Honda CRV Gen 3 – มือสองยังคงน่าใช้อยู่มั๊ย ?

honda crv เป็นรถยนต์ Crossover SUV ขนาดกลางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของ Honda เริ่มทำตลาดครั้งแรกในช่วงปลายยุค 90s และขายต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน รถยนต์ ฮอนด้าcrv ทุกเจเนอเรชันมาพร้อมกับจุดเด่นด้านความสะดวกสบายและความอเนกประสงค์ รองรับการใช้งานได้ดีทั้งในเมืองและนอกเมือง ขับสบาย ภายในกว้าง และมีเทคโนโลยีความปลอดภัยครบครัน
Honda CR-V เจเนอเรชันที่ 3 เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงและยังน่าใช้งานอยู่ในปัจจุบัน เปิดตัวในประเทศไทยเมื่อปี 2007 พร้อมกับรูปลักษณ์ภายนอกที่เป็นการยกระดับดีไซน์ครั้งใหญ่จากรุ่นก่อนหน้า ขนาดตัวรถใหญ่ขึ้น เน้นดีไซน์โค้งมนที่ดูพรีเมียมมากขึ้น ภายในห้องโดยสารกว้างขวางและจัดวางองค์ประกอบต่าง ๆ ได้ลงตัว มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างครบครัน รวมถึงมีเครื่องยนต์ที่ทรงพลังและขับขี่ได้ดี ถือเป็นรถที่ได้รับความนิยมในเมืองไทยทั้งในกลุ่มครอบครัวและคนที่มองหารถอเนกประสงค์ที่ใช้งานได้หลากหลาย
Honda CR-V เจเนอเรชันที่ 3 ยังเป็นรถที่ทนทาน ดูแลรักษาง่าย ไม่จุกจิก หากดูแลดี ๆ สามารถใช้งานเกิน 100,000 กิโลเมตรโดยไม่มีปัญหาใหญ่ และด้วยราคาขายมือสองที่เข้าถึงง่าย ทำให้ CR-V เจเนอเรชันที่ 3 ยังเป็นรถมือสองที่น่าใช้งานอยู่ในตอนนี้ บทความนี้จะพาไปสำรวจจุดเด่นและปัญหาที่อาจพบใน CR-V เจเนอเรชันที่ 3 เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับผู้ที่กำลังสนใจจะซื้อรถรุ่นนี้มาใช้งาน
ภายนอกและตัวถัง CRV G3

การตรวจเช็กสภาพภายนอกฮอนด้าcrv
สิ่งแรกที่ควรตรวจสอบเมื่อต้องการดูรถ crv g3 คือสภาพภายนอกตัวรถ ได้แก่ สภาพสีและสภาพตัวถัง รถที่มีอายุหลายปีและผ่านการใช้งานมานานมีโอกาสเกิดริ้วรอยได้ เช่น รอยขนแมว รอยสีกะเทาะจากเศษหินหรือการกระแทกเล็ก ๆ โดยเฉพาะบริเวณที่เจอแรงลมปะทะ เช่น กันชนหน้า ฝากระโปรงหน้า กระจกบานหน้า หรือบริเวณซุ้มล้อและประตูด้านข้าง
สภาพของชั้นสีและความเสี่ยงต่อการเกิดสนิม
สามารถตรวจสอบความหนาของชั้นสีได้โดยใช้เครื่องมือวัดความหนาสีรถยนต์ วิธีนี้จะทำให้ทราบถึงความสม่ำเสมอของชั้นสี และทราบได้ว่ารถคันนั้น ๆ ผ่านการทำสีมาหรือไม่ นอกจากนี้ควรตรวจเช็กความลึกของริ้วรอยต่าง ๆ รอบคันรถ ดูว่าริ้วรอยพวกนี้สามารถขัดลบรอยได้หรือไม่ มีความเสี่ยงที่จะเกิดสนิมหรือไม่ หากรอยนั้นลึกจนถึงเนื้อเหล็กจะทำให้ความชื้นและสิ่งสกปรกเข้าไปสะสม นานวันจะกลายเป็นสนิมและทำให้สีรถเสียหาย
ชิ้นส่วนตกแต่งภายนอก
ภายนอกของ Honda CR-V เจเนอเรชันที่ 3 ประกอบด้วยชิ้นส่วนตกแต่งหลายชนิด อาทิ โครเมียม ยาง พลาสติก ควรตรวจดูชิ้นส่วนตกแต่งต่าง ๆ ให้อยู่สภาพดี พลาสติกต้องไม่กรอบแตก ยางต้องไม่แห้งแข็งหรือแตกลายงา โครเมียมต้องมีความใส ไม่มีรอยด่างหรือสนิม
จุดเสี่ยงอื่น ๆ ที่ควรตรวจสอบ
- ขอบกระจกบังลมหน้า: ควรแนบสนิทและไม่มีช่องว่าง เพราะหากมีช่องว่างจะทำให้น้ำหรือฝุ่นเข้าไปสะสม ทำให้น้ำซึมเข้ามาในห้องโดยสารและเกิดคราบเชื้อราและคราบสกปรกรอบ ๆ ขอบกระจก
- ฝากระโปรงท้าย: เป็นจุดที่มักพบสนิมได้บ่อยโดยเฉพาะตามหัวน็อตหรือขอบยาง หากคราบสนิมไม่ลึกสามารถเช็ดทำความสะอาดได้ แต่ถ้าสนิมลึกถึงเนื้อเหล็กควรทำการเคลมสีให้เสร็จเรียบร้อยก่อนรับรถ
- เซนเซอร์ถอยหลัง: มักเสื่อมสภาพจากการอายุการใช้งานที่ยาวนาน โดยเฉพาะรถที่ใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูงหรือมีฝุ่นมาก เซนเซอร์อาจรวนหรือทำงานผิดพลาดได้
ภายในห้องโดยสาร crv g3
Honda CR-V เจเนอเรชันที่ 3 มาพร้อมกับห้องโดยสารที่มีความสะดวกสบายและมีประโยชน์ใช้สอยที่ดี แม้จะใช้งานง่ายและออกแบบมาอย่างเป็นมิตร แต่ก็มีปัญหาที่พบบ่อยในกลุ่มรถประเภทนี้
การสึกหรอของเบาะและวัสดุหุ้ม
เมื่อใช้งานไปนาน ๆ วัสดุภายในห้องโดยสารโดยเฉพาะเบาะนั่งและพนักวางแขนมักแสดงอาการสึกหรอตามอายุการใช้งาน จุดที่พบบ่อยคือพนักวางแขนตรงกลางที่มักแตกร้าวหรือปริตรงตะเข็บ ส่วนเบาะฝั่งคนขับมักมีรอยยุบหรือขาด เพราะเป็นตำแหน่งที่โดนนั่งทับมากที่สุด บางกรณีต้องซ่อมแซมหรือเปลี่ยนเบาะใหม่หากสภาพทรุดโทรมหนัก
คุณภาพของชิ้นส่วนควบคุม
วัสดุที่ใช้กับชิ้นส่วนควบคุมบางจุดอาจมีภาพเสียหายหรือไม่สมบูรณ์ เช่น ปุ่มกดต่าง ๆ ที่เป็นพลาสติกมีโอกาสกรอบ แตก หักได้ง่าย สัญลักษณ์บนปุ่มที่มีโอกาสลอกหรือจาง วัสดุตกแต่งโครเมียมมักหมองหรือมีรอยด่าง ปัญหาเหล่านี้ทำให้รถดูเก่า
หน้าจอแสดงข้อมูลบนคอนโซลกลาง หากใช้งานมานานอาจเจอปัญหาการแสดงผลไม่สมบูรณ์ เช่น ตัวอักษรหาย จอกะพริบ หรือสีหน้าจอซีดจางลง ปัญหานี้สามารถแก้ไขให้จบได้โดยการเปลี่ยนหน้าจอใหม่
ระบบเครื่องเสียง
ระบบเครื่องเสียง Honda CR-V เจเนอเรชันที่ 3 มีทั้งแบบวิทยุ CD 2-DIN และหน้าจอสัมผัส 9 นิ้ว รถที่ใช้งานมานานอาจเกิดปัญหาได้ เช่น หน้าจอซีดจาง แสดงตัวหนังสือไม่ชัด จอค้างหรือตอบสนองช้า รวมถึงปัญหาทั่วไปอย่างเสียงลำโพงบางตัวไม่ออกหรือลำโพงไม่ทำงาน ซึ่งมักเกิดจากจุดสัมผัสหรือชิ้นส่วนเล็ก ๆ เสื่อมสภาพ สามารถซ่อมแซมหรือเปลี่ยนอะไหล่ได้โดยไม่ยุ่งยากนัก
เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง

ตัวเลือกเครื่องยนต์ใน Honda CR-V เจเนอเรชันที่ 3
ในตลาดประเทศไทย Honda CR-V เจเนอเรชันที่ 3 มี 2 เครื่องยนต์ให้เลือก ได้แก่ เบนซิน 2.0 ลิตร และ เบนซิน 2.4 ลิตร ทั้งคู่มากับเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด และมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4WD ให้เลือกใช้
เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร
เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 มีกำลัง 150 แรงม้า ที่ 6,200 รอบต่อนาที เครื่องยนต์รุ่นนี้มีความทนทานที่เชื่อถือได้ ให้สมรรถนะที่เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป หากดูแลดีมักจะไม่มีปัญหาจุกจิกมากนัก สามารถหาเปลี่ยนอะไหล่ต่าง ๆ ได้ง่าย
เครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร
เครื่องยนต์เบนซิน 2.4 มีกำลัง 170 แรงม้า ที่ 5,800 รอบต่อนาที เครื่องยนต์รุ่นนี้มีกำลังสูงกว่า ให้สมรรถนะที่มีความกระฉับกระเฉงมากกว่า เป็นเครื่องยนต์ที่ทนทานและเชื่อถือได้ จุดที่ต้องระวังคืออาการกินน้ำมันเครื่องที่มีโอกาสพบได้ในบางคัน นอกนั้นเป็นการสึกหรอของชิ้นส่วนทั่วไป เช่น ยางแท่นเครื่อง สายพานหน้าเครื่อง หัวเทียน ท่อยางต่าง ๆ เป็นต้น ปัญหาพวกนี้สามารถแก้ให้จบได้ด้วยการดูแลรักษาและเปลี่ยนอะไหล่ตามระยะที่ระบุในคู่มือรถ
ระบบส่งกำลังและระบบขับเคลื่อน

เกียร์อัตโนมัติของ CR-V เจเนอเรชันที่ 3 เป็นระบบทอร์คคอนเวอร์เตอร์แบบ 5 สปีด แพตเทิร์นเกียร์จะเป็น P-R-N-D-2-1 มีโครงสร้างเกียร์ที่แข็งแรงทนทาน ใช้เพลาหลายชุดและคลัตช์เสียดทานในการเปลี่ยนเกียร์ ทำให้ดูแลง่ายและไม่ค่อยมีปัญหาจุกจิก ควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุก 50,000 กม. โดยใช้น้ำมันเกียร์แท้ศูนย์ของ Honda ATF Z1 หรือ ATF DW1 เท่านั้น
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
Honda CR-V เจเนอเรชันที่ 3 มีตัวเลือกระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4WD ให้ใช้ ซึ่งเป็นระบบที่พัฒนาต่อมาจากรุ่นเก่าให้มีความทนทานมากขึ้น ส่งกำลังขับไปล้อหลังได้มากขึ้น เหมาะสำหรับใช้งานในเมืองและถนนลูกรังเบา ๆ ซึ่งล้อหลังจะเริ่มทำงานเมื่อระบบตรวจพบว่ามีความแตกต่างของความเร็วการหมุนระหว่างล้อหน้ากับล้อหลัง
หลักการทำงานของระบบ AWD ใน CR-V เจเนอเรชันที่ 3 คือปกติแล้วรถจะขับเคลื่อนด้วยล้อหน้าเป็นหลัก แต่เมื่อระบบตรวจพบว่าความเร็วการหมุนล้อหน้ากับล้อหลังต่างกัน ระบบจะส่งแรงบิดไปยังล้อหลังได้สูงสุด 35% ช่วยให้ล้อหลังมีแรงขับมากขึ้น ส่งผลให้รถมีการยึดเกาะถนนที่ดีขึ้น
ระบบช่วงล่างและชิ้นส่วนหลัก

Honda CR-V เจเนอเรชันที่ 3 เป็นรถ Crossover SUV ที่ถูกออกแบบมาให้ใช้งานบนถนนดำเป็นหลัก ดังนั้นช่วงล่างและระบบกันสะเทือนจึงปรับเซตโดยเน้นความนุ่มสบาย มีความหนึบและเกาะถนนได้ดี แต่ไม่ค่อยเหมาะสำหรับเส้นทางออฟโรดหรือการลุยมากนัก
ช่วงล่างหน้าและลูกหมาก
ช่วงล่างหน้าของ Honda CR-V เจเนอเรชันที่ 3 มีความทนทาน แต่ลูกหมากมีแนวโน้มสึกหรอมากที่สุดโดยเฉพาะหากขับขี่แบบไม่ถนอมรถ สามารถเปลี่ยนเฉพาะลูกหมากตัวที่เสียได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนทั้งชุด
ช่วงล่างหลัง
ช่วงล่างหลังของ Honda CR-V เจเนอเรชันที่ 3 มักเจอปัญหาเกี่ยวกับบูชยางต่าง ๆ เช่น บูชกันโคลง บูชปีกนก ที่เสื่อมสภาพหรือแตก แก้ให้จบได้โดยการเปลี่ยนบูชตัวใหม่ สามารถใช้อะไหล่แท้ศูนย์หรือใช้อะไหล่เทียบจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือหากต้องการประหยัดงบประมาณ
ปัญหาล้อหลังเอียง (แคมเบอร์)
CR-V เจเนอเรชันที่ 3 บางคันเจอปัญหาล้อหลังเอียง บางคันเอียงมากถึง -6 องศา มักเกิดจากการโก่งของตัวถังหรือข้อจำกัดของช่วงล่าง สามารถแก้ได้โดยการติดตั้งปีกนกปรับองศาร่วมกับการตั้งศูนย์ล้อให้เหมาะสม
ปัญหาของเพลาขับ
Honda CR-V เจเนอเรชันที่ 3 มีโอกาสเจอปัญหาเกี่ยวกับเพลาขับมักสึกหรอเมื่อใช้งานรถเกิน 1 แสนกิโลเมตร โดยอาการที่เจอคือมีเสียงดังเวลาหักเลี้ยว พวงมาลัยมีเสียงกุก ๆ กัก ๆ หากเจอปัญหาเหล่านี้ควรเช็กเพลาขับและเช็กสภาพยางหุ้มเพลาขับ ถ้าขาดควรรีบเปลี่ยนทันที เพื่อป้องกันความชื้นหรือสิ่งสกปรกเข้าไปทำความเสียหายต่อชิ้นส่วนภายใน สามารถใช้เพลาขับของเทียบคุณภาพดีเพื่อลดค่าใช้จ่ายได้ แต่ควรเลือกแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและน่าเชื่อถือ
ลักษณะการติดตั้งล้อ
Honda CR-V เจเนอเรชันที่ 3 ใช้ดุมล้อแบบน็อตกับสตัด ควรขันน็อตล้อด้วยแรงบิดไม่เกิน 110 Nm หากขันแน่นเกินไปอาจทำให้เกลียวรูดเสียหาย การเปลี่ยนต้องถอดดุมล้อ ทำให้เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม
ระบบอิเล็กทรอนิกส์และระบบช่วยเหลือ
การทำงานของระบบอิเล็กทรอนิกส์ภายในรถ Honda CR-V เจเนอเรชันที่ 3 โดยรวมค่อนข้างน่าเชื่อถือ แต่บางระบบอาจมีปัญหาเป็นครั้งคราว
ปัญหาหน้าจอและเซนเซอร์
CR-V เจเนอเรชันที่ 3 บางคันเจอปัญหาหน้าจอ LCD บนหน้าปัดไม่ทำงาน ตัวหนังสือจาง หรือจอกะพริบ เช่นเดียวกับหน้าจอของเครื่องเสียงที่มีปัญหาในทำนองเดียวกัน ปัญหานี้ซ่อมได้ด้วยการเปลี่ยนแค่เฉพาะหน้าจอใหม่
ปัญหาเซนเซอร์
CR-V เจเนอเรชันที่ 3 บางคันมีปัญหาเซนเซอร์กะระยะด้านหลังเสียหรือไม่ทำงาน เมื่อถอยหลังจึงไม่มีเสียงเตือนให้ผู้ขับขี่ทราบ สามารถแก้ได้โดยเปลี่ยนเซนเซอร์ใหม่ทั้งชุด
การดูแลรักษารถยนต์
ของเหลวและการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง
แนะนำว่าเมื่อได้รับรถ CR-V เจเนอเรชันที่ 3 มือสองมาใช้งาน ควรเปลี่ยนของเหลวต่าง ๆ ให้ครบ เครื่องยนต์ต้องใช้น้ำมันเครื่องเบอร์ 0W-20 น้ำมันเกียร์อัตโนมัติต้องใช้น้ำมัน ATF Z1 หรือ DW1 เท่านั้น และควรไล่ระบบน้ำหล่อเย็นและระบบเบรกใหม่เพื่อความมั่นใจในการใช้งาน
การตั้งวาล์ว
ควรตรวจสอบระบบเครื่องยนต์เป็นประจำและควรปรับตั้งวาล์วทุก 40,000 กม. เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
ตรวจสอบช่วงล่างและตัวถัง
ควรตรวจสอบบูช ลูกหมาก และจุดยึดช่วงล่างอย่างสม่ำเสมอ ซ่อมรอยกะเทาะของสีหรือรอยร้าวของซุ้มล้อทันทีเพื่อป้องกันสนิม
ทำไม honda crv มือสอง เจเนอเรชันที่ 3 ยังเป็นรถที่น่าใช้งานในปีนี้
แม้จะเปิดตัวมาหลายปีแล้วแต่ Honda CR-V เจเนอเรชันที่ 3 ยังคงเป็นรถ Crossover SUV ที่ได้รับความนิยมในตลาดรถมือสอง ด้วยดีไซน์ที่เรียบหรูดูดี ใช้งานง่าย มีความทนทานที่เชื่อถือได้ การบำรุงรักษาไม่ซับซ้อน อีกทั้งยังมีอะไหล่รองรับทั้งของแท้และของเทียบคุณภาพดี ทำให้รถรุ่นนี้ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่มองหาความคุ้มค่าและความเชื่อถือได้ในระยะยาว
จุดเด่นเมื่อเทียบกับรถรุ่นอื่นในระดับเดียวกัน
- เครื่องยนต์ทนทาน: เครื่องยนต์ทั้งขนาด 2.0 ลิตร และ 2.4 ลิตร ของ Honda CR-V เจเนอเรชันที่ 3 มีความทนทาน ดูแลง่าย ไม่จุกจิก ให้สมรรถนะที่ดี หากบำรุงรักษาตามระยะดี ๆ สามารถใช้งานได้เกิน 200,000 กิโลเมตรแบบไม่ต้องยกเครื่องใหม่
- อะไหล่หาง่าย: มีทั้งอะไหล่แท้จากศูนย์และของเทียบคุณภาพดีจากแบรนด์ที่เชื่อถือได้ให้เลือกมากมาย ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดูแลระยะยาว
- ความอเนกประสงค์: CR-V เจเนอเรชันที่ 3 มีตัวเลือกระบบขับเคลื่อน 4 ล้อให้คนที่ต้องการคุณภาพและการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น ช่วยให้ขับมั่นใจทั้งในเมืองและขับขี่ทางไกล และช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ได้มากขึ้น
จุดด้อยที่ควรระวัง (แต่รับมือได้)
- สีและสภาพตัวถัง: มีโอกาสที่ CR-V เจเนอเรชันที่ 3 จะเจอปัญหาสีถลอกหรือกะเทาะได้ง่ายจากเศษหินหรือการใช้งานประจำวัน แนะนำให้ซ่อมทันทีเพื่อป้องกันการเกิดสนิม
- สภาพภายในเสื่อมตามอายุ: เบาะนั่งและวัสดุหุ้มต่าง ๆ ภายในห้องโดยสาร มีโอกาสเสื่อมสภาพตามอายุ พนักวางแขนหรือเบาะแตกลายงา และหน้าจอแสดงผลอาจซีดจางหรือกะพริบ ซึ่งซ่อมได้ไม่ยากในอู่ทั่วไป
- ล้อหลังเอียง: เป็นจุดอ่อนเฉพาะรุ่น ติดตั้งคันชักแบบปรับได้และตั้งศูนย์ล้อเป็นประจำจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้
คำแนะนำสำหรับเจ้าของรถ CR-V เจเนอเรชันที่ 3 มือสอง
- ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรก และของเหลวต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ
- เปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก 10,000 กม. เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุก 40,000 กม. เพื่อยืดอายุเกียร์อัตโนมัติ
- ตรวจสอบระบบช่วงล่าง เช่น บูช ลูกหมาก และโช้คอัพ หากเริ่มมีเสียงดังหรือรู้สึกผิดปกติควรเปลี่ยนทันที
- หมั่นตรวจหาริ้วรอยบนตัวถัง รอยสีกะเทาะ รอยบุบ รอยขนแมว หากดูแล้วมีความเสี่ยงสูงควรซ่อมทันทีเพื่อป้องกันปัญหาลุกลามบานปลาย
- ตรวจเช็กยางขอบประตูและกระจก ถ้าฉีกหรือแข็งตัว ควรเปลี่ยนเพื่อป้องกันน้ำเข้า
- ระบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น เซนเซอร์ถอยหลังหรือหน้าจอแสดงข้อมูล ควรตรวจให้พร้อมใช้งานเสมอ เพื่อความปลอดภัยและความสะดวกในการขับขี่
ประหยัดและปลอดภัยมากขึ้นถ้าดูแลถูกวิธี
- ใช้น้ำมันเครื่องที่ได้มาตรฐาน API SN หรือสูงกว่า เบอร์น้ำมันเครื่องที่แนะนำตามคู่มือรถคือ 0W-20 สามารถขยับไปใช้เบอร์ 5W-30 ได้หากรถมีเลขไมล์เกินแสนกิโลเมตรและต้องการการปกป้องเพิ่มขึ้น
- หากเครื่องยนต์เริ่มมีอาการกินน้ำมันเครื่องหรือมีควันผิดปกติ ควรเข้าตรวจสภาพเครื่องยนต์ทันที
- ตั้งศูนย์ล้อและเช็กสภาพยางเป็นประจำเพื่อความปลอดภัยและยืดอายุยาง
เสียงจากผู้ใช้งานจริง
ผู้ใช้งาน Honda CR-V เจเนอเรชันที่ 3 หลายคนชื่นชอบรูปลักษณ์ของรถที่มีความร่วมสมัย ยังดูไม่เก่า และชอบภายในของรถที่กว้างขวาง ตกแต่งสวย มีความสะดวกครบเพียงพอต่อการใช้งานในปัจจุบัน ขณะเดียวกันก็มองว่าเครื่องยนต์ทั้ง 2.0 ลิตร และ 2.4 ลิตร ให้สมรรถนะที่ดีเพียงพอกับความต้องการ เครื่องยนต์มีความทนทาน ดูแลง่าย ไม่จุกจิก เกียร์ทนและใช้งานได้ดี เช่นเดียวกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่ช่วยเพิ่มการยึดเกาะถนนและช่วยให้ขับมั่นใจมากขึ้น ส่วนระบบช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยวก็ตอบสนองได้ดี ทั้งยังหาอะไหล่ง่าย มีให้เลือกใช้ทั้งอะไหล่แท้และอะไหล่เทียบที่ช่วยให้ลดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น
บทสรุป: Crossover SUV ขนาดกลาง ราคาดี ตอบโจทย์การใช้งานได้ครอบคลุม
Honda CR-V เจเนอเรชันที่ 3 คือรถ Crossover SUV ขนาดกลางที่ตอบโจทย์คนมองหารถมือสองที่คุ้มค่า ทั้งในแง่ของสมรรถนะการขับขี่ ความสะดวกสบาย ความทนทาน และความสะดวกในการดูแลรักษา ถ้าใช้งานไม่หนักจนเกินไปและดูแลตามคำแนะนำ รถรุ่นนี้ก็ยังใช้งานได้อีกหลายปีแบบสบายใจ เหมาะทั้งขับขี่ใช้งานในเมืองและขับขี่ทางไกลนอกเมือง นอกจากนี้ ราคามือสองของ CR-V เจเนอเรชันที่ 3 ในปัจจุบันยังไม่สูงมาก ถ้ามีงบ 3 แสนบาท สามารถหา CR-V เจเนอเรชันที่ 3 ปีใหม่ ๆ สภาพดี ๆ ได้ไม่ยาก ถือเป็นรถมือสองที่น่าสนใจมากอีกรุ่นในตอนนี้
ตามหารถ Honda CR-V มือสองที่ใช่สำหรับคุณอยู่หรือเปล่า?
เรารวบรวม crv ที่ประกาศขายจาก Facebook Marketplace, Kaidee, One2Car และ TaladRod มาไว้ให้ครบ จบในที่เดียว เปรียบเทียบราคา เช็กประเภทผู้ขาย แล้วเลือกคันที่ตรงใจคุณได้ง่ายๆ
ค้นหา HONDA CRV มือสอง ได้ที่นี่ → Honda CR-V on Roddee PRO
- Bangkok, 500 km
- Brand: Honda
- Model: CR-V
- Source: Facebook, Kaidee, One2Car, TaladRod