Volkswagen T5 Multivan / Caravelle มือสองยังน่าเล่นไหม? ฟีเจอร์เด่น ข้อดีข้อเสียครบ

Volkswagen T5 คือสมาชิกรุ่นที่ 5 ของตระกูลรถตู้ระดับตำนานจากค่ายรถเยอรมันอย่าง Volkswagen เปิดตัวครั้งแรกในปี 2003 มีการปรับโฉม 1 ครั้งในปี 2010 และอยู่ในสายการผลิตยาวนานจนถึงปี 2015 ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยรุ่น T6 ที่ยังคงใช้พื้นฐานทางวิศวกรรมเดิมเป็นส่วนใหญ่ การเปลี่ยนผ่านระหว่างรุ่นจึงไม่ได้เป็นการพลิกโฉมทั้งหมด แต่เน้นไปที่การปรับปรุงรายละเอียดสำคัญ เช่น วัสดุภายใน รูปลักษณ์ภายนอก สมรรถนะของเครื่องยนต์ และระบบส่งกำลัง เพื่อให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานยุคใหม่มากยิ่งขึ้น
T5 มีชื่อเรียกที่แตกต่างกันตามรูปแบบตัวถัง ได้แก่ Transporter (รุ่นพื้นฐานเน้นบรรทุก), volkswagen caravelle (รุ่นโดยสารสำหรับครอบครัวหรือองค์กร) และ Multivan (รุ่นท็อปที่เน้นความหรูหราและความอเนกประสงค์) จุดเด่นของ T5 คือความหลากหลายในการดัดแปลงใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นรถตู้โดยสาร รถบรรทุกขนาดย่อม หรือแม้แต่รถบ้านที่พบเห็นได้บ่อยในตลาดยุโรป ตัวถังมีให้เลือกทั้งแบบสั้นและยาว พร้อมแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาให้รองรับการตกแต่งเฉพาะทาง
สำหรับในตลาดรถยนต์มือสองของประเทศไทย Volkswagen T5 จัดว่าเป็นรถที่มีความนิยมเฉพาะกลุ่ม โดยเฉพาะในหมู่ผู้ที่ชื่นชอบรถยุโรปขนาดใหญ่รถตู้โฟล์คให้ความรู้สึกพรีเมียมและมีสมรรถนะเหนือรถตู้ญี่ปุ่นทั่วไป T5 ได้รับความสนใจจากผู้ใช้ที่ต้องการรถสำหรับงานรับส่งบุคคล VIP, กลุ่มนักธุรกิจ หรือกลุ่มคนสาย Van Life ที่ใช้ชีวิตเดินทางไปกับรถตู้คู่ใจและดัดแปลงเป็นรถบ้านที่เต็มไปด้วยความสะดวกสบายสำหรับการอยู่อาศัย
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ต้องพิจารณาเมื่อต้องการเป็นเจ้าของ Volkswagen T5 คือเรื่องค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงและอะไหล่ ซึ่งอาจสูงกว่ารถตู้ค่ายญี่ปุ่น แต่ด้วยความแข็งแรงของโครงสร้าง ระบบช่วงล่างที่แน่นหนา และอารมณ์การขับขี่แบบยุโรป T5 ยังคงเป็นรถที่มีเสน่ห์และมีตลาดรองรับในกลุ่มผู้ใช้งานที่เข้าใจรถประเภทนี้เป็นอย่างดี
บทความนี้ชวนมารู้จัก Volkswagen T5 ทุกแง่มุม สำรวจจุดเด่น ข้อดี-ข้อเสีย ปัญหาที่พบ รวมถึงคำแนะนำในการใช้งานและการบำรุงรักษาสำหรับคนต้องการซื้อรถรุ่นนี้มือสอง
ตัวถังและรูปลักษณ์ภายนอก volkswagen caravelle

รถตู้โฟล์ค T5 โดดเด่นด้วยโครงสร้างตัวถังที่แข็งแรงทนทานและชั้นสีตัวถังจากโรงงานที่มีคุณภาพสูง ซึ่งช่วยให้รถต้านทานการกัดกร่อนและสภาพอากาศได้เป็นอย่างดี แม้จะผ่านการใช้งานมาหลายปีแต่ตัวรถก็ยังคงดูมีเสน่ห์และไม่เก่าเร็วอย่างที่หลายคนกังวล เส้นสายภายนอกของ T5 เน้นความเรียบง่ายแต่เฉียบคม สื่อถึงความเป็นรถยุโรปแท้ที่เน้นทั้งประโยชน์ใช้สอยและความสวยงามควบคู่กันไป
จุดเด่นอีกประการของงานออกแบบคือความสมดุลระหว่างฟังก์ชันและดีไซน์ ตัวถังของ T5 มีรูปทรงที่เน้นพื้นที่ใช้สอยภายในให้มากที่สุด โดยไม่ทำให้รถดูเทอะทะ เส้นแนวข้างและมุมกระจกถูกออกแบบมาอย่างชาญฉลาด ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยและความโปร่งโล่งให้กับห้องโดยสาร ในแง่การใช้งานจริงผู้ใช้จำนวนไม่น้อยยืนยันว่าแม้รถจะดูเรียบแต่เมื่อได้ลองใช้งานจริงกลับรู้สึกว่ามีความคลาสสิกและ "ดูแพง" อยู่ในตัว
อย่างไรก็ตาม T5 ที่ใช้งานมานานก็อาจเริ่มแสดงสัญญาณของอายุบ้าง เช่น สีถลอกเล็ก ๆ หรือคราบสกปรกที่ฝังแน่นในจุดที่เข้าถึงยาก ในรุ่นปีแรก ๆ มือจับประตูที่เคลือบสีมาอาจมีปัญหาสีลอกหรือกะเทาะหลังใช้งานไปสักระยะ ซึ่งเป็นปัญหาที่ผู้ใช้หลายคนพบเจอ แต่ในรุ่นปรับโฉมหลังปี 2010 เป็นต้นไป Volkswagen ได้ปรับปรุงวัสดุและกรรมวิธีการผลิตให้ดีขึ้น ปัญหานี้จึงถูกแก้ไขไปแล้ว
อีกจุดหนึ่งที่ทำให้ T5 เป็นที่น่าสนใจในสายตาคนรักรถคือความสามารถในการปรับแต่ง ไม่ว่าจะเป็นการติดชุดแต่งรอบคัน ล้อแม็กขนาดใหญ่ ไฟหน้า LED หรือแม้แต่การเปลี่ยนโทนสีทั้งคันก็สามารถทำได้อย่างกลมกลืนโดยไม่ทำให้รถเสียเอกลักษณ์เดิมไป ความยืดหยุ่นนี้ทำให้ T5 เป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมสำหรับสายแต่ง สายแคมเปอร์ และผู้ประกอบการที่ต้องการยกระดับภาพลักษณ์ธุรกิจ
ภายในและฟังก์ชันการใช้งาน

หนึ่งในจุดเด่นที่ทำให้ Volkswagen T5 แตกต่างจากรถตู้ทั่วไปคือประตูบานสไลด์ด้านข้าง ซึ่งออกแบบมาเพื่อความสะดวกในการเข้า-ออกห้องโดยสาร ประตูนี้เปิดได้กว้างและแทบไม่กินพื้นที่ด้านข้างเลย ถือเป็นฟีเจอร์ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในเมือง อย่างไรก็ตาม ในรถที่ผ่านการใช้งานมาหลายปี ชิ้นส่วนบางจุด เช่น ลูกล้อเลื่อนหรือรางนำประตูอาจเริ่มเสื่อมสภาพ ซึ่งส่งผลให้ประตูมีเสียงดังหรือรู้สึกฝืดเมื่อขับผ่านถนนขรุขระ แต่ก็สามารถซ่อมหรือเปลี่ยนได้ไม่ยาก
ห้องโดยสารของ T5 กว้างขวางกว่าที่เห็นจากภายนอกมาก การออกแบบเน้นความยืดหยุ่นและการใช้งานจริงเป็นหลัก ภายในสามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุดถึง 9 คน (ในบางรุ่น) พร้อมพื้นที่สัมภาระด้านหลังที่ยังคงเหลือใช้งานได้จริง เบาะนั่งหลายตำแหน่งสามารถพับ พับแยก หรือถอดออกได้ ทำให้เหมาะทั้งกับการเดินทางเป็นหมู่คณะ การใช้งานในเชิงพาณิชย์ หรือแม้แต่การดัดแปลงเป็นรถบ้าน
โดยเฉพาะในรุ่น Multivan ซึ่งถือเป็นรุ่นสูงสุดของไลน์ T5 จะมาพร้อมเบาะแบบ Captain Seat ที่หมุนได้ 180 องศา มีโต๊ะกลางพับเก็บได้ รวมถึงวัสดุภายในที่ดูหรูหราและนุ่มนวลกว่ารุ่นพื้นฐาน จึงตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการความสบายในระดับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล
แผงหน้าปัดของ T5 ได้รับการออกแบบมาอย่างสมเหตุสมผล ทุกปุ่มควบคุมและจอแสดงผลถูกจัดวางไว้ในตำแหน่งที่ใช้งานง่าย แม้จะไม่มีดีไซน์หวือหวาแบบรถยุโรปบางรุ่น แต่เน้นความชัดเจนและความทนทานเป็นหลัก มาตรวัดแบบเข็มอ่านค่าได้แม่นยำ ส่วนในรุ่นที่มีอุปกรณ์ครบครัน จะมาพร้อมฟีเจอร์ทันสมัย เช่น ระบบนำทาง Navigation, ระบบเครื่องเสียงพร้อมหน้าจอมัลติมีเดีย, ระบบควบคุมอุณหภูมิแบบแยกโซน, ที่วางแก้วหลายจุด, ช่องเสียบไฟฟ้าหลายตำแหน่ง และในบางรุ่นมีม่านบังแดดไฟฟ้าสำหรับผู้โดยสารตอนหลังด้วย
แม้จะเป็นรถตู้ แต่ภายในของ T5 ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับรถ SUV มากกว่ารถเชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะในแง่ของความเงียบภายในห้องโดยสาร การเก็บเสียงทำได้ดี ช่วยให้การเดินทางระยะไกลเป็นเรื่องสบาย ทั้งคนขับและผู้โดยสาร
ระบบปรับอากาศ
ระบบปรับอากาศของ Volkswagen T5 โดยเฉพาะในรุ่นที่ออกแบบมาสำหรับผู้โดยสารอย่าง Caravelle และ Multivan มีการแยกเป็น 2 ชุดสำหรับตอนหน้าและตอนหลัง ช่วยให้ความเย็นกระจายได้ทั่วถึงทั่วทั้งห้องโดยสาร อย่างไรก็ตาม มีบางจุดที่ผู้ใช้งานควรระวังได้แก่คอมเพรสเซอร์แอร์ที่เป็นหัวใจหลักของระบบทำความเย็น ถ้ารถใช้งานหนัก เปิดแอร์ตลอดเวลาโดยไม่พัก หรือจอดตากแดดนาน ๆ คอมเพรสเซอร์อาจเสื่อมเร็วขึ้น
สิ่งที่แตกต่างจากรถรุ่นอื่นคือ T5 ใช้พูลเลย์ของคอมเพรสเซอร์แอร์ร่วมกับตัวลดแรงสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์ ข้อดีคือคอมแอร์ทำงานเงียบและลดแรงกระชากในสายพาน แต่หากตัวลดแรงสั่นสะเทือนเริ่มสึกหรอ อาการที่มักพบคือคอมเพรสเซอร์จะหยุดหมุนไปเฉย ๆ หรือมีเสียงดังผิดปกติ ซึ่งอาจทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าคอมเพรสเซอร์เสียทั้งลูก ทั้งที่จริงอาจซ่อมแค่ชิ้นเดียวได้ในราคาที่ถูกกว่า
เครื่องยนต์ของ Volkswagen T5

สำหรับใครที่กำลังมองหา Volkswagen T5 หนึ่งในหัวข้อที่ต้องให้ความสำคัญคือเครื่องยนต์ เพราะเป็นตัวแปรหลักที่ส่งผลทั้งต่อสมรรถนะ การดูแลรักษา และความคุ้มค่าในระยะยาว ซึ่ง T5 ในตลาดมือสองของเมืองไทยในปัจจุบันส่วนใหญ่จะรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล แบ่งเป็น 2 รุ่น หลัก ๆ ได้แก่ ดีเซล 2.5 ลิตร TDI และ 2.0 ลิตร TDI
เครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร TDI
เครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร TDI ติดตั้งมาใน Volkswagen T5 รุ่นก่อนปรับโฉม (ปี 2003–2009) จุดเด่นของเครื่องรุ่นนี้คือมีจำนวน 5 สูบ ที่ให้กำลังและแรงบิดที่ดี แต่ต้องยอมรับว่าเครื่องรุ่นนี้มีเสียงบ่นในวงการพอสมควร โดยเฉพาะจากผู้ใช้ที่ไม่คุ้นกับเทคโนโลยีเครื่องดีเซลเยอรมันรุ่นเก่า
เครื่องดีเซลบล็อกนี้ไม่มีสายพานไทม์มิ่งแต่ใช้ระบบเฟืองขับซึ่งดูเหมือนจะทน แต่จริง ๆ แล้วเฟืองพวกนี้ต้องการการหล่อลื่นที่มากกว่าเครื่องยนต์ดีเซลทั่วไปเพราะขณะทำงานจะเกิดแรงเสียดสีที่มากกว่า โดยเฉพาะเวลาใช้งานรอบสูงต่อเนื่องเป็นเวลานาน ประกอบกับผิวเคลือบชิ้นส่วนที่ค่อนข้างบางทำให้เกิดการสึกหรอเร็วกว่าปกติ ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดกับผู้ใช้ในไทยอยู่ไม่น้อย
หากคุณเจอ T5 มือสองที่ใช้เครื่อง 2.5 TDI และบำรุงดูแลดีก็ถือว่าโชคดี แต่ถ้าไม่แน่ใจในประวัติการดูแล อาจต้องเตรียมใจไว้ระดับหนึ่งกับค่าใช้จ่ายในการดูแลที่ค่อนข้างสูง
เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 TDI Commonrail
ตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นไป Volkswagen ปรับปรุง T5 ใหม่ โดยเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 TDI ที่มาพร้อมระบบ Common Rail ที่ทันสมัยและเชื่อถือได้กว่ารุ่นก่อน เครื่อง 2.0 TDI นี้มีหลายเวอร์ชัน กำลังเริ่มต้นตั้งแต่ 102 แรงม้า ไปจนถึง 180 แรงม้าในรุ่นเทอร์โบคู่ ให้สมรรถนะดีกว่ารถตู้ญี่ปุ่นหลายรุ่นในตลาด ถ้าเจอรุ่นนี้ในตลาดมือสองที่สภาพดี ถือว่าน่าเล่น
ระบบหัวฉีดแบบ Common Rail มีข้อดีคือเดินเรียบ เสียงเงียบ และประหยัดกว่าเครื่องดีเซลแบบดั้งเดิม แถมศูนย์บริการหลายแห่งในไทยก็เริ่มมีความเชี่ยวชาญมากขึ้นแล้ว ปัญหาที่มักพบคือ EGR (วาล์วไอเสีย) และ DPF (ตัวกรองเขม่า) ที่อาจอุดตันได้เมื่อใช้งานไปนาน ๆ และดูแลรักษาไม่ดี แต่ก็สามารถจัดการได้ด้วยการล้างหรือรีแมปในบางกรณี
เครื่องยนต์เบนซิน
นอกจากเครื่องยนต์ดีเซลแล้ว ในตลาดเมืองไทยก็ยังมี T5 เครื่องเบนซิน V6 3.2 ลิตรด้วยแต่มีจำนวนน้อยมาก เครื่องยนต์ตัวนี้ให้กำลังสูงถึง 235 แรงม้า แรงบิด 315 นิวตันเมตร จัดเป็นเครื่องยนต์เวอร์ชันที่ทรงพลังที่สุด นอกจากนี้ บล็อกเครื่องยนต์ยังทำจากเหล็กหล่อ มีความแข็งแกร่ง ทนความร้อนและกำลังอัดได้สูง ชิ้นส่วนต่าง ๆ ค่อนข้างทนทาน แต่ปัญหาสำคัญของเครื่องตัวนี้คือค่อนข้างกินจุ
ระบบส่งกำลัง
Volkswagen T5 รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร และเบนซิน V6 3.2 ลิตร ติดตั้งเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วเป็นชุดเกียร์ที่ดีมาก หากได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมก็สามารถวิ่งได้มากกว่า 300,000 กม. ระยะเวลาที่แนะนำในการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์คือทุก 60,000 กม.
หลังการปรับโฉม T5 เปลี่ยนมาใช้เกียร์อัตโนมัติ DSG 7 สปีด นี่คือหนึ่งในเกียร์ DSG ที่ดีที่สุดของ Volkswagen มีความทนทาน ส่งกำลังนุ่มนวล และมีความน่าเชื่อถือสูง หากดูแลดี ๆ ด้วยการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุก 50,000 กม. สามารถวิ่งใช้งานได้มากกว่า 300,000 กม.
ระบบกันสะเทือน
ระบบกันสะเทือนหน้าของ T5 ใช้เป็นแบบแมคเฟอร์สันสตรัทซึ่งถือว่าเป็นรูปแบบช่วงล่างที่แพร่หลาย ดูแลง่าย ชิ้นส่วนน้อย แต่ก็มีจุดที่ต้องระวัง ได้แก่ ลูกปืนโช้คอัพหน้า (Strut Mount Bearing) ที่มักเสื่อมสภาพก่อนเพื่อน โดยเฉพาะถ้ารถบรรทุกของหนักหรือวิ่งบนถนนขรุขระบ่อย ๆ อาการที่พบบ่อยเมื่อมันเริ่มสึกคือ เสียงลั่นหรือเสียงหวิวเวลาเลี้ยว และอาจมีแรงต้านแปลก ๆ ที่พวงมาลัย
เวลาซ่อมลูกปืนโช้คอัพ โดยมากมักจะพ่วงการเปลี่ยนแขนกันโคลง (Stabilizer Arm) ไปด้วย เพราะบูชยางที่ปลายแขนมักสึกพอ ๆ กัน ถ้าจะเปลี่ยนให้จบควรเปลี่ยนทั้งเซต ส่วนบูชปีกนกล่างและลูกหมากล่าง (Ball Joint) สามารถเปลี่ยนแยกชิ้นได้ ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายลงพอสมควร
ลูกปืนล้อของ T5 ทั้ง 4 ล้อถูกอัดเข้ากับดุมล้อ ดังนั้นการเปลี่ยนลูกปืนจึงไม่ใช่เรื่องเล็ก ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะในการถอด อีกจุดที่คนใช้ T5 ควรตรวจเช็กคือร่องเฟือง (Spline) ของเพลาขับล้อหน้าด้านขวา ร่องเฟืองจุดนี้ไม่ได้ซีลหรือป้องกันน้ำและฝุ่นได้ดีเท่าที่ควร ทำให้เมื่อเจอฝุ่นหรือความชื้นเข้าไป น้ำมันหล่อลื่นจะหายไปทีละน้อย นำไปสู่การสึกหรอจนวันหนึ่งจะเริ่มมีอาการ กระตุก กระชาก หรือกระแทกตอนออกตัว
Volkswagen ใช้น้ำมันหล่อลื่นสูตรพิเศษสำหรับจุดนี้ซึ่งมีคุณสมบัติไม่ซึมหายแต่จะเซตตัวเป็นเจลเคลือบชิ้นส่วนไว้ ถ้าเปลี่ยนหรือซ่อมโดยใช้น้ำมันจาระบีทั่วไป มันจะไหลออกอย่างรวดเร็ว ทำให้ชิ้นส่วนสึกไวเกินจำเป็น
ในส่วนของกันสะเทือนหลังมักจะทนทานกว่าด้านหน้าอยู่พอสมควร เพราะไม่มีชุดบังคับเลี้ยวและรับน้ำหนักไม่มากนักในชีวิตประจำวัน โดยมากจะใช้งานได้นานหลายแสนกิโลเมตรก่อนจะมีเสียงหรืออาการโยน แต่เมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนอะไหล่ บูชปีกนกหลังสามารถซื้อแยกเฉพาะชิ้นได้ ไม่ต้องเปลี่ยนยกแขนแบบรถญี่ปุ่นบางรุ่น ซึ่งช่วยลดค่าซ่อมได้มาก
ระบบพวงมาลัย
ระบบพวงมาลัยของ Volkswagen T5 ทุกรุ่นเป็นแบบพวงมาลัยเพาเวอร์ไฮดรอลิก (Hydraulic Power Steering) ให้ความรู้สึกในการขับที่แม่นยำและทนทานกว่าระบบไฟฟ้า แต่เมื่อผ่านการใช้งานมานาน ก็มีหลายจุดที่เริ่มแสดงอาการเสื่อมสภาพ และควรได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด
หนึ่งในอาการที่พบได้บ่อยคือระยะฟรีของพวงมาลัยที่เริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ หรือพูดง่าย ๆ คือ พวงมาลัยหมุนแล้วไม่ตอบสนองในทันทีเหมือนตอนรถใหม่ ซึ่งมักเกิดจากการสึกหรอของเฟืองแร็คพวงมาลัยหรือจุดยึดต่าง ๆ ในระบบ นอกจากนี้ อาการรั่วซึมของน้ำมันพวงมาลัยก็เป็นอีกปัญหาที่พบได้ในรถที่ใช้งานมานาน จุดที่มักเริ่มรั่วก่อนคือข้อต่อของท่อน้ำมันแรงดันสูงและบริเวณที่เชื่อมต่อกับหม้อน้ำระบายความร้อนของระบบพวงมาลัย หากมีคราบน้ำมันหยดลงพื้นตอนจอด หรือพบว่าน้ำมันในหม้อพักลดลงผิดปกติ ควรรีบตรวจสอบทันที เพราะหากปล่อยให้รั่วจนแห้งอาจทำให้ปั๊มพวงมาลัยเสียหายได้
สำหรับ T5 รุ่นเครื่องยนต์ 2.5 TDI จะมีรายละเอียดพิเศษคือปั๊มพวงมาลัยในรุ่นนี้ขับเคลื่อนด้วยเฟืองจากเพลาข้อเหวี่ยงซึ่งอยู่ฝั่งเดียวฟลายวีล ปัญหาที่พบได้คือเมื่อซีลภายในปั๊มเริ่มเสื่อม น้ำมันเครื่องจากห้องเครื่องอาจเข้ามาผสมกับน้ำมันพวงมาลัย ส่งผลให้ระบบพวงมาลัยเสื่อมเร็วกว่าปกติเพราะน้ำมันเครื่องมีคุณสมบัติต่างจากน้ำมันพวงมาลัยโดยสิ้นเชิง ในกรณีนี้ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้เด็ดขาดเพราะหากฝืนใช้ไปเรื่อย ๆ จะทำให้เฟืองภายในระบบซีลพังตามไปด้วย ทางเลือกมีทั้งเปลี่ยนปั๊มใหม่ยกชุด หรือหาช่างที่มีประสบการณ์มาเปลี่ยนแค่ซีลภายในก็พอ ซึ่งจะช่วยเซฟค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น
คันชักพวงมาลัยก็เป็นอีกหนึ่งชิ้นส่วนที่ต้องจับตาโดยเฉพาะในT5 รุ่นปีแรก ๆ ของการผลิต ชิ้นส่วนนี้มักมีอายุการใช้งานไม่ทนเท่าที่ควร จุดสึกหรอที่พบคือหัวลูกหมาก (Ball Joint) ที่ต่อกับดุมล้อ หากเริ่มหลวมจะมีเสียงกระแทกเวลาเลี้ยว หรือรู้สึกว่าเลี้ยวไม่แม่นเหมือนเดิม
ในรุ่นแรก ๆ ชิ้นส่วนนี้มักจำหน่ายเป็นชุดรวม ทำให้ค่าซ่อมแพงกว่าแบบที่แยกขาย แต่ในปัจจุบันมีผู้ผลิตอิสระและอะไหล่เบิกแยกชิ้นให้เลือกมากขึ้น ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาได้
คำแนะนำสำหรับเจ้าของ Volkswagen T5
หากคุณเป็นเจ้าของหรือกำลังจะเป็นเจ้าของ Volkswagen T5 การดูแลรักษาที่ถูกต้องและตรงจุดจะช่วยให้รถคันนี้อยู่กับคุณได้ยาวนานและลดความเสี่ยงของปัญหาจุกจิกที่จะตามมา ต่อไปนี้คือคำแนะนำจากประสบการณ์ตรงของเจ้าของหลายราย
- ดูแลเครื่องยนต์ดีเซลอย่างสม่ำเสมอ - เครื่องยนต์ดีเซลของ T5 โดยเฉพาะรุ่น 2.5 TDI ต้องการการดูแลที่ละเอียดมากกว่ารถทั่วไป อย่าตัดค่าใช้จ่ายโดยการใช้น้ำมันเครื่องเกรดต่ำ ควรเลือกน้ำมันเครื่องที่ผ่านมาตรฐานของ Volkswagen และเปลี่ยนตามระยะที่กำหนดอย่างเคร่งครัด หากใช้งานเกินระยะเปลี่ยนถ่ายหรือใช้น้ำมันเกรดต่ำ เครื่องยนต์อาจมีปัญหากับระบบหัวฉีดหรือเทอร์โบได้
- ตรวจเช็กช่วงล่างอย่างต่อเนื่อง - ระบบช่วงล่างของ T5 รับภาระหนักพอสมควร โดยเฉพาะหากใช้รถในการบรรทุกหรือขับผ่านถนนที่ขรุขระเป็นประจำ แนะนำให้ตรวจสภาพของ บูช แขนควบคุม ลูกปืนล้อ และโช้คอัพ ทุก ๆ 30,000 - 50,000 กม. หรือตามอาการ หากเริ่มมีเสียงดังหรือควบคุมรถได้ไม่มั่นใจ ควรรีบตรวจสอบก่อนที่ปัญหาจะลุกลาม
- ระบบแอร์ - ระบบปรับอากาศใน T5 อาจเริ่มมีปัญหาทีละน้อยโดยที่เจ้าของไม่ทันสังเกต เช่น ลมไม่แรง น้ำยาแอร์รั่ว หรือคอมเพรสเซอร์เริ่มมีเสียงผิดปกติ ควรตรวจระดับน้ำยาแอร์และเช็กระบบสายพานขับเคลื่อนคอมเพรสเซอร์ปีละครั้ง หรือตามการใช้งานจริง
- ระบบเกียร์ - ควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุก 50,000 – 60,000 กม. อย่ารอจนเริ่มมีอาการกระตุกหรือเข้าเกียร์ช้า เพราะค่าเปลี่ยนเกียร์ยกชุดไม่ใช่เรื่องเล็ก นอกจากนี้อย่าลืมตรวจสอบซีล และจุดรั่วซึมรอบเกียร์ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับรถที่มีอายุมาก
- เพลาขับ - หนึ่งในจุดอ่อนของ T5 คือร่องเฟืองของหัวเพลาขับที่ไม่มีการซีลกันสิ่งสกปรกได้ดีเท่าที่ควร หากใช้สารหล่อลื่นผิดประเภท หรือปล่อยให้แห้ง จะทำให้เกิดเสียงกระตุกหรืออาการสะดุดตอนออกตัว ต้องตรวจและอัดจาระบีที่เหมาะสมทุกครั้งเมื่อถอดหรือบำรุงระบบขับเคลื่อน
- พวงมาลัย - อย่าลืมเช็กระยะฟรีของพวงมาลัยเป็นระยะ หากเริ่มหมุนแล้วรู้สึกว่าต้องหมุนมากกว่าจะตอบสนอง หรือมีเสียงหอนจากปั๊มพาวเวอร์ อาจมีปัญหาที่ระบบไฮดรอลิกหรือปั๊มเริ่มเสื่อม ตรวจระดับน้ำมันพวงมาลัย และใช้น้ำมันที่ระบุไว้ในคู่มือรถเท่านั้น หลีกเลี่ยงการใช้ของเทียบที่ไม่ได้มาตรฐาน VW
บทสรุป
Volkswagen T5 เป็นรถที่ออกแบบมาเพื่อความอเนกประสงค์ในทุกด้านทั้งในเชิงครอบครัวและธุรกิจ ไม่ว่าจะใช้เป็นรถบ้าน รถขนของ รถแคมเปอร์ หรือรถรับส่งผู้โดยสาร รถรุ่นนี้ตอบโจทย์ได้ครบถ้วน ถึงแม้จะมีจุดที่ต้องใส่ใจมากกว่ารถญี่ปุ่นทั่วไปไม่ว่าจะเป็นเรื่องระบบส่งกำลัง เครื่องยนต์ดีเซล หรือระบบช่วงล่าง แต่หากได้รับการดูแลอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ มันก็สามารถเป็นรถคู่ใจที่ใช้งานได้นานนับแสนกิโลเมตรแบบไม่มีเรื่องปวดหัว
ความนิยมของ T5 มาจากความน่าเชื่อถือจากการเป็นรถเยอรมัน วัสดุและชิ้นส่วนต่าง ๆ มีความแข็งแรงมาตรฐานรถยุโรป ทั้งยังมีพื้นที่ใช้สอยที่ออกแบบมาอย่างชาญฉลาด บวกกับสามารถ customize ได้ตามความต้องการของผู้เป็นเจ้าของ จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมรถรุ่นนี้ถึงยังเป็นที่ต้องการในตลาดรถมือสองแม้จะผ่านการผลิตมาหลายปีแล้ว

หากคุณกำลังมองหา Volkswagen T5 มือสอง สิ่งสำคัญที่สุดคือประวัติการบำรุงรักษาที่ชัดเจน แนะนำว่าควรเลือกรถปีใหม่ ๆ ที่ได้รับการดูแลต่อเนื่อง มีการเปลี่ยนน้ำมันและตรวจเช็กตามระยะ ปัญหาส่วนใหญ่ของรถรุ่นนี้สามารถป้องกันได้ด้วยการใส่ใจบำรุงรักษาและเข้าใจธรรมชาติของรถ รับรองว่า T5 จะเป็นรถตู้ที่คุ้มค่าและใช้งานได้ดีไปอีกหลายปีแน่นอน
ค้นหา รถตู้ครอบครัว Volkswagen T5 (2003-2015) ที่ใช่สำหรับคุณ
เรารวบรวมประกาศขาย volkswagen van มือสองจาก Facebook Marketplace, Kaidee, One2Car และ TaladRod มาไว้ในที่เดียว
เปรียบเทียบราคา เช็คประเภทผู้ขาย แล้วเลือกคันที่ตรงใจคุณได้ง่ายๆ
พบกับ volkswagen caravelle มากมายที่นี่ →รถตู้ครอบครัว Caravelle T5
- กรุงเทพมหานคร, 500 km
- ยี่ห้อ: Volkswagen
- รุ่น: Caravelle
- แหล่งที่มา: Facebook, Kaidee, One2Car, TaladRod