพร้อมสลักเกลียว
แบริ่งรองรับด้านบนของโช้คหน้าไม่ได้รับการป้องกันจากฝุ่นและน้ำได้ดีนัก จึงมักเริ่มมีเสียงลั่นหรือฝืดเมื่อใช้รถผ่าน 120,000 กม. ส่วนคันส่งพวงมาลัยและปลายคันส่งพวงมาลัยสามารถเปลี่ยนแยกกันได้ตามปกติ เหล็กกันโคลงหน้าโดยเฉลี่ยมีอายุใช้งานราว 50,000 กม. ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพถนนและลักษณะการขับขี่ ลูกปืนดุมล้อหน้าของ S60 บางคันเริ่มมีเสียงดังเมื่อใช้รถเกิน 150,000 กม. สามารถเปลี่ยนเฉพาะดุมได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนแกนล้อ
ช่วงล่างด้านหลังของ S60 เจเนอเรชันที่ 2 ใช้ระบบมัลติลิงก์โดยแต่ละล้อจะมีแขนควบคุมถึง 4 จุด จุดที่มักเสียก่อนคือบูชยางของแขนด้านหน้าซึ่งเมื่อสึกหรอจะทำให้เกิดเสียงดังและความรู้สึกหลวมของล้อหลัง ผู้ผลิตบางรายมีชุดซ่อมที่รวมบูชยางและสกรูยึดมาให้เรียบร้อย ส่วนแขนควบคุมที่สั้นที่สุดในชุดก็มีแนวโน้มสึกหรอเร็วเช่นกัน
นอกจากนี้ S60 ในบางรุ่นย่อยยังมีการติดตั้งโช้คอัพแบบควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งให้สมรรถนะที่ดีและความนุ่มนวลได้ดี แต่หากเกิดการรั่วซึมมักต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งต้นเนื่องจากโช้คอัพมีความซับซ้อนและซ่อมยาก
บทสรุป: รถ volvo S60 รุ่น 2 น่าซื้อหรือไม่?

Volvo S60 เจเนอเรชันที่ 2 โดยเฉพาะรุ่นปรับโฉม Facelift ในช่วงปลายอายุตลาด ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุดสำหรับคนที่กำลังมองหาซีดานระดับกลางที่แตกต่างจากรถญี่ปุ่นหรือรถเยอรมันทั่วไป ด้วยการออกแบบที่เรียบหรูแบบสแกนดิเนเวียน และสมรรถนะที่เน้นความมั่นใจในการขับขี่มากกว่าความแรงและความสปอร์ต
จุดเด่นของ S60 เจเนอเรชันที่ 2 คือโครงสร้างตัวถังที่แข็งแรง มีระบบความปลอดภัยครบถ้วนตั้งแต่โรงงาน และการออกแบบเครื่องยนต์-เกียร์ที่แม้จะมีจุดอ่อนบางประการ แต่เมื่อได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมแล้ว รถคันนี้สามารถใช้งานได้ยาวนานนับแสนกิโลเมตรโดยไม่มีปัญหาใหญ่ให้หนักใจ
ในแง่ของตลาดรถมือสองในประเทศไทย Volvo S60 รุ่นนี้มีราคาค่อนข้างสมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้รับ อย่างไรก็ตาม การจะเล่นรถยุโรปมือสองเจ้าของต้องใส่ใจเรื่องการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์เทอร์โบที่ไวต่อคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันเครื่อง หากเจอคันที่มีประวัติการดูแลชัดเจน เข้าศูนย์หรืออู่ที่ไว้ใจได้อยู่เสมอ S60 ก็พร้อมจะตอบแทนคุณด้วยความนุ่มนวล ความปลอดภัย และบุคลิกที่แตกต่างอย่างชัดเจน
สิ่งที่ควรตรวจสอบเป็นพิเศษก่อนตัดสินใจซื้อ S60 เจเนอเรชันที่ 2 มือสองคือเกียร์อัตโนมัติ ระบบช่วงล่าง และระบบไฟฟ้า เช่น เบรกมือไฟฟ้าและระบบแอร์ ควรตรวจเช็กให้แน่ใจก่อนซื้อมาจะไม่มีปัญหาใด ๆ ตามมา เพราะหากระบบพวกนี้เสียหาย คุณอาจเจอค่าซ่อมสูงมาก
โดยรวมแล้ว ถ้าคุณเบื่อรถตลาด อยากได้รถยุโรปที่ดูภูมิฐาน ขับดี และไม่ซ้ำใคร Volvo S60 เจเนอเรชันที่ 2 ควรอยู่ในลิสต์การพิจารณาของคุณ และหากเจอคันที่สภาพดี ประวัติดี ราคาเหมาะสม ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ
ค้นหา volvo s60 มือสอง ( ปี 2011 – 2015) ที่ใช่สำหรับคุณ
เรารวบรวมประกาศขาย volvo s60 มือสองจาก Facebook Marketplace, Kaidee, One2Car และ TaladRod มาไว้ในที่เดียว
เปรียบเทียบราคาวอลโว่มือสองพร้อมเช็คประเภทผู้ขาย แล้วเลือกคันที่ตรงใจคุณได้ง่ายๆ
พบกับ วอลโว่มือสองมากมายที่นี่ → volvo s60 มือสอง
- กรุงเทพมหานคร, 500 km
- ยี่ห้อ: Volvo
- รุ่น: S60
- ปี: 2009-2018
- แหล่งที่มา: Facebook, Kaidee, One2Car, TaladRod