HAVAL H6 มือสอง น่าใช้แค่ไหน? SUV ไซส์กลาง ที่ครบเครื่องเกินราคา

haval h6 รถ Crossover SUV ขนาดกลางจาก GWM

แบรนด์ HAVAL อาจยังใหม่สำหรับใครบางคน แต่แบรนด์นี้กลับไม่ใช่มือใหม่ในวงการยานยนต์ระดับโลก โดยเฉพาะในกลุ่มรถ Crossover SUV ที่ HAVAL เชี่ยวชาญและทำตลาดอย่างจริงจังมานาน ในประเทศไทย HAVAL เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2021 ภายใต้ชายคา Great Wall Motor หรือ GWM พร้อมสร้างกระแสตั้งแต่วันแรกที่เปิดตัวด้วย H6 รถ Crossover SUV ขนาดกลางรูปลักษณ์พรีเมียมหรูหรา ทันสมัย เทคโนโลยีแน่นคัน และทำราคาได้อย่างน่าดึงดูดจนหลายคนต้องหันมามองรถจีนยี่ห้อนี้

haval h6 เป็นรถ Crossover SUV ขนาดกลางที่มียอดขายเติบโตเร็วมากในช่วง 3 - 4 ปีที่ผ่านมาพร้อมกับเริ่มมีให้เห็นในตลาดรถมือสองมากขึ้น แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงรถมือสองหลายคนอาจยังลังเลว่าจะเชื่อถือได้แค่ไหน ใช้งานดีหรือเปล่า ค่าอะไหล่แพงหรือไม่ แต่ในกรณีของ HAVAL H6 นั้นกลับมีหลายเหตุผลที่ทำให้มันกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่กำลังมองหารถ Crossover SUV ที่ครบเครื่องในงบประมาณที่จับต้องได้

ไม่ว่าจะเป็นความคุ้มค่าด้านออปชัน ระบบความปลอดภัยที่ให้มาเกินราคา หรือชื่อเสียงของแบรนด์ GWM ที่แม้จะเป็นผู้เล่นใหม่ในไทยแต่ก็พิสูจน์ตัวเองได้อย่างน่าประทับใจในเวลาไม่นาน HAVAL H6 จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ต้องการรถ Crossover SUV สำหรับครอบครัว รูปลักษณ์สวย ขับดี และมีความล้ำสมัย

ถ้าอยากรู้ว่า HAVAL H6 มือสองมีจุดเด่นตรงไหนบ้าง และควรระวังอะไรเมื่อตัดสินใจซื้อ มาเจาะลึกทุกรายละเอียดไปพร้อมกันในบทความนี้

ประวัติรุ่นและตัวเลือกฮาวาลในตลาดมือสอง

H6 เปิดตัวเวอร์ชันไฮบริดหรือ H6 HEV ในไทยเป็นแห่งแรกของโลก

HAVAL H6 ที่วางขายในบ้านเราทุกวันนี้คือเจเนอเรชันที่ 3 ของตระกูล เปิดตัวครั้งแรกในจีนช่วงปี 2020 และเข้ามาทำตลาดในไทยช่วงปี 2021 โดยเป็นรุ่นบุกเบิกตลาดประเทศไทยของ GWM ที่สำคัญ การเปิดตัว H6 ในไทยตอนนั้นยังเป็นการเปิดตัวเวอร์ชันไฮบริดหรือ H6 HEV เป็นแห่งแรกของโลกด้วย ซึ่งรถรุ่นนี้ประกอบที่โรงงาน GWM จังหวัดระยอง

จุดเด่นของ HAVAL H6 คือเป็นรถที่ให้ความรู้สึกหรูหราแต่ไม่เวอร์ ดีไซน์ทันสมัย มีความเฉียบคมของเส้นสาย ที่สำคัญคือไม่กั๊กออปชัน เมื่อเทียบกับ Crossover SUV หลายรุ่นในระดับราคาใกล้เคียงกันแล้ว H6 ให้ออปชันเหนือกว่า โดยออปชันเด่น ๆ จะมีทั้งหน้าจอระบบอินโฟเทนเมนต์ขนาดใหญ่ กล้องรอบคัน 360 องศา ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control รวมถึงระบบช่วยถอยจอดอัตโนมัติที่ปกติแล้วจะเจอในรถยุโรปราคาหลักล้านขึ้นไป

หลังจากทำตลาดได้ราว 4 ปี ล่าสุด HAVAL H6 ได้มีการปรับโฉม Minorchange ไปเมื่อต้นปี 2025 ที่ผ่านมา ทำให้รุ่นที่อยู่ในตลาดตอนนี้ยิ่งดูสดใหม่และมีความทันสมัยมากขึ้นทั้งในแง่ของหน้าตา ภายในห้องโดยสาร และระบบช่วยขับขี่

ในตลาดประเทศไทย HAVAL H6 มีให้เลือก 2 ขุมพลังหลัก ๆ คือรุ่น H6 HEV เครื่องยนต์เบนซินไฮบริดกำลังสูงสุด 243 แรงม้า แรงบิด 530 นิวตันเมตร กับอีกรุ่นคือ H6 PHEV เครื่องยนต์เบนซินปลั๊กอินไฮบริดที่สามารถชาร์จไฟได้ มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดความจุ 34 kWh วิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้สูงสุด 201 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC) เหมาะกับคนที่ใช้ชีวิตในเมืองที่ต้องการรถที่มีความอเนกประสงค์ ใช้งานได้ทั้งน้ำมันเชื้อเพลิงปกติและพลังงานไฟฟ้า

เครื่องยนต์ของ haval h6 ในประเทศไทย

เครื่องยนต์ฮาวาล H6 มีให้เลือกเป็นแบบไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริด

HAVAL H6 ที่วางจำหน่ายในไทยจะมีให้เลือก 2 รูปแบบ ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซินไฮบริด และเครื่องยนต์เบนซินปลั๊กอินไฮบริด ทั้งสองรูปแบบใช้พื้นฐานเครื่องยนต์เดียวกัน แต่จะแตกต่างกันที่ระบบไฟฟ้าและแบตเตอรี่

เครื่องยนต์เบนซินไฮบริด 1.5 ลิตร

รุ่นที่คนไทยคุ้นเคยมากที่สุดคือ HAVAL H6 HEV ซึ่งใช้เครื่องยนต์เบนซินรหัส 4B15D เป็นเครื่องยนต์แบบ 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว ปริมาตรความจุ 1.5 ลิตร พ่วงเทอร์โบและมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุดรวมทั้งระบบ 243 แรงม้า แรงบิด 530 นิวตันเมตร

เครื่องยนต์ตัวนี้ทาง GWM เป็นคนพัฒนาขึ้นเองทั้งหมดโดยเริ่มใช้มาตั้งแต่ปี 2018 และได้รับการปรับปรุงด้านประสิทธิภาพในช่วงปี 2021 ก่อนจะถูกนำมาใช้ใน HAVAL H6 ที่วางขายในไทย

เครื่องยนต์เบนซินลูกนี้เป็นแบบ 4 สูบเรียง พร้อมโครงสร้างบล็อกอะลูมิเนียมน้ำหนักเบา และใช้ปลอกสูบเหล็กหล่อแบบผนังบางเพื่อเพิ่มความทนทาน นอกจากจะให้กำลังราว 150 แรงม้าแล้ว ยังมาพร้อมระบบวาล์วแปรผัน (VVT) ทั้งฝั่งไอดีและไอเสีย รวมถึงระบบโซ่ราวลิ้นที่ทนทานและไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย

หนึ่งในจุดเด่นทางวิศวกรรมของเครื่องยนต์ฮาวาลนี้คือการติดตั้งระบบควบคุมความสูงการยกวาล์วแบบต่อเนื่อง ซึ่งพบได้ในรถหรูอย่าง BMW หรือ Infiniti ระบบนี้ช่วยควบคุมการไหลของอากาศเข้าสู่กระบอกสูบได้อย่างแม่นยำ ส่งผลดีต่อทั้งแรงบิดรอบต่ำ การประหยัดน้ำมัน และการตอบสนองของเครื่องยนต์โดยรวม

เทอร์โบชาร์จที่ใช้เป็นของ BMTS (Bosch Mahle Turbo Systems) ซึ่งเป็นผู้ผลิตระดับโลก และยังมีการติดตั้งปั๊มน้ำมันเครื่องแบบ 2 สเตจที่สามารถปรับแรงดันให้เหมาะสมตามการใช้งาน ช่วยลดภาระเครื่องยนต์ในรอบเดินเบาและเพิ่มความประหยัดน้ำมันอีกขั้น

ความทนทานในการใช้งานจริง

จากประสบการณ์ของผู้ใช้หลายรายที่ใช้งาน HAVAL H6 HEV มาระยะหนึ่ง พบว่าเครื่องยนต์ 4B15D นั้นมีความทนทานและไว้ใจได้ ปัญหาหนัก ๆ อย่างโซ่ยืด วาล์วดัง หรือกระบอกสูบสึกก่อนเวลา แทบไม่พบเลยหากมีการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม

ข้อควรรู้คือเนื่องจากเป็นระบบฉีดเชื้อเพลิงตรงเข้าห้องเผาไหม้ (Direct Injection) จึงมีโอกาสเกิดคราบเขม่าสะสมที่วาล์วไอดีตามปกติ ซึ่งอาจต้องล้างคราบด้วยวิธีเฉพาะหลังใช้งานไปสักระยะ เช่น ทุก ๆ 100,000 กิโลเมตร นอกจากนี้ เซนเซอร์ระบบระบายอากาศในห้องเครื่องก็เป็นชิ้นส่วนที่ควรเปลี่ยนตามรอบเพื่อให้ระบบระบายไอเสียของเครื่องยนต์ทำงานได้ดี

ส่วนในเรื่องสมรรถนะก็ไม่ได้น้อยหน้าใครในกลุ่มรถ Crossover ขนาดกลาง HAVAL H6 HEV สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลาประมาณ 8.3 วินาที ซึ่งถือว่าเร็วมากสำหรับรถที่มีน้ำหนักเกือบ 2 ตัน ส่วนอัตราสิ้นเปลืองในเมืองอยู่ที่ราว 9 - 10 ลิตร/100 กม. และลดลงเหลือ 7 - 8 ลิตร/100 กม. บนทางหลวง ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีสำหรับรถไฮบริดเทอร์โบ

นอกจากเครื่องยนต์รหัส 4B15D จะเป็นหัวใจหลักของ HAVAL H6 HEV เครื่องยนต์รุ่นนี้ยังถูกติดตั้งอยู่ใน Crossover SUV น้องเล็กร่วมค่ายอย่าง HAVAL Jolion ด้วย แต่จะถูกปรับลดกำลังลงเล็กน้อยเหลือ 190 แรงม้า พร้อมกับแรงบิด 375 นิวตันเมตร

เครื่องยนต์เบนซินปลั๊กอินไฮบริด PHEV

สำหรับ HAVAL H6 PHEV จะเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง DOHC 16 วาล์ว ความจุ 1.5 ลิตร เทอร์โบ พื้นฐานเดียวกันกับรุ่น H6 HEV แต่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ปรับจูนให้มีกำลังมากกว่า ทำให้รุ่นนี้มีพละกำลังรวมสูงสุดทั้งระบบ 326 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 530 นิวตันเมตร

ส่วนแบตเตอรี่เป็นชนิด Lithium Ternary ความจุ 34 kWh รองรับการชาร์จไฟได้ทั้งกระแสสลับ AC สูงสุด 6 kW และไฟฟ้ากระตรง DC สูงสุด 48 kW รถสามารถวิ่งได้ด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนสูงสุด 201 กม. ตามมาตรฐาน NEDC และมีระยะเวลาการชาร์จไฟฟ้า AC ประมาณ 6 ชั่วโมง ชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC จาก 0 - 80% ภายใน 35 นาที

ระบบไฮบริดของ H6 PHEV มีความล้ำสมัยก็จริงแต่ก็แลกมาด้วยความซับซ้อนของระบบที่มากขึ้น ทำให้ไม่เป็นที่นิยมเท่ารุ่นไฮบริดธรรมดา ในตลาดมือสองจึงมีตัวเลือกไม่มาก แม้ว่าจะยังไม่มีรายงานการพบปัญหาใหญ่ แต่ด้วยเหตุที่ว่ามาทำให้ผู้ซื้อส่วนใหญ่เลือกรุ่นไฮบริดธรรมดากันมากกว่าเพราะกังวลเรื่องค่าดูแลรักษาในอนาคต หากคุณต้องการ H6 มือสอง รุ่น PHEV ก็น่าสนใจถ้ารับข้อพิจารณาตรงนี้ได้

ระบบส่งกำลังและการขับเคลื่อนของรถฮาวาล

รถฮาวาล H6 ใช้เกียร์ DHT สำหรับรถไฮบริดโดยเฉพาะ

ระบบส่งกำลังของ HAVAL H6 ถือว่าอยู่ในระดับที่ไว้ใจได้ โดยรุ่นที่ขายในไทยจะใช้เกียร์ DHT ซึ่งออกแบบมาสำหรับรถไฮบริดโดยเฉพาะ เป็นระบบเกียร์ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าช่วยในการเปลี่ยนเกียร์ ทำให้การตอบสนองนุ่มนวล ไม่มีจังหวะกระตุกเหมือนเกียร์ทอร์คคอนเวอร์เตอร์ยุคเก่า

ในการใช้งานจริง ระบบส่งกำลังของ H6 มีจังหวะเปลี่ยนเกียร์ที่ต่อเนื่อง รู้สึกได้ถึงแรงบิดที่มาแบบทันใจเวลาออกตัวหรือเร่งแซง ตัวมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ช่วยให้การขับในเมืองประหยัดและเงียบ ในขณะที่บนทางหลวงก็ยังมีแรงเหลือให้ใช้งานสบาย ๆ ที่ความเร็วเดินทาง 100 – 120 กม./ชม. ส่วนระบบขับเคลื่อนแม้จะเป็นแบบขับหน้า (FWD) ในทุกรุ่นย่อย แต่การเกาะถนนและความมั่นคงเวลาเข้าโค้งหรือวิ่งเร็วก็ยังอยู่ในเกณฑ์ดี

ในแง่ของความทนทาน ยังไม่พบรายงานปัญหาใหญ่เกี่ยวกับชุดเกียร์หรือระบบขับเคลื่อนจากผู้ใช้งานในไทยที่ดูแลรถตามปกติ เช่น เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ตามระยะ และไม่ฝืนใช้งานแบบหักโหม ความเรียบง่ายของระบบขับเคลื่อนแบบล้อหน้าก็ช่วยลดโอกาสการสึกหรอของชิ้นส่วน และประหยัดค่าซ่อมบำรุงในระยะยาวได้พอสมควร

ถ้ามองหารถ SUV มือสองที่ขับแล้วรู้สึกมั่นใจ ลื่น ไม่กระตุก และไม่ต้องมานั่งลุ้นว่าจะมีค่าใช้จ่ายแปลก ๆ จากชุดเกียร์ HAVAL H6 คืออีกหนึ่งรุ่นที่น่าเชื่อใจได้ครับ

ช่วงล่างและพวงมาลัยของรถ haval

ถ้าเปรียบเทียบรถ crossover ขนาดกลางหลายรุ่นในตลาดรถฮาวาล H6 ถือว่าเซตช่วงล่างออกมาได้ดีเพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตจริง suv haval มีช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัทและด้านหลังแบบมัลติลิงก์ช่วยให้ตัวรถเกาะถนนดีในจังหวะเข้าโค้ง และให้ความนุ่มนวลพอประมาณเวลาวิ่งผ่านถนนลูกคลื่นหรือรอยต่อคอนกรีต พูดง่าย ๆ คือมันไม่ได้นิ่มจนโยน ไม่ได้แข็งจนสะเทือน นั่งกันเต็มคันผู้โดยสารยังรู้สึกสบาย

พวงมาลัยของ H6 เป็นแบบพาวเวอร์ไฟฟ้า (Electric Power Steering) ที่ให้น้ำหนักเบาในความเร็วต่ำ เหมาะกับการขับในเมืองหรือจอดเข้าซองง่าย ๆ และจะค่อย ๆ หนักขึ้นตามความเร็ว ทำให้การควบคุมรถบนทางหลวงมั่นใจมากขึ้น แม้จะไม่ถึงกับคมเฉียบแบบรถยุโรป แต่ก็ถือว่าแม่นและนิ่งพอสำหรับการใช้งานทุกวัน

จากเสียงตอบรับของผู้ใช้ในไทย ส่วนใหญ่พอใจกับความแน่นของช่วงล่างและความไว้ใจได้ของการควบคุม และที่สำคัญคือยังไม่มีรายงานปัญหาจุกจิกเกี่ยวกับช่วงล่างหรือพวงมาลัยในตอนนี้ และเพื่อการใช้งานที่ดีในระยะยาว เจ้าของรถควรดูแลรักษาช่วงล่างตามระยะ เช่น เปลี่ยนยางตามระยะ และตรวจเช็กช่วงล่างทุก 10,000 กม.

คุณภาพตัวถังและภายนอก

ตัวถังของ HAVAL H6 ใช้โครงสร้างเหล็กที่มีความแข็งแรงสูง (High-Strength Steel) ในหลายจุดสำคัญ โครงสร้างหลักผ่านมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากลรวมถึงการทดสอบชนจากหลายประเทศ จึงมั่นใจได้ว่ารถรุ่นนี้ไม่ได้แค่สวยแต่รูป แต่ยังทนทานตามมาตรฐานที่ควรจะเป็น นอกจากนี้ เรื่องของ สีพ่นและวัสดุประกอบภายนอก อย่างกันชน ชิ้นส่วนตกแต่ง หรือไฟหน้าไฟท้าย ก็ถือว่าคุณภาพดี ทนแดดทนฝนได้ดีตามสภาพอากาศบ้านเรา ไม่มีปัญหาเรื่องสีด่างหรือยางขอบเสื่อมเร็วกว่าปกติอย่างที่หลายคนเคยกังวล

แม้จะใช้งานมาแล้ว 2-3 ปี รถหลายคันในตลาดมือสองยังดูสภาพใหม่ แค่ล้างดี ๆ ก็เงางามเหมือนเดิม จุดนี้ถือว่าได้เปรียบรถบางค่ายที่สีเริ่มซีดหรือชิ้นส่วนภายนอกเริ่มกรอบภายในเวลาไม่กี่ปี

คุณภาพของ haval h6 ภายในห้องโดยสารและสิ่งอำนวยความสะดวก

เครื่องยนต์ฮาวาล H6 มีให้เลือกเป็นแบบไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริด

haval h6 ภายในห้องโดยสารให้ความรู้สึกพรีเมียมและน่าตื่นตาตื่นใจทั้งในเรื่องวัสดุที่ใช้ การออกแบบ และรายละเอียดต่าง ๆ เบาะนั่งหุ้มหนังแบบ Soft Touch นั่งสบาย ไม่แข็งไม่ยวบ ส่วนวัสดุบริเวณแดชบอร์ดและแผงประตูไม่ใช่พลาสติกแข็งแบบที่เคยเจอกับรถบางรุ่นในกลุ่มเดียวกัน การเก็บงานโดยรวมดูดี แน่นหนาแข็งแรง และยังดูไม่เชยแม้ผ่านเวลามาหลายปี

ด้านออปชันภายในก็ถือว่าจัดเต็มโดยเฉพาะในรุ่นท็อปที่มีทั้งเบาะคนขับปรับไฟฟ้าพร้อมระบบระบายอากาศ, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบปรับอุณหภูมิ, หลังคาพาโนรามิกซันรูฟ, หน้าจอความละเอียดสูงทั้งระบบอินโฟเทนเมนต์และมาตรวัด รวมถึงระบบช่วยขับขี่ เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control), ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตา และกล้องรอบคันที่ชัดเจนจริง ใช้ได้จริง ไม่ใช่แค่ใส่มาให้ดูครบ ๆ

สำหรับคนที่กังวลเรื่องความทนทานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ต้องบอกว่าในช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมา HAVAL H6 ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าอุปกรณ์เหล่านี้ใช้งานได้ดีต่อเนื่อง มีบ้างที่อาจต้องอัปเดตซอฟต์แวร์เล็กน้อย แต่โดยรวมไม่พบปัญหาใหญ่อย่างจอค้าง ปุ่มรวน หรือกล้องพังง่าย ที่สำคัญคือมีศูนย์บริการ GWM รองรับทั่วประเทศ และอะไหล่ก็เริ่มหาง่ายขึ้นแล้วในตลาดอิสระ

ระบบความปลอดภัยของ HAVAL H6

รถhaval H6 ใช้โครงสร้างเหล็กที่มีความแข็งแรงสูง

HAVAL H6 เป็นรถที่ให้ระบบความปลอดภัยมาเยอะมาก ๆ จุดที่น่าสนใจคือแม้จะเป็นรุ่นเริ่มต้นก็ใส่ระบบความปลอดภัยมาให้ค่อนข้างครบ เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน, ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน, ระบบเตือนมุมอับสายตา เป็นต้น ซึ่งระบบพวกนี้ใช้งานได้จริง เซนเซอร์และกล้องต่าง ๆ ตอบสนองไวและมีความแม่นยำในระดับที่มั่นใจได้

เจ้าของรถ H6 หลายคนในไทยพบว่าระบบความปลอดภัยยังทำงานสมบูรณ์แม้รถจะผ่านการใช้งานมาแล้ว 2–3 ปี โดยไม่มีปัญหาจุกจิกอย่างระบบค้างหรือเตือนผิดพลาดเหมือนที่บางคนเคยเจอกับรถแบรนด์อื่น

โครงสร้างตัวถังของ H6 เองก็ผ่านมาตรฐานการทดสอบความปลอดภัยระดับสูงจากหลายสถาบัน ไม่ว่าจะเป็น C-NCAP ของจีน หรือ ASEAN NCAP ซึ่งช่วยการันตีความแข็งแรงของตัวรถในกรณีเกิดอุบัติเหตุจริง ถุงลมนิรภัยก็ให้มาครบรอบคัน รวมถึงจุดยึดเบาะเด็ก ISOFIX ที่รองรับครอบครัวที่มีเด็กเล็กได้สบายใจ

ถ้าคุณอยากได้รถ Crossover SUV มือสองที่ดูแลครอบครัวได้และมีระบบช่วยขับขี่ที่ใช้งานได้จริง HAVAL H6 เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม

คำแนะนำสำหรับคนกำลังมองหา HAVAL H6 มือสอง

ถ้าคุณเริ่มสนใจ HAVAL H6 มือสอง สิ่งแรกที่ควรทำไม่ใช่รีบดูราคา แต่ควรเริ่มจากตรวจสอบประวัติการใช้งานของรถคันนั้นให้ละเอียด โดยเฉพาะในเรื่องการเข้าศูนย์ตามระยะ เพราะรถรุ่นนี้แม้จะทนและอึดกว่าที่หลายคนคิด แต่ก็มีรายละเอียดปลีกย่อยบางอย่างที่ต้องได้รับการดูแล เช่น ระบบไฮบริดและเกียร์ DHT ที่ควรมีประวัติเช็กบำรุงชัดเจน รวมถึงการเปลี่ยนถ่ายของเหลวต่าง ๆ ตามรอบ

อีกเรื่องที่ควรให้ความสำคัญคือการเลือกปีรุ่นและรุ่นย่อยให้ตรงกับความต้องการจริง ๆ เพราะ HAVAL H6 มีหลายรุ่นย่อยที่ออปชันต่างกันพอสมควร เช่น บางรุ่นไม่มีระบบช่วยถอยจอดอัตโนมัติ ถ้าคุณใช้งานในเมืองบ่อย ๆ หรือจอดในที่แคบ ระบบพวกนี้จะมีประโยชน์มาก ส่วนใครเน้นประหยัดน้ำมันและใช้รถในเมืองทุกวัน รุ่น PHEV ตอบโจทย์ด้านความประหยัดได้ดีกว่ารุ่น HEV

สุดท้ายอย่าลืมตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่ไฮบริดว่ายังอยู่ในสภาพดีหรือไม่ อยู่ในช่วงรับประกันหรือไม่ และสามารถนำรถเข้าเช็กกับศูนย์บริการ Great Wall Motor ได้หรือเปล่า เพราะแบตเตอรี่นี้คือหัวใจของระบบขับเคลื่อน ถ้ายังอยู่ในประกันก็อุ่นใจขึ้นอีกเยอะ

HAVAL H6 มือสอง เป็นรถที่ “ให้ของเยอะ คุ้มเกินราคา” ก็จริง แต่ถ้าเลือกแบบมีข้อมูลและตรวจสอบให้ดีตั้งแต่แรก คุณก็จะได้รถที่พร้อมใช้งานแบบยาว ๆ ไม่มีเรื่องให้ปวดหัวในอนาคต

บทสรุปรถhaval H6 มือสอง น่าใช้หรือไม่?

haval h6 มือสองคือหนึ่งในตัวเลือกที่คุ้มค่า

สำหรับคนที่มองหารถ crossover มือสองที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยี ขับสบาย มีความปลอดภัยครบ และมีดีไซน์สมัยใหม่ รถhaval H6 มือสองคือหนึ่งในตัวเลือกที่คุ้มค่าในตลาดรถมือสองตอนนี้ แน่นอนว่าอาจยังมีคนลังเลเพราะชื่อแบรนด์จากจีนที่เพิ่งเข้ามาทำตลาดในไทยได้ไม่นาน แต่เมื่อดูจากประสบการณ์ของผู้ใช้จริงในช่วง 2–3 ปีที่ผ่านมา จะเห็นว่ารถรุ่นนี้ยังไม่เจอปัญหาใหญ่ร้ายแรงที่น่ากังวล เป็นรถที่ใช้งานได้จริงทั้งในแง่ความทนทาน การประหยัดเชื้อเพลิง และคุณภาพวัสดุโดยรวม

สิ่งสำคัญคือควรเลือกคันที่มีประวัติชัดเจน เข้าเช็กระยะสม่ำเสมอ และอยู่ในสภาพเดิม ๆ ไม่ดัดแปลงอะไรแปลก ๆ ก็จะช่วยให้คุณใช้งานได้อีกหลายปีโดยไร้ข้อกังวล และเมื่อเทียบราคาค่าตัวในตลาดมือสองตอนนี้ที่ลดลงมาจากป้ายแดงหลายแสนบาทกับสเปกและออปชันที่ได้ การซื้อ HAVAL H6 มือสองก็เหมือนคุณได้รถเซกเมนต์สูงกว่าแต่มีราคาเท่า HAVAL Jolion

ถ้าเปิดใจรับแบรนด์จีนที่มีศักยภาพและมองหารถที่ให้ความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และความคุ้มค่าแบบรอบด้าน haval h6 ราคามือสองคือรถที่น่าใช้และอาจกลายเป็นของดีราคาถูกที่คุณภูมิใจโดยไม่ต้องจ่ายแพง

ค้นหา haval h6 มือสอง ที่ใช่สำหรับคุณ

เรารวบรวมประกาศขายรถมือสองจาก Facebook Marketplace, Kaidee, One2Car และ TaladRod มาไว้ในที่เดียว

เลือกดูรถฮาวาลเช็คประเภทผู้ขาย แล้วเลือกคันที่ตรงใจคุณได้ง่ายๆ

พบกับรถฮาวาลมากมายที่นี่ →haval h6 มือสอง

  • กรุงเทพมหานคร, 500 km
  • ยี่ห้อ: GWM
  • รุ่น: Haval H6
  • แหล่งที่มา: Facebook, Kaidee, One2Car, TaladRod


HAVAL H6 มือสอง น่าใช้แค่ไหน? SUV ไซส์กลาง ที่ครบเครื่องเกินราคา